
© 2017 Copyright - Haijai.com
20 ความเชื่อหลังคลอด จริงหรือไม่
คุณแม่หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินเรื่องความเชื่อต่างๆ ที่เล่าต่อๆ กันมากมาย บางเรื่องก็น่าจะเป็นจริง บางเรื่องฟังดูน่าตกใจว่าจริงหรือนี่ บางเรื่องก็ชวนให้สงสัย วันนี้เรามี นพ.ปภากร มิ่งมิตรพัฒนะกุล สูติ-นรีแพทย์ จากศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับความเชื่อเหล่านี้กันค่ะ
1.อาการปวดมดลูกใน 1-2 วันแรกหลังคลอด เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับมารดาหลังคลอด
จริง เพราะมดลูกต้องบีบตัวลงมาให้เท่าขนาดปกติภายในสองสัปดาห์หลังคลอด
2.น้ำคาวปลาปกติจะมีนานประมาณ 2 สัปดาห์
จริง เพราะเมื่อมดลูกเล็กลง น้ำคาวปลาที่ออกจากโพรงมดลูกก็จะลดลงจนหมดภายใน 2 สัปดาห์
3.หลังคลอดอาจจะมีก้อนหรือเต้านมบวมบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา
อันนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือถ้าในช่วง 1 สัปดาห์หลังคลอด เป็นช่วงที่น้ำนมจะยังออกไม่ดี ตรงนี้อาจจะมีการคัดบริเวณเต้านมได้บ้าง แต่พอน้ำนมออกได้ดีแล้วจะคัดตึงเฉพาะเวลาให้นมลูก เมื่อให้นมลูกเสร็จแล้วอาการเหล่านี้จะหายไป แต่หากอาการยังไม่หายไปอาจเป็นไปได้ว่ามีการติดเชื้อในเต้านม
4.อาการริดสีดวงทวารที่เป็นในระหว่างตั้งครรภ์จะสามารถหายเองได้หลังคลอด
ไม่จริง ความรุนแรงของริดสีดวงจะลดลงได้ ในคนที่เป็นน้อยอาการก็เหมือนจะหาย แต่คนที่เป็นมากก็อาจจะมีอาการเหลืออยู่ซึ่งก็ต้องไปพบแพทย์เป็นกรณีๆ ไป
5.ในคุณแม่ที่ให้นมเอง จะไม่มีประจำเดือนมาประมาณ 6-8 เดือน เป็นเรื่องปกติ
จริง แต่มักจะพบในรายที่ให้นมแม่เป็นหลัก ไม่มีการให้นมผสมร่วมด้วย อันนี้เกิดจากการที่เมื่อน้ำนมไหลออกมา ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนตัวหนึ่งออกมากดการตกไข่ เมื่อไม่มีการตกไข่ ก็จะไม่มีประเดือน แต่ถ้าให้นมแม่ไม่สม่ำเสมอฮอร์โมนตัวนี้ก็จะหลั่งออกมาไม่สม่ำเสมอเหมือนกัน ก็จะไม่สามารถกดการตกไข่ได้
6.หลังคลอดบุตรใหม่ๆ ไม่ควรอาบน้ำโดยการนอนแช่อ่าง
จริง เพราะการอาบน้ำโดยการลงไปนอนแช่อาจจะเสี่ยงต่อการที่เชื้อแบคทีเรียจะเล็ดลอดเข้าช่องคลอดแล้วเกิดการอักเสบที่มดลูก ถึงแม้ว่าตามธรรมชาติเมื่อลงไปแช่น้ำแล้วก็ไม่จำเป็นว่าน้ำจะเข้าไปในช่องคลอดก็ตาม แต่นี่ก็เป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่คุณแม่หลังคลอดไม่ควรปฏิบัติ
7.หลังคลอดปกติควรออกกำลังกายเบาๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้น้ำคาวปลาออกดี และมดลูกเข้าอู่เร็ว
จริง แต่ต้องระวังในส่วนของคุณแม่ที่ผ่าคลอด เพราะอาจจะมีอันตรายต่อแผลที่ผ่า ไม่ควรออกกำลังกายในบริเวณกล้ามเนื้อหน้าท้อง ให้ออกกำลังกายในบริเวณอื่นๆ แทน
8.คุณแม่ควรสวมยกทรงเสมอ เพื่อลดความเจ็บปวดของอาการเต้านมคัด และป้องกันการหย่อนยาน
จริง เพราะถ้าหากเต้านมคัดแล้วไม่มีอะไรประคองไว้ คุณแม่จะยิ่งรู้สึกเจ็บ การสวมยกทรงก็จะช่วยบรรเทาอาการได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ควรเป็นยกทรงที่คับจนเกินไป เพราะการสวมยกทรงที่คับจะส่งผลต่อปริมาณน้ำนมที่น้อยลงด้วย
9.ในคุณแม่ที่คลอดโดยการผ่าตัด ช่วงหลังคลอดใช้ผ้ารัดท้องไว้ขณะเดินแผลจะได้ไม่เคลื่อนไหวเพื่อลดอาการเจ็บแผล
จริง การใช้ผ้ารัดจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ยกเว้นในเวลานอนไม่ต้องรัด
10.ในคุณแม่ที่ให้นมเองเพียงอย่างเดียวโดยไม่ใช้นมผสมจะช่วยลดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ได้บ้าง
จริง เพราะในกระบวนการให้นมคุณแม่ก็จะต้องใช้พลังงานในการให้นมด้วย แต่ถ้าหากต้องการลดน้ำหนักได้ดี ควรคุมปริมาณอาหารร่วมด้วย
