
© 2017 Copyright - Haijai.com
พัฒนาการรูปร่างหน้าตาของทารกแรกเกิด
A baby’s appearance ( รูปร่างหน้าตาของหนู )
คงไม่มีอะไรจะน่าสุขใจสำหรับคนเป็นพ่อแม่มือใหม่มากไปกว่า การเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของลูกน้อยแรกคลอด วันแล้ววันเล่า ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเข้ารูปเข้ารอย ดูมีสัดส่วน น่ารักน่าชังขึ้นทุกวัน ศีรษะที่เริ่มกลมมากขึ้น เนื้อตัวเริ่มมีเนื้อมีหนัง ไม่เหี่ยวย่นดูผอมแห้งเหมือนตอนแรกคลอด รวมทั้งพัฒนาการด้านต่างๆ ที่คุณพ่อคุณแม่บางท่านถึงกับตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เมื่อเจ้าตัวน้อยที่นอนไม่รู้ประสีประสา เริ่มสบตาด้วยอย่างนานเป็นครั้งแรก มาดูรูปร่างหน้าตาและลักษณะภายนอกโดยรวมของหนูกันดีกว่าค่ะ จะได้เลิกกังวลว่า เอ๊ะ..ลูกเราตาเหล่หรือหัวเบี้ยวเปล่านะ ?
ศีรษะ เด็กทารกแรกเกิดจะมีศีรษะขนาดใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับลำตัว โดยความยาวของศีรษะจะกินพื้นที่ถึง 25% ของความยาวทั้งหมดของร่างกาย และน้ำหนักศีรษะจะเท่ากับสิบเปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวทั้งหมด ซึ่งศีรษะผู้ใหญ่จะมีน้ำหนักเพียงสองเปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวผู้ใหญ่คนนั้นเท่านั้น ศีรษะของเจ้าตัวน้อยบางคนอาจบวมไปทางซ้าย บวมไปทางขวา หรือบวมไปข้างหลัง ซึ่งเป็นผลจากการคลอด โดยเฉพาะเด็กที่คลอดผ่านทางช่องคลอด หรือเด็กที่ต้องใช้เครื่องช่วยดูด ก็อาจฝากรอยเอาไว้บนศีรษะที่ยังนิ่มอยู่ของทารกได้ แตกต่างจากเด็กที่คลอดจากการผ่าตัด ที่มักมีรูปศีรษะที่กลมกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้แปลว่าเด็กจะมีศีรษะรูปทรงเหมือนตอนคลอดตลอดไป ไม่ต้องตกใจค่ะ ว่าหัวลูกดิฉันเบี้ยว เพราะศีรษะของลูกน้อยของคุณจะค่อยๆ ปรับรูปร่างให้เต็มกลมสมส่วนเองได้ ภายใน 3-7 วัน แต่ที่สำคัญ อย่าให้ลูกนอนท่าเดียวตลอดนะคะ จับพลิกซ้ายพลิกขวาสลับกับนอนหงาย และเมื่ออายุสักสองเดือนพอชันคอขึ้นได้บ้าง ก็จับนอนคว่ำให้ลูกได้ชูคอดูนู่นนี่บ้างเวลาตื่น
ดวงตา เด็กแรกเกิดจะมีเปลือกตาบนที่บวม และจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน ถ้าลูกของคุณดูเหมือนตาไม่เท่ากัน หรือมองดูเหมือนตาเขตาเหล่อย่างไรชอบกล ก็ยังไม่ต้องตกใจไปค่ะ ส่วนใหญ่แล้วภายในไม่กี่สัปดาห์ หรือเด็กบางคนอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ตาที่เคยดูขนาดไม่เท่ากันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรเกินกว่าสี่เดือนที่ดวงตาและลูกตาเจ้าตัวน้อย จะปรับเข้าที่เข้าทางและได้สมดุล รวมไปถึงเจ้าตัวน้อยที่เป็นคอร์เคเชี่ยน หรือฝรั่งที่ไม่ได้มีผมดำตาดำเหมือนเรา ก็จะเริ่มเห็นสีตาที่แท้จริงกันภายในสี่เดือนเช่นเดียวกันนี่แหละค่ะ
