© 2017 Copyright - Haijai.com
เจ้าวายร้ายผดผื่นมาอยู่บนผิวลูกรัก
คุณแม่อาจรู้สึกเคืองขึ้นมาเล็กน้อยหากพบว่าเจ้าวายร้ายผดผื่นแฝงกายมาอยู่บนผิวน้อยๆ ของลูกรัก แม้ว่าคุณจะดูแลความสะอาดของเจ้าตัวน้อย และเครื่องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเสียยิ่งกว่าความสะอาดของตัวเอง แต่ทำไม๊ ทำไมเจ้าวายร้ายผดผื่นก็ยังไม่วายแวะเวียนมาทำร้ายผิวอันบอบบางของลูกอีกจนได้ อย่างนี้แล้วคุณแม่จะต้องทำอย่างไรดีล่ะ เพื่อให้เกิดเจ้าผดผื่นน้อยที่สุด อย่างแรกคุณแม่ต้องเข้าใจก่อนว่าผดผื่นกับผิวของเด็กนั้นเป็นของคู่กัน เพราะทั้งเซลล์ผิวหนังแท้และหนังกำพร้าของทารกนั้นแสนจะบอบบาง และมีความยืดหยุ่นน้อยมากจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดหากพบว่าผิวหนังของลูกมักเกิดผดผื่น พอง แม้เพียงสะกิดเบาๆ สาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง มาดูกันค่ะ
ผื่นที่เกิดจากต่อมไขมัน
รูขุมขนที่ระบายของต่อมไขมันยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพค่ะ และด้วยฮอร์โมนจากตัวของคุณแม่ที่ยังคงหลงเหลือตั้งแต่ที่เจ้าตัวน้อยอยู่ในครรภ์นั่นแหละที่เป็นตัวกระตุ้น จึงเป็นสาเหตุให้ผิวหนังอักเสบได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณขาหนีบต่างๆ ตั้งแต่ข้อพับ ซอกคอ รักแร้ หลังหู ซึ่งมีต่อมไขมันมากกว่าส่วนอื่นค่ะ อาจปรากฏในรูปของสะเก็ดสีเหลืองแข็งๆ ผื่นชนิดนี้ป้องกันไม่ได้แต่จะหายไปเองหลังจากที่ฮอร์โมนที่สะสมไว้หมดลง วิธีการทำความสะอาดคือใช้ น้ำมันมะกอก เบบี้ออยล์ ฯลฯ นวดทิ้งไว้บริเวณสะเก็ดประมาณ 2-3 ชั่วโมง จนสะเก็ดนุ่มลงแล้วจึงเช็ดทำความสะอาดค่ะ
ผื่นที่เกิดจากต่อมเหงื่อ
การทำงานของต่อมเหงื่อมีส่วนคล้ายกับการทำงานของต่อมไขมันค่ะ คือยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพนัก จึงเกิดการอุดตันในรูปของผดใส ผดแดงและผดลึก ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยมากในช่วงหน้าร้อนค่ะ ดังนั้นวิธีการป้องกันผดผื่นประเภทนี้คือ
1.ให้เจ้าตัวน้อยอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ร้อนอบอ้าว ควรเปิดพัดลมให้ลมโกรก หรือเปิดเครื่องปรับอากาศไปเลยก็จะเป็นหนทางที่เจ้าตัวน้อยจะปลอดผดผื่น
2.เนื้อผ้าที่ลูกสวมใส่ ควรเป็นเนื้อผ้าบางเบา ระบายอากาศได้ดี
3.ไม่ควรห่อตัวลูกแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้ต่อมเหงื่อของลูกทำงานหนักยิ่งขึ้น ทำให้รูขุมขนอุดตัน และเกิดผดผื่นจนถึงขั้นผิวหนังพุพองได้
4.หมั่นเช็ดตัวหรืออาบน้ำให้เจ้าตัวน้อยเพื่อให้ร่างกายได้ระบายความร้อนไม่เกิดการหมักหมม
5.หากลูกมีอาการคัน ให้ทาคาลาไมน์เพื่อลดอาการคันค่ะ
ผื่นที่เกิดจากผ้าอ้อม
