Haijai.com


อีสุกอีใสในเด็กต้องใช้วัคซีน


 
เปิดอ่าน 1809
 

อีสุกอีใสในเด็กต้องใช้วัคซีน?

 

 

ช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้ นอกไปจากโรคไข้หวัด ไอ จาม น้ำมูกไหลแล้ว ก็ยังมีอีกโรคหนึ่งที่พบได้บ่อยในช่วงนี้ของปี นั่นก็ได้แก่ โรคอีสุกอีใสค่ะ แต่ก่อนนั้นใครๆ ก็ต้องเคยผ่านประสบการณ์เป็นโรคอีสุกอีใสทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งในชีวิตที่เราต้องเจอะเจอเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อวิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวหน้า เราก็ได้มีวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้คุณพ่อคุณแม่ แต่ก่อนจะตัดสินใจว่าลูกน้อยของเราควรได้รับวัคซีนนี้หรือเปล่า เรามีข้อมูลมาฝากกันค่ะ

 

 

รู้จักกับโรคก่อนฉีดวัคซีน

 

สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ก่อนพาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค ก็คือน่าจะต้องทำความรู้จักกับโรคให้ดีเสียก่อนค่ะ โรคอีสุกอีใสนั้นเป็นโรคที่เราได้ยินได้ฟังกันมาตั้งแต่เด็กๆ และคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ก็เคยเป็นโรคนี้กันมาแล้ว ประมาณ 90% ของผู้ที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใส จะเป็นอีสุกอีใสหลังจากการได้รับเชื้อจากคนอื่น โดยจะเริ่มมีอาการขึ้นตุ่มในช่วงระหว่าง 7-21 วัน หลังสัมผัสเชื้อ (ส่วนใหญ่จะประมาณ 14-17 วัน) ซึ่งเมื่อมีเด็กในบ้านคนหนึ่งป่วยเป็นอีสุกอีใส ก็จะพบว่าพี่น้องและคนอื่นๆ ในบ้านก็จะเริ่มมีอาการอีสุกอีใสในช่วง ประมาณ 2 อาทิตย์ต่อมา โดยจะพบบ่อยในเด็กวัยเข้าเรียนช่วงอายุ 5-9 ปี หลังจากหายแล้วคนไข้ส่วนใหญ่จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต

 

 

เด็กส่วนใหญ่ที่เป็นอีสุกอีใสจะมีอาการไม่มาก ทำให้สามารถดูแลที่บ้านได้ ในการดูแลเรื่องไข้ ควรให้แต่ยาพาราเซตามอล ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน เพราะมีรายงานว่าอาจทำให้เกิดกลุ่มอาการ Reye&;#39;s syndrome ซึ่งอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้ามีอาการคันมาก ควรให้อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นสบาย และใช้สบู่อ่อนๆ จะรู้สึกสบายตัวขึ้น และเป็นการลดการติดเชื้อแทรกซ้อนของผิวหนัง ไม่ควรเช็ดตัวแรงๆ แต่ให้ใช้ผ้าซับเบาๆ ไม่ควรทาโลชั่น เพราะอาจทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ควรตัดแต่งเล็บให้สั้น เพราะเมื่อเด็กคันจะเกามาก ทำให้เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อน และเป็นแผลเป็นได้

 

 

อีกสุกอีใส จำเป็นไหมต้องฉีดวัคซีน

 

เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและความพร้อมของแต่ละครอบครัวค่ะ  หากคุณไม่ต้องการให้ลูกทนทรมานจากการเจ็บป่วย ไม่ต้องเสี่ยงกับการเป็นแผลเป็น และไม่ต้องหยุดเรียนนานๆ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสก็สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ 70-90 %  แต่หากว่าฉีดวัคซีนแล้วเกิดมีอาการอีสุกอีใสขึ้นมาก็จะมีอาการไม่มาก และจะหายได้เร็วกว่าปกติ แต่สำหรับครอบครัวไหนคิดว่าไม่จำเป็นต้องฉีด เพราะคุณมีเวลาดูแลลูกเต็มที่ นั่นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ เพราะจะว่าไปแล้วส่วนใหญ่โรคนี้ก็ไม่ได้มีอาการร้ายแรงมากแต่อย่างใด

 

 

วัคซีนอีสุกอีใส ฉีดเมื่อไรดี

 

เด็กวัย 1 ปี – 12 ปี ที่ยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสอาจขอรับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสได้ โดยจะฉีดเพียงเข็มเดียว สำหรับเด็กโตวัย 13 ปีขึ้นไป อาจต้องฉีด 2 เข็มโดยเว้นระยะการฉีดวัคซีนให้ห่างกันประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้ขณะที่พาลูกไปรับวัคซีนต้องแน่ใจว่าลูกไม่ได้มีไข้ปานกลาง ถึงไข้สูง และไม่ได้แพ้ยา neomycin หรือสาร gelatin อย่างไรก็ตามในประเทศไทย แพทย์มักจะแนะนำให้เด็กอายุ 10 ปีขึ้นไปที่ยังไม่เคยเป็นโรค ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคอีกสุกอีใส เพราะพบว่าโรคนี้หากเป็นเมื่ออายุมากขึ้น ก็มีความเสี่ยงที่จะมีอาการแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น

 

 

อาการแทรกซ้อน หลังฉีดวัคซีน

 

เด็กๆ ส่วนใหญ่ที่ใด้รับวัคซีนอีสุกอีใสไม่พบปัญหาร้ายแรงใดๆ อาจมีบ้างในบางราย ที่มีอาการระคายเคือง ปวด แดง หรือ บวม ในบริเวณที่ฉีด พบได้บ่อย 1 ใน 5 ราย  หรือเกิดผื่นบางๆ หรือรอยบวม พบได้ประมาณ 3 - 4 ใน 100 ราย  แต่น้อยกว่า 1 ใน 1,000 รายจะมีอาการการปวดเมื่อยตามตัวเนื่องจากอาการไข้

 

 

Chicken Pox’s Facts อีสุกอีใส กับความจริงที่ควรรู้

 

 เมื่อลูกเป็นอีสุกอีใส ควรให้ลูกหยุดเรียนจนกว่าจะหายดี แม้จะเห็นว่าลูกไม่มีไข้ แผลตกสะเก็ดแล้วก็ไม่ควรให้ไปเรียนเพราะอาจนำโรคไปติดเพื่อนๆ ได้ เพราะระยะแพร่เชื้อนั้นนับตั้งแต่ 24 ชั่วโมง ก่อนที่ผื่นขึ้นและ 24 ชั่วโมง เมื่อตุ่มแห้งหมด

 

 

 ขณะที่ลูกเป็นอีสุกอีใส สามารถกินอาหารได้ทุกอย่าง ไม่มีของแสลง ร่างกายของผู้ป่วย ต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ลูกฟื้นตัวได้เร็ว

 

 

 โรคนี้เมื่อเป็นแล้วอาจมีโอกาสเป็นโรคงูสวัสได้ภายหลัง หากร่างกายอ่อนแอหรือมีภูมิต้านทานต่ำ

(Some images used under license from Shutterstock.com.)