ถ้าทารกน้อยมีอาการตาแฉะ คือมีน้ำตาไหลผิดปกติ ก็อาจเป็นเพราะท่อน้ำตาถูกอุดไหลไม่สะดวก ให้ลองใช้นิ้วมือกดลูบเบาๆบริเวณหัวตากับจมูก ก็อาจช่วยได้ หรือบางครั้งอาจเกิดจากการระคายเคืองของน้ำยาหยอดตาที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อในระหว่างคลอด อันนี้ก็จะหายไปเองค่ะ แต่ถ้าเห็นมีขี้ตามากผิดปกติ หรือเป็นหนองก็อาจจะเกิดอาการอักเสบได้ อันนี้ล่ะค่ะที่จำเป็นต้องปรึกษาคุณหมอโดยด่วน เพราะเชื้อบางชนิดอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ตาเด็กเสียหายได้
ผม ในตอนแรกคลอด เด็กทารกมักมีผมสีอ่อนและนุ่มบางกว่าผมจริงในเวลาต่อมา และผมของเด็กบางคนก็อาจหลุดร่วงภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ จากนั้นก็จะมีผมชุดใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะมีลักษณะหยาบกระด้างกว่าผมชุดเดิมเล็กน้อย และก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ที่เด็กบางคนจะยังไม่มีผมขึ้นเลย จนกระทั่ง 1-2 ขวบ และสำหรับเด็กฝรั่ง อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่สีผมที่แท้จริงจะปรากฏให้เห็น
มือและเท้า เมื่อกระดูกของเจ้าตัวน้อยเริ่มแข็งขึ้น ร่างกายรวมไปถึงมือและเท้าที่เคยอ่อนปวกเปียก ยืดหยุ่นสูง ก็จะเริ่มดูแข็งแรงและแข็งขึ้น มือและเท้าที่อยู่ในท่างอตลอดเวลาเพราะติดมาจากการอยู่ในมดลูกที่แคบ ก็จะเริ่มเหยียดยืดขึ้น จะสังเกตได้ที่แขนและมือซึ่งเป็นส่วนบนของร่างกายก่อน จากนั้นขาก็จะเริ่มรู้จักถีบและเหยียดยืดเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นการเตรียมตัวรับมือกับพัฒนาการขั้นต่อๆไป คือ การนั่ง การคลาน และการยืนในเวลาต่อมานั่นเอง เป็นที่น่าสังเกตว่าการพัฒนาร่างกายส่วนบนจะพัฒนาไปเร็วกว่าร่างกายส่วนล่างเล็กน้อย เพราะถึงแม้เด็กจะมีอายุถึงเก้าเดือนแล้ว แต่ขาของเด็กก็ยังคงงออยู่เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่มือเริ่มยืดออกมากกว่า และเด็กจะพยายามเอื้อมคว้าหยิบสิ่งของต่างๆมากขึ้น แต่เมื่อครบขวบ ขาของเจ้าตัวน้อยก็จะพัฒนาได้เท่าทันแขนและมือแล้ว จนในที่สุด เจ้าตัวน้อยของเราก็จะยืนตัวตรงได้ค่ะ
หน้าตา เด็กทารกแรกเกิดจะมีใบหน้าที่เรียกกันว่า kinderschema เป็นคำภาษาเยอรมันที่บรรยายถึงใบหน้าของเด็กทารก ซึ่งประกอบไปด้วย ศีรษะขนาดใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของร่างกาย, ใบหน้าแบน, หน้าผากกว้างเป็นโหนกนูนออกมา, จมูกแบนเหมือนกระดุมเม็ดเล็กๆ, ดวงตาอยู่ในแนวระดับที่ต่ำกว่าผู้ใหญ่, แก้มกลมยุ้ย, ผิวหนังอ่อนนุ่มและอุ่น ผมเส้นเล็กบาง, คางเล็กและดูเหมือนหลบอยู่ภายใน
