สมุนไพรเปล้าตะวันต้านโรคระบบทางเดินอาหาร

สมุนไพรไทยต้านโรคระบบทางเดินอาหาร

ปัจจุบันคนไทยมีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ทุกอย่างดูรีบเร่งขึ้นเพื่อแข่งขันกับเวลา บางคนถึงขนาดไม่ได้ทานข้าว บางคนต้องทานอาหารจานด่วน เพื่อความสะดวกรวดเร็ว รวมไปถึงมีภาวะเครียดสะสมจนกระทั่งเป็นโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน ท้องผูก และเป็นริดสีดวงทวาร หากใครไม่อยากเจ็บป่วยเป็นโรคในระบบทางเดินอาหาร วันนี้เคล็ดลับสุขภาพดีมีเรื่องราวเกี่ยวกับสมุนไพรไทยพันธุ์ใหม่ ที่มีสรรพคุณในการต้านโรคระบบทางเดินอาหารมาแนะนำให้รู้จักกันค่ะ

สมุนไพรไทยพันธุ์นี้มีชื่อว่า “เปล้าตะวัน” ถือเป็นสุดยอดสมุนไพรต้านโรคระบบทางเดินอาหารและยังช่วยปรับสมดุลธาตุทั้ง 4 ของร่างกายไม่ให้เจ็บป่วยได้ง่าย โดยเปล้าตะวันหรือเปล้าแดง เป็นพืชสมุนไพรในวงศ์เปล้า มีต้นกำเนิดที่จังหวัดตราด มีสาระสำคัญคือ “โปรโนทอล” (Plounotol) ซึ่งมีฤทธิ์ในการสมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ กระตุ้นการสร้างเยื่อบุลำไส้ที่เสียไป ช่วยลดปริมาณการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหารให้น้อยลง และเสริมระบบป้องกันการดูดซับกรดของเนื้อเยื่อบุกระเพาะอาหาร

อีกหนึ่งสาระสำคัญที่พบคือ สาระสำคัญกลุ่มฟลาวโวนอยด์ สามารถพบได้ในสารเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่พบเฉพาะในพืช ซึ่งสารชนิดนี้มีกลไกในการต้านออกซิเดชั่น ทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมภูมิต้านทานร่างกาย ควบคุมการออกฤทธิ์ของฮอร์โมน และลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคีเอ็นเอ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยลดการก่อเกิดเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย  นอกจากนี้ผลการวิจัยของกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยพบว่า สมุนไพรเปล้าตะวันไม่มีความเป็นพิษเฉียบพลันทางปาก และสามารถกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงหมายความว่าเปล้าตะวันมีส่วนช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การนำใบเปล้าตะวันไปศึกษาถึงฤทธิ์ต้านเชื้อเซลล์มะเร็งทางเดินน้ำดีร่วมกับผลไม้ไทย ศึกษาโดยมหาวิทยาลัยรังสิตยังพบว่า เปล้าตะวันมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อเซลล์มะเร็งทางเดินน้ำดีได้สูงถึง 50-55 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ

วิธีรับประทาน นำกิ่งและใบของเปล้าตะวันมาต้มทาน เพื่อช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการจุกเสียดแน่นท้อง แสบกลางอกจากกรดไหลย้อน หากรับประทานเป็นประจำช่วยปรับสมดุลภายในระบบทางเดินอาหาร และปัจจุบันมีการพัฒนาเป็นยาแคปซูลที่ทานง่าย สะดวกในการพกพาด้วย

เมื่อทราบคุณประโยชน์ของเปล้าตะวันแบบนี้แล้ว ใครที่มีความเสี่ยงมากในการเป็นโรคในระบบทางเดินอาหาร ก็อย่าลืมลองหาสมุนไพรพันธุ์ใหม่ชนิดนี้ มารับประทาน เพื่อป้องกันโรคหรือใครไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็สามารถรับประทานได้ เพื่อปรับสมดุลของธาตุทั้ง 4 เป็นการป้องกันไม่ให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ง่าย เพื่อสุขภาพที่ดีของเราค่ะ

แหล่งที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 30 มี.ค.57