Haijai.com


สอนลูกให้เป็นเด็กดีตามวิถีเด็กคิดบวก


 
เปิดอ่าน 3431

เติบโตเป็นเด็กดีตามวิถีเด็กคิดบวก Up and Growth with positive thinking

 

 

แนวคิดดีๆ เกี่ยวกับชีวิตและการทำงานช่วงนี้คงไม่มีอะไรจะจะน่าสนใจไปมากกว่า การการคิดบวกอีกแล้วค่ะ  เพราะปัจจุบันนี้เขาเชื่อกันว่าการคิดบวก หรือมองโลกในแง่ดีจะช่วยให้คนคนหนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตได้  ยิ่งบ้านเมืองเราที่ปัญหามากมายอย่างนี้ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งค่ะที่จะหันมาปรับมุมมองและคิดบวก ยิ่งถ้าปลูกฝังให้รู้จักคิดบวกกันตั้งแต่เด็ก ความคิดดีๆ นั้นมันก็จะติดตัวไปจนเป็นผู้ใหญ่เลยล่ะค่ะ  มาฝึกเด็กๆ ให้คิดบวกกันเถอะ

 

 

แบบไหนน้า ถึงจะเรียกว่าเด็กคิดบวก

 

 ต้องเป็นเด็กทีเข้าใจธรรมชาติและเข้าใจความแตกต่างของแต่ละบุคคล

 

 

 เรียนรู้และรับรู้อารมณ์ความรู้สึกรวมทั้งเข้าใจอารมณ์ของตัวเองได้

 

 

 มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจนซึ่งจะเป็นพลังที่ส่งเสริมให้เด็กๆ อยากทำโน่น ทำนี่

 

 

 ไม่มองเรื่องต่างๆ ว่าเป็นปัญหาหรืออุปสรรค

 

 

 มีกำลังใจเสมอและแบ่งปันกำลังใจให้คนอื่นได้

 

 

ทำไงนะให้หนูคิดบวก

 

การคิดบวกหรือมองโลกในแง่ดีไม่ใช้เพียงแค่ทำให้ชีวิตมีความสุขเท่านั้นนะคะ แต่ผู้เชี่ยวชาญเขายังบอกมาว่าการคิดในแง่บวกสามารถทำให้คนเราฉลาดขึ้นได้ การคิดบวกเขาเริ่มปลูกฝังกันตั้งแต่ยังเล็ก และเริ่มทำกันเป็นกระบวนการตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยล่ะค่ะ  สำหรับเด็กๆ เริ่มต้นด้วยวิธีง่ายๆ เหล่านี้ก่อนค่ะ เมื่อโตขึ้นเดี๋ยวเขาจะไปต่อยอดเอง

 

 

วิธีเสริมสร้างความคิดในเชิงบวกให้กับเด็กๆ ใน 1 วัน

 

สำหรับเด็กๆ แล้วต้องค่อยๆ สอนกันไปในระยะยาวค่ะ เราจะมาเริ่มต้นกันด้วยในชีวิตประจำวันของเด็กๆ ควรจะเริ่มต้นอย่างไรให้ทุกๆ วันในชีวิตของเขา มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา

 

 

ตอนเช้า

 

อาหารเช้าสำคัญนะ

 

เมื่อไม่ทานอาหารเช้าเด็กๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ เอง ก็จะไม่ร่าเริงและไม่กระตือรือล้นเท่าที่ควรจะเป็น เพราะฉะนั้นเด็กให้เด็กๆ ทานอาหารเช้าทุกวันค่ะ เลือกอาหารที่มีประโยชน์ให้ลูก  ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกทานอาหารประเภทออร์แกนิคจะดีมากค่ะ  หลีกเลี่ยงอาหารขยะไร้ประโยชน์  ความรู้สึกดีส่วนหนึ่งของคนเราเกิดขึ้นมาจากสิ่งที่เราทานเข้าไป ทานแต่สิ่งที่ดีความรู้สึกดีต่อตัวเองก็จะตามมาค่ะ

 

 

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยคำพูดดีๆ

 

ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาคุณลองเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกด้วยการพูดคำพูดดีๆ เพราะอะไรก็ตามที่เป็นอย่างแรกที่คุณกรอกมันเข้าไปในสมองและความคิดมันก็จะติดอยู่อย่างนั้นไปตลอดวัน เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้วันทั้งวันของลูกมีแต่สิ่งดีๆ คุณก็แค่เป็นตัวอย่างหรือฝึกให้ลูกพูดแต่สิ่งๆ ตั้งแต่ตื่นนอน หากระดาษแผ่นเล็กๆ  เขียนคำพูดน่ารักๆ เช่น “I love my Life“ ติดกระดาษแผ่นเล็กๆ เหล่านี้ไว้ในห้องนอนหรือห้องน้ำ ที่คุณและลูกจะมองเห็นได้ง่ายๆ ให้คำว่า ”I love my Life” ติดอยู่ในความคิดของคุณและลูกซึ่งเมื่อคนเรารักและนับถือในตัวเองแล้วจะทำให้คิดออกมาในทางที่ดี ไม่หวั่นไวในคำนินทาว่าร้ายของคนรอบข้าง

