
© 2017 Copyright - Haijai.com
แม่ตั้งครรภ์ถึงจะท้องก็ยังทำงานไหว
ใครว่าเป็นแม่ท้องแล้วจะออกไปทำงานไม่ได้คะ เพราะเดี๋ยวนี้ถึงจะตั้งท้องก็สามารถแต่งตัวสวยออกไปทำงานได้คะ ที่สำคัญยังเชื่อกันว่ายิ่งทำงานจะยิ่งทำให้คลอดง่ายขึ้นอีกด้วย แต่ว่าต้องเป็นงานที่ไม่โลดโผน ใช้พลังกำลังแบบมหาศาลนะคะ ไม่อย่างนั้นมีหวังลูกคลอดก่อนกำหนดแน่ๆ งานดีดี งานเบาๆ แต่ใช้สมอง เสนอไอเดียงานบรรเจิด แม่ท้องก็สู้ได้ หรือจะออกไปคุยกับลูกค้า แม่ท้องก็ยังยิ้มสู้ได้ เพราะคนท้องไม่ใช่คนป่วย คุณแม่สามารถทำงานได้เหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้ตั้งครรภ์ เพียงแต่ต้องระวังในเรื่องของการเดินทาง ไม่ขึ้นรถ ข้ามเรือที่มีคนแน่นๆ แย่งกันหายใจ เพราะอาจทำให้คุณแม่เป็นลมหน้าซีดหมดสวยก่อนเข้าออฟฟิศได้คะ
สำหรับคุณแม่ที่มีอาการแทรกซ้อน ชวนให้ต้องกังวลใจในช่วงไตรมาสแรก อาจจะต้องดูแลร่างกาย มากเป็นพิเศษคะ เช่น อาจจะต้องให้คุณพ่อขับรถไปส่งที่ทำงาน ห้ามทำเก่งเสี่ยงขับรถไปเองนะคะ เพราะอาจ เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ เพราะคุณแม่อาจจะวิงเวียนศีรษะ ตาลาย (ในผู้หญิงตั้งครรภ์มักที่จะมีอาการแพ้ท้องในช่วง เช้าตื่นนอน, ช่วงสาย, ช่วงบ่ายๆ, ช่วงค่ำๆ เป็นต้น) ได้คะ ทั้งนี้ในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ปกติก็จะยังไปทำงานได้ตามปกติ แต่หากในกรณีที่ตั้งครรภ์แล้วมีอาการแทรกซ้อนจนเป็นที่น่ากังวล คุณหมอที่ดูแลครรภ์คุณแม่จะเป็น ผู้ให้คำแนะนำว่าควรที่จะดูแลร่างกายอย่างไร ถึงจะปลอดภัยตลอดการตั้งครรภ์ทั้ง 40 สัปดาห์
การทำงานในช่วงตั้งครรภ์ยังส่งผลดีต่ออารมณ์ของคุณแม่ เพราะสภาพแวดล้อมที่ทำงาน ร่วมทั้งเพื่อนร่วมงานที่จะได้พูดคุยกัน เห็นหน้ากันทุกวัน ทำให้คุณแม่ไม่เหงา ได้คลายเครียด ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลโดยตรงต่อสภาพจิตใจของคุณแม่ได้เป็นอย่างดี มีคุณแม่ตั้งครรภ์บางคนที่ต้องทำงานในลักษณะที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ทารกในครรภ์ก็แข็งแรงไปด้วย มีผลทำให้คุณแม่คลอดได้ง่ายขึ้น (ไม่เสมอไปในคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกราย)
ข้อควรปฏิบัติในการทำงานของคุณแม่ตั้งครรภ์
• งานที่ไม่เหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ คืองานที่ต้องออกแรงมากๆ อย่างการปีนขึ้นปีนลงบันไดวันละหลายๆ รอบ หรือต้องเอี้ยวตัวหยิบเก็บจัดของอยู่ตลอดเวลา และไม่เป็นงานที่ต้องก้มๆ เหงยๆ ยกกล่อง ยกของหนัก เป็นต้น
• คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทำงานหนัก และต้องออกแรงมาก ควรที่จะผ่อนงานให้คนอื่นช่วยบ้าง เพราะการออกแรงมากๆ จะทำให้ปอดกับหัวใจทำงานหนัก ส่งผลให้ทารกในครรภ์ได้รับออกซิเจนและเลือดไม่เพียงพอ
• คุณแม่จะต้องไม่ยืนเป็นเวลานานๆ ในการทำงานของแต่ละวัน เพราะการยืนทำงานเป็นเวลานานอาจจะส่งผลให้คลอดทารกที่มีน้ำหนักต่ำกว่าปกติ รวมทั้งการยืนนานๆ จะส่งผลให้โลหิตไหลเวียนเข้าไปในรก และครรภ์น้อยลง เพราะโลหิตต้องถูกส่งไปเลี้ยงเส้นเลือดบริเวณขามากขึ้นนั่นเอง
• อย่างที่ทราบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์มักที่หิวอยู่บ่อยๆ ระหว่างวัน นั่นเพราะว่าอาหารที่ทานเข้าไปนอกจากจะนำไปหล่อเลี้ยงร่างกายของคุณแม่แล้ว สารอาหารส่วนหนึ่งยังส่งตรงไปยังทารกน้อยในครรภ์ด้วย เพื่อใช้ในการสร้างอวัยวะและระบบต่างๆ ของทารกให้แข็งแรงสมบูรณ์ขึ้น คุณแม่จึงรู้สึกหิว หรืออ่อนเพลียได้ง่าย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้มีความสมดุลอยู่ตลอดเวลา ระหว่างวันอาจเตรียมเป็นผลไม้สด อย่างส้ม องุ่น ฝรั่ง มะละกอ ฯลฯ ไว้ทานเบาๆ เพื่อให้ร่างกายไม่รู้สึกหิวในช่วงบ่าย
• คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทำงานมาตลอดทั้งช่วงเช้า และหลังจากทานอาหารกลางวันอิ่มแล้ว ควรพักงีบวันละ 15-20 นาที เพื่อให้ร่างกายไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป และช่วงบ่ายจะได้ทำงานด้วยความสดชื่น หรือหากคุณแม่ไม่นอนหลับงีบ อาจเปลี่ยนเป็นการนอนผ่อนคลายร่างกาย บริเวณหลัง บริเวณเท้าด้วยการเอนกายลงบนโซฟาเหยียดขานอนตะแคงจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี
• ระหว่างที่นั่งทำงานคุณแม่ควรหาเก้าอี้เตี้ยๆ รองเท้าทั้งสองขา เพื่อไม่ให้ขาอ่อนแนบกดเก้าอี้มากเกินไป และควรขยับข้อเท้าหมุนจากซ้ายไปขวา และจากขวาไปซ้าย ทำสลับกันไป เพื่อให้ช่วยการไหลเวียนของโลหิตที่ขา เป็นไปอย่างสะดวก ลดอาการเท้าบวม และปวดเมื่อยลงได้
• คุณแม่ห้ามอั้นปัสสาวะ หากรู้สึกปวดให้รีบเข้าห้องน้ำทันที หรือระหว่างการทำงานหากมีงานด่วน ประชุมด่วนขึ้น อย่างแรกที่ต้องทำคือเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเสียก่อนไม่ควรอั้นปัสสาวะ เพราะการอั้นปัสสาวะจะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)