11.หากน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น มีสีแดงตลอดภายใน 15 วันหลังคลอด ควรพบแพทย์เพื่อตรวจอาการผิดปกติทันที
จริง อันนี้แสดงว่ามีการอักเสบในโพรงมดลูก ลักษณะนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ทั่วไป เนื่องจากน้ำคาวปลาที่ออกมาเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรีย ในบางครั้งก็อาจจะมีแบคทีเรียเล็ดลอดเข้าไป ทำให้เกิดการอักเสบได้ การป้องกันคือต้องรักษาความสะอาด ทายาแก้อักเสบครบตามที่แพทย์ให้ และหมั่นสังเกตอาการตนเอง และมาพบแพทย์ทันทีที่มีอาการผิดปกติ
12.คุณแม่รู้สึกเจ็บปวดแผลฝีเย็บอยู่ตลอดเป็นเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังคลอด เป็นเรื่องปกติ
ไม่จริง เพราะในภาวะปกติหากอยู่เฉยๆ ไม่ควรจะมีอาการเจ็บปวด แต่ถ้าเดิน หรือเคลื่อนไหวมากก็อาจจะมีอาการบ้าง ในกรณีที่เจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาถือเป็นความผิดปกติ
13.ปกติแล้วแผลฝีเย็บจะหายเองได้ภายใน 7 วันหลังคลอด
จริง ในภาวะปกติ แผลฝีเย็บจะสมานกันเองในเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์
14.หลังคลอดจะมีประจำเดือนมาครั้งแรกในปริมาณมาก หรือนานกว่าปกติ เพราะรังไข่จะยังปรับตัวได้ไม่ดี
จริง บางครั้งอาจเกิดจากไข่โตขึ้นและมีเยื่อบุที่หนาขึ้น เป็นรอบเดือนที่ไม่ปกติ พบมากในคุณแม่หลังคลอด เป็นวงจรรอบเดือนที่ผิดปกติซึ่งจะหายเองได้ในประมาณ 1-2 รอบเดือน
15.หากมีอาการท้องผูกหลังคลอดห้ามใช้ยาระบายเด็ดขาด
ไม่จริง สามารถใช้ยาระบายได้ แต่ควรเป็นยาระบายที่เป็นสมุนไพรซึ่งไม่ตกค้างทั้งในร่างกาย และน้ำนม จึงไม่เป็นอันตราย
16.ไม่ควรรับประทานวิตามินเสริมในระหว่างให้นมบุตร
ไม่จริง การรับประทานวิตามินเสริมนั้นทำได้แต่ไม่ควรทานมากเกิน บางครั้งจะกลายเป็นว่าหลายขนานเกินไป หรือเกินมาตรฐาน ส่งผลต่อร่างกายเพราะแพทย์จะมีการให้วิตามินแก่คุณแม่หลังคลอดโดยให้รับประทานต่อจากช่วงตั้งครรภ์อยู่แล้ว ซึ่งตรงนั้นก็เพียงพอ
17.หลังคลอดควรรับประทานยาขับน้ำคาวปลา เพื่อให้น้ำคาวปลาหมดไวและมดลูกเข้าอู่ได้ดียิ่งขึ้น
ไม่จริง แต่เรื่องนี้ในทางการแพทย์ไม่ห้าม แต่ถ้าถามว่าต้องกินไหม ก็ไม่จำเป็นและการกินที่มากเกินไปในบางครั้งก็อาจจะทำให้เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้ และถ้าหากให้น้ำคาวปลาหมดเร็วและมดลูกเข้าอู่ได้ดีคือการให้นมแม่ เพราะขณะให้นม มดลูกจะรัดตัวอย่างรุนแรงทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วและน้ำคาวปลาหมดไวไปด้วย
18.การอยู่ไฟ ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว และไม่เป็นไข้ ร้อนๆ หนาวๆ
เรื่องนี้จริงๆ แล้วไม่จำเป็น เนื่องจากเทคโนโลยีด้านการแพทย์นั้นดีขึ้น โอกาสที่จะติดเชื้อหรือไม่สบายรุนแรงหลังคลอดนั้นน้อยลงมาก
19.การเดินบ่อย และออกกำลังกายหลังคลอดจะทำให้แผลฝีเย็บฉีกขาดหรืออักเสบได้ง่าย
ไม่จริง การเดินบ่อยและออกกำลังกายไม่มีผลต่อการทำให้แผลฝีเย็บฉีกขาด การเดินในชีวิตประจำวันจึงทำได้ไม่มีปัญหา
20.หลังคลอดห้ามนอนกลางวันจะทำให้ตัวบวม
ไม่จริง การนอนพักผ่อนเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อคุณแม่มาก เพราะต้องใช้พลังงานมากทั้งในการให้นมและเลี้ยงลูก จึงไม่มีกฎใดห้ามการนอนกลางวัน
คงคลายความสงสัยกันไปได้บ้างนะคะ อย่างไรก็ตามเรื่องเกี่ยวกับคุณแหลังคลอดนั้นมีอีกมาก ทางที่ดีที่สุดคือคุณแม่ต้องพยายามสังเกตตนเอง หากเกิดภาวะผิดปกติก็ควรปรึกษาคุณหมอก่อนที่อาการจะลุกลามมาก เพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งคุณแม่และเจ้าตัวเล็กค่ะ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)