แต่นอกเหนือไปจากคินเดอร์สกิมาทั่วๆไปของเด็กทารกแล้ว ทารกน้อยแต่ละคนยังมีลักษณะโดดเด่นบางอย่างบนใบหน้า ที่บ่งบอกถึงเชื้อสายหรือกรรมพันธุ์ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่, ปู่ย่าตายายหรือรุ่นก่อนหน้านั้นขึ้นไปอีกด้วย เช่น เด็กบางคนอาจมีตาเหมือนคุณพ่อ, ปากเหมือนคุณแม่, ตาและผมเหมือนคุณปู่ก็เป็นได้
มีผลงานวิจัยที่ทดสอบปฏิกิริยาของประสาทส่วนกลาง ซึ่งเป็นประสาทในส่วนของการรับความรู้สึกและอารมณ์ โดยได้นำเด็กที่มีหน้าตาไม่คุ้นเคยมาให้พ่อหรือแม่ดู ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า ผู้ใหญ่คนนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อใบหน้าของเด็กที่ไม่คุ้นเคยอย่างรวดเร็ว ภายในหนึ่งส่วนเจ็ดของวินาทีเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นการตอบสนองที่รวดเร็วและเป็นไปเองโดยสัญชาตญาณ ผลการทดสอบชี้ให้เห็นว่า มนุษย์จะตอบสนองต่อรูปลักษณ์ภายนอก โดยในกรณีนี้ก็คือรูปลักษณะหน้าตาของเด็กทารกอย่างทันทีทันใด และจะปลุกความสงสัยในความเป็นพ่อแม่ของตนเองต่อเด็กคนนั้นขึ้นมา
โดยทั่วไปแล้ว องค์ประกอบรายละเอียดบนใบหน้าของเด็ก จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ และรูปทรงหรือโครงสร้างบนใบหน้าก็ยังไม่เป็นเหลี่ยมมุมเหมือนผู้ใหญ่ ( จะสังเกตเห็นได้ง่ายในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง ) จนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่นแล้วนั่นแหละค่ะ ที่จะเห็นหน้าตาของเด็กทารกที่กลายร่างเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งได้ชัดเจนแล้วว่า เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เด็กน้อยคนนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร
ลักษณะคินเดอร์สกิมาจะเด่นชัดในช่วงสองปีแรกเท่านั้น และจะค่อยๆหายไป แขนขาป้อมๆ และตัวที่เคยกลมก็จะยืดขึ้น จากเด็กทารกที่ดูเหมือนช่วยตัวเองไม่ได้เลย ทำให้ทุกคนที่พบเห็นหลงรักอยากเข้าไปอุ้มหรือช่วยเหลือ ก็จะเริ่มเติบโตและเป็นอิสระ ช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น สามารถเดิน, วิ่ง และทำทุกอย่างที่ต้องการได้มากขึ้น แต่ไม่ว่าเจ้าตัวน้อยของเราจะเติบโตมามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร หรือช่วยตัวเองได้มากขึ้นเพียงใด ก็คงไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รักเจ้าตัวน้อยลดลงไปได้ เพราะความรักความผูกพันเป็นสิ่งที่ก้าวข้ามรูปลักษณ์ภายนอกไปแล้ว ถึงกระนั้นพ่อแม่เองก็ยังอดคอยเฝ้าสังเกตสังกาลูกอยู่ทุกวันไม่ได้ ว่าโตขึ้นลูกเราจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรต่อไป เอ๊ะ..ยังไงกันแน่ ( ถึงจะโตขึ้นไม่หล่อเหมือนพ่อ หรือไม่สวยเหมือนแม่ ก็ยังรักเท่าเดิมและมากกว่าเดิมซะอีกนะ จะบอกให้ )
(Some images used under license from Shutterstock.com.)