 

 

เป็นศูนย์กลางของความรัก

 

คนเราจะดึงดูดความรักความสนใจในด้านบวกได้ยังไงกันนะ สบายๆ ค่ะ ก็แค่ทำตัวเป็นแหล่งของความรัก เริ่มต้นด้วยการสอนให้เด็กๆ เป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ด้วยการมองกระจกแล้วพูดว่า “เด็กอะไรนะน่ารักที่สุดในโลก” จากนั้นก็พูดว่า “I love You” ใช้เวลานิดหน่อยทำตามนี้ ฟังดูตลกๆ แต่มันสำคัญสำหรับการยกย่องและให้เกียรติตัวคุณเอง เมื่อคุณสอนลูกให้เขามั่นบอกรักตัวเองบ่อยๆ ไม่ใช่การหลงตัวเอง แต่ความรักคือส่วนประกอบสำคัญที่รวมมาเป็นคนคนหนึ่ง ความสวยงามของคนเราไม่ได้มาจากร่างกายแต่ถูกส่งผ่านมาทางจิตใจ การรู้จักรักตัวเองก่อนและบอกตัวเองอีกครั้งว่า “ฉันรักเธอ”  เมื่อออกไปข้างนอก ด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเด็กๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็อยากจะแบ่งปันความรักให้กับคนรอบข้าง

 

 

ตอนบ่าย

 

อาหารเที่ยงกับเพื่อนรู้ใจ

 

ทุกๆ มื้อเที่ยงในโรงเรียนอย่าลืมบอกเด็กๆ ด้วยนะคะ ว่าให้ทานข้าวกับเพื่อนคนที่คนรู้สึกดีเมื่ออยู่กับเขาพูดคุยกันเรื่องของเล่นหรือวันหยุด ที่อาจจะมีอะไรคล้ายๆ กัน เป็นเรื่องที่เข้าใจด้วยหลักง่ายๆ ค่ะ การอยู่กับคนให้รู้สึกดีก็ยิ่งเพิ่มพลังความคิดดีๆ ให้กับเด็กๆ  นอกจากนี้ในวันหยุดคุณพ่อคุณแม่อาจจะพาเด็กๆ ไปพบปะหรือทานข้าวกับบุคคลที่มีมุมมอง ความคิด และมีชีวิตที่น่าสนใจ เด็กๆ แม้จะยังไม่เข้าใจในเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกัน แต่นี่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

 

 

หายใจเข้าออก

 

คนส่วนใหญ่มักไม่ใส่ใจกับการหายใจของตัวเองในเวลาที่หรือในสถานการณ์คับขันต่างๆ ซึ่งการรับรู้และใส่ใจในลมหายใจเข้าออก ถือเป็นการตั้งสติที่ดีอีกทางหนึ่ง สอนให้เด็กๆ รู้จักกำหนดลมหายใจเข้าออกในเวลาที่เขารู้สึกว่าอากาศร้อน เครียดหรือกดดันในช่วงบ่ายๆ เป็นการฝึกสมาธิเบื้องต้น สมาธิทำให้สงบ มีสติ และยังช่วยให้เด็กๆ เริ่มต้นเรียนหรือคิดสิ่งดีๆ ได้เร็วขึ้น   อ้อ ! อีกอย่างช่วยให้จัดการอารมณ์ของตัวเองได้ด้วย  ของแบบนี้ต้องฝึกตั้งแต่เด็กค่ะ

 

 

ฟังให้มากขึ้น

 

คนที่ชอบฟังคือคนที่มีโอกาสจะได้ความรู้และได้เปรียบเพราะรู้ว่าคนที่พูดเป็นคนอย่างไร   บางคนอาจจะเคยบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าเด็กที่พูดเก่ง ช่างซัก ช่างถามนั้นคือเด็กฉลาด นั่นอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดเสมอไปเพราะคนฉลาดที่แท้จริงต้องรู้จักฟังและคิดก่อนแล้วถึงจะตามมาด้วยการตั้งคำถามค่ะ เมื่อไหร่ที่เอาแต่พูดนั่นเท่ากับว่าเสียโอกาสในการฟังไปด้วย สอนให้เด็กๆ รู้จักเปิดใจรับฟังเพื่อนๆ หรือผู้ใหญ่พูดบ้างก็ดีนะคะ แล้วเขาจะรู้ว่าแต่ละคนแตกต่างกันอย่างไรและใครที่เขาควรจะคุยด้วย   คนรอบตัวจะรักและชอบที่จะอยู่กับคนชอบฟังมากกว่าคนชอบพูดค่ะ

