Haijai.com


คลายปมความ (ไม่) อยากอาหารในผู้สูงอายุ


 
เปิดอ่าน 2896

คลายปมความ (ไม่) อยากอาหารในผู้สูงอายุ

 

 

ผู้สูงอายุไม่ว่าจะอ้วนหรือผอมล้วนเข้าข่ายขาดสารอาหารได้ทั้งนั้นหากไม่รับประทานอาหารให้หลากหลายและครบห้าหมู่ บางคนอ้วนเพราะรับประทานแต่แป้ง ไม่รับประทานผักผลไม้ ขณะที่บางคนรับประทานแต่ผักผลไม้ชนิดเดียวซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารได้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้ผู้สูงอายุได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ได้แก่ “ความไม่อยากอาหาร”

 

 

ทำไมผู้สูงอายุจึงไม่อยากอาหาร

 

ความไม่อยากอาหารในผู้สูงอายุเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่สำคัญได้แก่

 

 

 ปัญหาช่องปาก นอกจากปัยหาฟันไม่ดีทำให้เคี้ยวอาหารไม่ค่อยได้กับปัญหาเรื่องเหงือกอักเสบแล้ว หากสังเกตให้ดีจะพบว่าลิ้นของผู้สูงอายุจะค่อนข้างเรียบไม่ค่อยมีตุ่มรับรสเหมือนสมัยหนุ่มสาว ทำให้ไม่รับรู้รสชาติความอร่อย จึงไม่เกิดความอยากอาหาร นอกจากนี้ยังมีปัญหาการหลั่งน้ำลายน้อยลง น้ำลายแห้ง จึงรู้สึกแสบปากง่าย รับประทานอะไรก็รับรสได้ไม่ค่อยดี เพราะไม่มีน้ำลายมาช่วย

 

 

 การรับรู้กลิ่นลดลง จากที่เคยได้กลิ่นอาหารแล้วชวนให้น้ำลายสอ เมื่อการรับรู้กลิ่นลดลง ความอยาอาหารจึงพลอยลดน้อยลงไปตามด้วย ผู้สูงอายุจึงรู้สึกไม่ค่อยเจริญอาหารเหมือนอย่างเคย

 

 

 การทำงานของระบบย่อยอาหรเสื่อมลง ทำให้การย่อยและดูดซึมอาหารบางอย่างลดลง รวมทั้งทำให้เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ผู้สูงอายุจึงไม่ค่อยอยากรับประทานอาหารอะไร เพราะกลัวจะอึดอัดแน่นท้อง ไม่สบายตัว

 

 

 โรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคซึมเศร้า ก็ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกอยากอาหารได้เช่นกัน

 

 

 การรับประทานอาหารตามลำพัง ปกติไม่ว่าคนวัยใดหากมีเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารด้วยจะช่วยให้เจริญอาหารมากขึ้น เพราะได้คุยไปกินไป มีคนหยิบนู่นตักนี่ให้ลองชิมอยู่เรื่อยๆ จึงเกิดความเพลิดเพลิน มีความสุขในการรับประทาน ผิดกับการนั่งรับประทานเพียงคนเดียว ที่ตักไปได้ไม่กี่คำก็รู้สึกเบื่อแล้ว

 

 

วิธีแก้ปัญหา

 

 ดูแลสุขภาพช่องปาก ในกรณีที่ผู้สูงอายุฟันไม่ค่อยดี ลูกหลานควรพาไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจ ทำฟันปลอม และดูแลเรื่องสุขภาพเหงือก การทำฟันปลอมถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่อาจจะลำบากบ้างในช่วงแรกๆ เนื่องจากต้องมาพบทันตแพทย์หลายครั้งเพื่อตรวจและปรับฟันปลอมให้พอดีและเหมาะกับผู้ใช้ บางรายพึ่งเริ่มใส่ฟันปลอม ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เคี้ยวอาหารแล้วเหงือเป็นแผลก็ถอดใจไม่ใส่อีก ทั้งที่ความจริงหากปรับจนลงตัว ผู้สูงอายุจะได้รับประโยชน์จากการใส่ฟันปลอมหลายอย่างทีเดียว เช่น ช่วยให้ผู้สูงอายุเคี้ยวอาหารได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผักผลไม้ แก้ปัญหาท้องผูก ลดอาการอึดอัดแน่นท้อง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมบุคลิกภาพและช่วยให้พูดออกเสียงได้ชัดเจนขึ้น

