
© 2017 Copyright - Haijai.com
ฝึกนิสัยการขับถ่ายเตรียมพร้อมก่อนลูกเข้าโรงเรียน
กิจวัตรประจำวันที่ทุกคน ทุกเพศทุกวัยต้องทำตั้งแต่เกิด คือ การกิน การนอน การอาบน้ำแต่งตัว และการขับถ่าย ซึ่งการทำกิจวัตรส่วนตัวเหล่านี้เป็นเรื่องของสังคม และระเบียบวินัยที่ต้องมีการฝึกฝนกันตั้งแต่เด็กโดยเฉพาะเจ้าจอมซนของคุณพ่อคุณแม่ในวัยที่กำลังจะต้องเรียนรู้การอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ ในสังคมเล็กๆ อย่างในห้องเรียน การขับถ่ายให้เป็นที่เพื่อให้ติดเป็นนิสัย จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเริ่มฝึกฝนลูกก่อนเข้าโรงเรียน เพื่อสุขอามัยที่ดี และการเพิ่มความมั่นใจให้ลูกเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ได้โดยไม่อายใครในเรื่องการขับถ่ายไม่เป็นที่คะ
โดยทั่วไปการฝึกควบคุมการขับถ่ายของเด็กจะเรียงลำดับพัฒนาการด้านการควบคุม ซึ่งเริ่มจากควบคุมการขับถ่ายอุจจาระในเวลากลางคืนถัดมาจะเป็นการควบคุมการขับถ่ายอุจจาระในเวลากลางวัน หลังจากที่ลูกควบคุมการขับถ่ายอุจจาระได้แล้วก็จะสามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะในเวลากลางวันได้ และท้ายที่สุดสามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะในเวลากลางคืน ซึ่งพัฒนาการด้านการขับถ่ายต้องอาศัยความพร้อมด้านร่างกาย และจิตใจของลูกด้วย ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อพัฒนาการด้านการขับถ่ายของลูก คือ ลูกได้รับการฝึกฝนที่อ่อนโยน และใจเย็นจากคุณพ่อคุณแม่ ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ตำหนิลูกในเรื่องการขับถ่ายเลอะเทอะ และถ่ายไม่เป็นที่อาจทำให้ลูกกลัวการขับถ่ายจนปฏิเสธที่จะขับถ่ายในที่สุดค่ะ
ในขณะการฝึกฝนการขับถ่ายให้ลูกคุณพ่อคุณแม่เองต้องมีความอดทน และมีความเข้าใจที่ดีก่อนว่าการที่ลูกจะมีนิสัยการขับถ่ายที่ดีสามารถขับถ่ายได้เป็นที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการฝึก โดยทั่วไปเด็กที่มีความพร้อมในการฝึกการขับถ่ายจะอยู่ในช่วงอายุ 1.5 ปี ถึง 2 ปี แต่เด็กบางคนอาจเร็วหรือช้ากว่านี้คะ ซึ่งการเริ่มต้นฝึกการขับถ่ายให้ลูก คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่กดดันลูกคิดว่าลูกต้องทำได้ทันที ตามที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการ และบรรยากาศในการฝึกต้องมีความผ่อนคลาย ในช่วงเริ่มต้นของการฝึกคุณพ่อคุณแม่อาจจะใช้ของเล่นเป็นสิ่งหลอกล่อความสนใจให้ลูกฝึกฝนการขับถ่าย เพราะการใช้ของเล่นเข้ามาช่วยในการฝึกทำให้บรรยากาศไม่เครียดจนเกินไป หลังจากนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องสื่อสารให้ลูกเข้าใจว่า อึ แทน อุจจาระ และ ฉี่ แทน ปัสสาวะ คุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามสื่อสารให้ลูกเข้าใจว่าการปวดท้องแบบนี้เขาต้องเข้าห้องน้ำ เมื่อลูกเข้าใจแล้วขั้นตอนต่อไปคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกใช้โถชักโครกสำหรับเด็กที่มีขนาดเล็กและเหมาะสมกับตัวเขา แต่ถ้าที่บ้านไม่มีโถสำหรับเด็กให้ใช้โถสำหรับผู้ใหญ่มีที่ครอบโถชักโครกให้เหมาะสมกับเด็ก และมีเก้าอีตัวเล็กๆ สำหรับให้ลูกใช้เหยียบขึ้นไปนั่งโถชักโครกได้ง่าย และปลอดภัยโดยไม่กลัวที่จะตกลงมา การทดลองนั่งโถชักโครกช่วยให้ลูกเกิดความคุ้นเคยกับการนั่งโถชักโครก ซึ่งในการเข้าห้องน้ำทุกครั้งคุณพ่อคุณแม่ต้องไม่คาดหวังว่าลูกจะต้องถ่ายในทันทีนะคะ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกนั่งโถชักโครกให้เป็นเวลา เช่น เวลาหลังตื่นนอน และเวลาหลังอาหาร เป็นต้น โดยกุญแจสำคัญอยู่ที่ลูกต้องไปเข้าห้องน้ำด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่การบังคับของคุณพ่อคุณแม่ เพราะการบังคับจิตใจลูกอาจจะทำให้ลูกเกิดทัศนคติในแง่ลบต่อการเข้าห้องน้ำได้คะ ซึ่งในขณะที่คุณพ่อคุณแม่พาลูกเข้าห้องน้ำอาจจะบอกกับเขาว่า ถ้าหากเข้าปวดท้องต้องการจะเข้าห้องน้ำทุกครั้งให้บอกคุณพ่อคุณแม่ก่อนที่จะขับถ่าย แต่ถ้าลูกบอกคุณพ่อคุณแม่ไม่ทันไม่ควรกล่าวตำหนิลูกแต่ควรให้กำลังใจลูกแทน เช่น “แม่ดีใจที่ลูกถ่ายเป็นเวลานะคะ ไว้คราวหน้าถ้าลูกปวดท้องบอกให้แม่รู้ลูกจะเก่งที่สุดเลยค่ะ แม่รู้ว่าลูกของแม่ทำได้ดีแน่ๆ จ๊ะ” เพราะการชมเชย และการให้กำลังใจกับลูกจะเป็นแรงผลักดันให้ลูกพยายามฝึกฝนการขับถ่ายที่ดีได้ค่ะ ในขณะเดียวกันคุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูกในเรื่องของการรักษาความสะอาดหลังการขับถ่าย โดยสอนในเรื่องการใช้กระดาษชำระเช็ดก้นจากข้างหน้าไปด้านหลัง (จากอัวยวะจีจี้ไปยังก้น) เพื่อไม่ให้อุจจาระมาเปื้อนด้านหน้า โดยเฉพาะในเด็กผู้หญิงมีช่องเปิดทางเดินปัสสาวะและช่องคลอดอยู่ใกล้กันมากจะติดเชื้อได้ง่าย รวมไปถึงการสอนให้ลูกล้างมือให้สะอาดหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วค่ะ
เมื่อถึงวัยที่ลูกต้องเข้าโรงเรียนเขาก็จะมีความพร้อมในเรื่องนิสัยการเข้าห้องน้ำที่ดีและเป็นเวลา แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมที่จะบอกกับลูกว่า เวลาลูกไปโรงเรียนถ้าหนูปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำให้ลูกบอกคุณครูว่าหนูปวดท้องต้องการเข้าห้องน้ำเหมือนที่ลูกบอกกับแม่ แม่เชื่อจ๊ะว่าคุณครูจะดีใจมากที่หนูบอกกับเขาค่ะ
เพียงเท่านี้เมื่อถึงเวลาที่ลูกต้องเข้าสังคมเล็กๆ อย่างการไปโรงเรียน ลูกก็จะมีนิสัยการขับถ่ายที่ดี ขับถ่ายเป็นที่รวมไปถึงมีความกล้า และมั่นใจที่จะบอกกับคุณครูว่า คุณครูครับผมอยากเข้าห้องน้ำได้อย่างภูมิใจค่ะ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)