 

 

ตอนเย็น

 

สงบใจยามเย็น

 

ช่วงเย็นหลังจากเดินทางกลับบ้านในแต่วัน ถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ชอบฟังเพลงและข่าวสารโดยการเปิดเครื่องเสียงในรถ หรือคุยโทรศัพท์ตลอดทาง ลองเปลี่ยนมาเปิดเพลงเบาๆ คลอในรถระหว่างทางกลับบ้านและปิดมือถือที่มักดังตอนขับรถดูคะ ทั้งคุณและลูกวุ่นวายกับการเรียนและการทำงานมาแล้วทั้งวัน  เพราะฉะนั้น ช่วงเย็นที่นั่งรถกลับบ้านด้วยกัน ให้ใช้เวลานั้นพักผ่อนและทบทวนสิ่งต่างๆ ทั้งคุณและลูก ผ่อนคลายและปลดปล่อย

 

 

สิบนาทีเพื่อทบทวน

 

หลังจากที่ทานอาหารเย็นแล้ว ลองให้เวลาเด็กๆ วันละประมาณ 10 นาที เดินเล่นหรืออยู่คนเดียว เขาอาจจะใช้เวลานี้คิดถึงเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงกลางวัน โดยคุณอาจจะเข้าไปมีส่วนร่วมหรือส่วนช่วยบอกกับลูกว่าให้ลองนึกถึงและรวบรวมสิ่งดีๆ และคำพูดดีๆ ที่ได้พบเจอมาในแต่ละวัน รวมทั้งเรื่องราวประทับใจให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

ปิดสวิตท์ความคิดก่อนเข้านอน

 

หลังจากที่เจ้าตัวเล็กของคุณทำการบ้านและทบทวนบทเรียนเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาเข้านอนเสียที แต่ก่อนที่จะนอนอย่าลืมบอกเด็กๆ ด้วยค่ะว่าให้นึกถึงสิ่งดีๆ ที่เขารวบรวมได้ตอนหัวค่ำและให้ลูกขอบคุณสิ่งต่างๆ ที่เป็นเรื่องดีๆ ตลอดทั้งวันนั้นค่ะ จากนั้นก็ให้เขาคิดว่าพรุ่งนี้เขาอะไรที่ต้องทำบ้าง คุณครูจะให้ทำอะไร และเพื่อนคนไหนจะเอาสมุดลายใหม่มาให้ดู หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็ให้ลูกเข้านอนได้ การนึกถึงและขอบคุณสิ่งดีๆ ก่อนเข้านอนนั้นเป็นการกรอกข้อมูลดีๆ เข้าไปในสมองและความคิดและการคิด เพื่อเตรียมปิดระบบการทำงานส่วนการคิดว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรก็จะช่วยให้เด็กๆ ไม่กังวลนอนหลับสบายค่ะ  การนอนไม่พอมีผลทำให้คนเราอารมณ์ไม่ดี  การรับข้อมูลและการตอบสนองต่างๆ ก็ลดลงไปด้วย

 

 

ไม่ว่าจะวิธีไหนหรือช่วงเวลาใดสิ่งสำคัญที่มาก่อนวิธีการคือตัวคุณค่ะ ในฐานะที่เป็นพ่อ เป็นแม่  ทำให้ลูกเห็นค่ะว่าปัญหาและสิ่งที่ไม่ดีมีทางออกเสมอ วิธีการร้อยพันไม่สำคัญเท่ากับตัวอย่างที่ดีเพียงหนึ่งเดียว

 

 

การคิดบวกหรือมองโลกในแง่ดีไม่ใช่วิธีการสอนลูกให้ปิดหู ปิดตาไม่ยอมรับความเป็นจริงหรือความโหดร้ายในสังคม แต่เป็นวิธีการมองโลกแบบที่เรียกว่าเข้าใจปัญหา สถานการณ์หรือความเป็นไปที่บางครั้งใครๆมักคิดว่าโหดร้ายได้อย่างมีความหวังและมีทางออก สิ่งเลวร้ายหรือความล้มเหลวบางอย่างที่เกิดขึ้น   คุณพ่อคุณแม่ต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ ทางเลือกเมื่อเรื่องล้มเหลวหรือความผิดหวังเข้ามาเยือนในชีวิตของคนหนึ่งคือ เศร้าเสียใจ ผิดหวังเต็มที่และปิดตัวเองจากทางออกใดๆ หรือ ยิ้มรับมัน ทำความเข้าใจ มองหาทางออก และสุดท้ายเก็บบทเรียนจากความล้มเหลวครั้งนี้ไว้เป็นเครื่องเตือนใจว่าอย่าทำผิดซ้ำเดิมอีก อยากให้ลูกเลือกและคิดแบบไหนคุณรู้ดีค่ะ

(Some images used under license from Shutterstock.com.)