 

 

 ปรับรูปแบบอาหาร หากผู้สูงอายุมีปัญหาเรื่องการรับกลิ่นหรือรสชาติ ลูกหลานอาจหันมาเน้นที่สีสันหรือหน้าตาอาหารให้ดูน่รับประทานขึ้น ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุจะพอรับรู้รสเปรี้ยวกับหวานได้บ้าง ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิต อาจทำเป็นพวกยำกุ้งแห้ง เพราะสีสันสวยงาม รสชาติดี ผู้สูงอายุจึงค่อนข้างชอบ กระตุ้นความอยากอาหารได้ แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องฟัน แนะนำให้ปรับเป็นอาหารประเภทที่เคี้ยวง่าย เช่น หมูบะช่อ โดยนำผักบดผสมลงไปในเนื้อหมูก่อนปั้นเป็นก้อนด้วย เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารจากผักบ้าง

 

 

 เพิ่มความใกล้ชิดผูกพัน สิ่งที่ผู้สูงอายุต้องการและคนในครอบครัวทำได้ดีกว่าคนอื่น คือ การมีกิจกรรมร่วมกัน การพูดคุย ดูแลซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด การที่มีลูกหลานมาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันจะช่วยให้ผู้สูงอายุรับประทานได้มากขึ้น ดีกว่าการไปตระเวนหาซื้อของอร่อยราคาแพงมาแต่ปล่อยให้ท่านนั่งรับประทานเพียงลำพัง อย่างไรก็ตามไม่ควรเน้นที่ปริมาณหรือไปกะเกณฑ์ว่าท่านต้องรับประทานได้เท่านั้นเท่านี้ในแต่ละมื้อ ให้ยึกหลักแค่พออิ่ม อ่านไป 2-3 ชั่วโมง ถ้าหิวใหม่ก็ค่อ่ยหาอะไรให้ท่านรับประทานเพิ่มเติมอย่างนี้ดีกว่า แค่ท่านรับประทานได้ ไม่ผอมเกินไปก็พอแล้ว

 

 

 ออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากการดูแลสุขภาพช่องปากและการปรับอาหาร การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน ก็สามารถทำให้ร่างกายรู้สึกอยากอาหารเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

 

 

ปัจจุบันลูกหลานสมัยใหม่มักนิยมซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้ผู้สูงอายุรับประทานเพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่มีราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นหากผู้สูงอายุรับประทานอาหารได้ดี สามารถรับประทานผักผลไม้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งอาหารเสริม แต่ถ้าเป็นกรณีตรงข้ามคือรับประทานไม่ค่อยได้ หรือดูอ่อนเพลียไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง เคี้ยวผักผลไม้ไม่ค่อยไหว อาจให้รับประทานเป็นวิตามินรวม ซึ่งถ้าได้รับมากเกินความต้องการร่างกายจะขับออกมาทางปัสสาวะ ยกเว้นวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเคที่จะสะสมอยู่ในร่างกายได้ แต่โดยปกติในวิตามินรวมจะมีวิตามินทั้งสี่ชนิดนี้ในปริมาณไม่มากอยู่แล้ว

 

 

ระหว่างที่รับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หากต้องมาพบแพทย์ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยว่ารับประทานอาหารเสริมชนิดใดอยู่บ้าง เพื่อป้องกันการให้ยาซ้ำ และเพื่อตรวจสอบว่ายากับอาหารเสริมที่ใช้อยู่มีปฏิกิริยาระหว่างกันหรือไม่ จะได้ปรับให้เหมาะสม

(Some images used under license from Shutterstock.com.)