หากคุณแม่เป็นคนหนึ่งที่ใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปละก็ คงต้องคอยหมั่นสังเกตการขับถ่ายของลูกอย่างสม่ำเสมอนะคะ ต้องหมั่นเปลี่ยนและคอยสังเกตว่าลูกปัสสาวะหรืออุจจาระหรือยัง ไม่ควรปล่อยให้ลูกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่เปียกซ้ำเกิน 4 ครั้ง เพราะการปล่อยให้ผิวอันบอบบางของลูกต้องเผชิญกับสิ่งสกปรกและความอับชื้น ผดผื่นก็จะทยอยมาถามหาค่ะ โดยเฉพาะขาหนีบ ปลายอวัยวะเพศชายและลูกอัณฑะ อาจเกิดการอักเสบได้ นอกจากนี้ยังเกิดเชื้อรา Candida แทรกซ้อน สามารถกระจายลามทั่วลำตัว ไหนจะแบคทีเรียที่มากับอุจจาระอีก โอ๊ยยยย แค่คิดก็เริ่มกังวลแล้วค่ะ วิธีป้องกันผดผื่นประเภทนี้คือ
1.หมั่นเปลี่ยนผ้าอ้อม ไม่ปล่อยให้เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรก
2.ทาแป้งเด็กบริเวณขาหนีบ หรือส่วนที่ผิวของเด็กเสียดสีกับผ้าอ้อมโดยตรง ใช้วิธีการลูบแป้งให้ลื่นติดผิวหนัง ป้องกันแป้งจับตัวกันเป็นก้อนเมื่อได้รับความเปียกชื้นจากปัสสาวะ ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของผื่นแดงที่เกิดจากการเสียดสีของก้อนแป้ง
3.เลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่มีคุณสมบัติซึมซับความเปียกชื้นเร็ว และอุ้มน้ำได้ดี
ผดผื่นจากภูมิแพ้
อาจเกิดจากปัจจัยทางด้านพันธุกรรมค่ะ คือเด็กจะไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติเช่นเดียวกับพ่อแม่ ทำให้ผิวหนังไวและแพ้ง่ายแม้แต่เหงื่อของตนเอง มีวิธีการป้องกันดังนี้ค่ะ
1.หากเจ้าตัวน้อยเหงื่อออก น้ำลายไหล แหวะนมบนผ้าปูที่นอนหรือปลอกหมอน ให้รีบทำความสะอาด โดยไม่ปล่อยให้เจ้าตัวน้อยนอนคว่ำหรือตะแคงแก้มแนบกับที่นอน หรือหมอนอันเปียกชื้น เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่จะเกิดขึ้นค่ะ
2.หากภูมิแพ้เกิดจากกรรมพันธุ์ผิวแห้ง คุณแม่ก็ไม่ควรจะอาบน้ำลูกบ่อยๆ หรือทางที่ดีคุณแม่ควรจะหลีกเลี่ยงการอาบน้ำลูกด้วยน้ำอุ่น หรือการฟอกสบู่ที่มากเกินไป เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้ผิวของเด็กแห้งยิ่งขึ้น เมื่อผิวแห้งเจ้าตัวเล็กก็จะเกิดอาการคัน งอแง หรืออาจเกาจนผิวหนังระคายเคืองได้ค่ะ
มากำจัดเจ้าวายร้ายผดผื่นกันเถอะ
1.ใช้สบู่เด็กที่มีฤทธิ์เป็นกลาง หรือเป็นกรดอ่อนๆ และไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำหอมค่ะ
2.ใช้เสื้อผ้าที่เนื้อผ้าบางเบา ถ่ายเทอากาศได้ดีเท่านั้นนะคะ
3.รักษาผิวอันบอบบางของลูกให้สะอาดอยู่เสมอ
4.หมั่นตัดเล็บน้อยๆ ให้สั้น และตะไบไม่ให้คมเพื่อป้องกันเล็บขีดข่วนเวลาเกาค่ะ
เท่านี้บรรดาคุณแม่ก็สามารถกำจัดเจ้าวายร้ายผดผื่นที่มาทำร้ายผิวอันบอบบางน้อยๆ ของลูกรักได้ใน
ระดับหนึ่งแล้วล่ะค่ะ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้มากนะคะ อย่าลืมว่าผดผื่นกับผิวบอบบางเป็นของคู่กัน และจะลดลงจนหายไปเมื่อลูกน้อยโตขึ้น แต่หากมีอะไรที่เหนือบ่ากว่าแรงที่คุณแม่จะดูแลได้ก็อย่าละเลยที่จะปรึกษาคุณหมอ เพราะคุณหมอคือคำตอบสุดท้ายค่ะ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)