10 วิธีสวยด้วยตำรับไทยกลายเป็นสาวพราวเสน่ห์

10 วิธีสวยด้วยตำรับไทย กลายเป็นสาวพราวเสน่ห์

1.น้ำยาอุทัย

ภูมิปัญญาไทยโบราณ เป็นน้ำยาสีแดงที่สกัดจากมวลดอกไม้ และสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ และสมุนไพรที่เกิดจากการหมัก และอบไว้อย่างยาวนาน มีสรรพคุณแก้ร้อนในกระหายน้ำ ดื่มแล้วสดชื่น แต่ปัจจุบันมีการปรับสูตรน้ำยาอุทัยให้ใช้ง่ายขึ้น

2.ยาดมส้มโอมือ

เครื่องหอมอีกอย่างของไทยแต่โบราณที่นิยมใช้กันในรั้วในวัง ปัจจุบันมีการผลิตและใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น และร่วมสมัยมากขึ้น ให้สามารถพกพาได้สะดวก

มีสรรพคุณแก้อาการวิงเวียน ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียนได้เป็นอย่างดี แถมช่วยปลุกพลังให้รู้สึกเฟรช เพิ่มเสน่ห์ให้สาวๆ ดูสดชื่นแจ่มใส อารมณ์ดีตลอดทั้งวัน

3.พิมเสนน้ำ

อันนี้ช่วยเติมความสดชื่นให้กับสาวๆ ขั้นสุด บางคนใช้แก้ง่วงได้เลย พิมเสนน้ำเป็นการผสมผสานกันระหว่างพิมเสน การบูร เมนทอล และน้ำมันที่มีกลิ่นหอม สามารถพกเป็นยาประจำตัวก็ได้นะ เพราะช่วยลดอาการปวดหัว คัดจมูก และยังทาแก้แมลงสัตว์กัดต่อยได้ด้วย พิมเสนน้ำนี้ทำง่ายมาก สามารถทำไว้ใช้เองได้

วิธีทำ นำพิมเสน การบูร เมนทอล อย่างละเท่าๆ กัน มาผสมรวมกัน ตั้งทิ้งไว้จนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเติมกลิ่นหอมได้ตามใจชอบ

4.อบสมุนไพร

เป็นเคล็ดลับการดีท็อกซ์ผิว เพื่อขับพิษจากภายในให้ออกมากับเหงื่อผ่านทางรูขุมขน ในร่างกายของเราสู่ภายนอก แถมยังสามารถรักษาอาการภูมิแพ้ อาการหวัด คัดจมูกได้ดีอีกด้วย

วิธีการอบสมุนไพร ก่อนอื่นเตรียมสมุนไพรตามสูตร อบสมุนไพร ได้แก่ อบเชยเทศ 2 ส่วน ตะไคร้ มะกรูด ไพล ขมิ้นชัน ใบมะขาม อย่างละ 1 ส่วน เกลือ ½ ส่วน การบูรเล็กน้อย

วิธีทำ หั่นสมุนไพรพอหยาบๆ คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันแล้วนำลงต้ม พรมน้ำทั่วร่างกายพอเปียกก่อน เข้าห้องอบสมุนไพร ใช้เวลาในการอบครั้งละ 15 นาที จำนวน 2 ครั้ง และพัก 1 ครั้ง ขณะพักออกมาจิบน้ำเปล่า หรือน้ำสมุนไพรด้วยยิ่งดี แล้วอาบน้ำล้างตัวให้สะอาด (เพื่อความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้ไปอบสมุนไพร ที่ร้านที่มีผู้เชียวชาญด้านการอบสมุนไพรดูแล)

5.พอกหน้า

เป็นวิธีการดูแลผิวพรรณของหญิงไทยสมัยโบราณ ขอแนะนำสูตรนี้เลย ผงดินสอพองสะดุ ผงฟ้าทลายโจร ผงขมิ้นชัน สัดส่วนอย่างละเท่าๆ กัน ผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เติมน้ำเล็กน้อยพอให้จับตัว แล้วนำมาพอกหน้า หรือแต้มตามจุดสิว จุดด่างดำ ทิ้งไว้ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

สรรพคุณช่วยแก้สิวอักเสบ ลบจุดด่างดำ บำรุงผิวหยาบกร้านให้ดูเรียบเนียนชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น

6.นวดอโรมา

หรือการนวดน้ำมันที่สาวๆ หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี การนวดนอกจากจะทำให้รู้สึกสบายผ่อนคลายแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และน้ำเหลือง แถมยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้หลุดลอกออกไป รอยด่างดำตามข้อพับต่างๆ จึงขาวกระจ่างใสขึ้น

ควรหาเวลานวดน้ำมันเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการผ่อนคลายร่างกาย และเป็นการผลัดเซลล์ผิว

7.ทับหม้อเกลือ

คือ การนำเกลือตัวผู้ใส่ในหม้อดิน แล้วเผาจนเกลือเปลี่ยนเป็นสีเทา ใช้ผ้าขาวบางห่อ จากนั้นนำมานาบบริเวณหน้าท้อง

ถึงแม้การทับหม้อเกลือจะเป็นหนึ่งในวิธีการอยู่ไฟหลังคลอด เพื่อให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็ว แต่รู้หรือไม่ว่ามีงานวิจัยระบุว่า การทับหม้อเกลือยังช่วยให้หน้าท้องยุบตัวเร็วขึ้น เอวเล็กลงได้อีกด้วย

สาวๆ คนไหนอยากลดหน้าท้อง แนะนำให้ไปทับหม้อเกลือได้เลย แต่อย่าทำด้วยตัวเอง ต้องให้แพทย์แผนไทยเป็นคนทับหม้อเกลือให้เท่านั้น

8.จุดตะเกียงน้ำมันหอมระเหย

แนะนำให้เลือกกลิ่นดีๆ สักกลิ่นที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อเป็นการช่วยเสริมการทำงานของธาตุทั้ง 4 ในร่างกายให้สมดุลมากขึ้น แถมช่วยให้ผ่อนคล้ายนอนหลับได้ลึกขึ้น

สำหรับคนธาตุน้ำ เลือกน้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นหอมสดชื่น เช่น มะนาว ส้ม มะกรูด คนธาตุลม เลือกน้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นสุขุม ร้อน เช่น อบเชย พริกไทย ส่วนคนธาตุไฟ ให้เลือกน้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นเย็น เช่น มะลิ กุหลาบ และสุดท้ายคนธาตุดิน เลือกน้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นหนักแน่น สุขุม เช่น ขิง ไพล

9.กินข้าวหมาก (โพรไบโอติก)

เมนูของกินเล่นสมัยโบราณ ที่ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วมีสรรพคุณมากมาย เช่น ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดอ้วน ช่วยผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วยอายุยืน เพราะเป็นแหล่งของเชื้อจุลินทรีย์ดี ที่เกิดจากการบ่มของข้าวและยีสต์ จนกลายเป็นข้าวหมาก มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว

วิธีกิน แนะนำให้กินไม่เกินวันละ 2 ห่อ

10.ฝึกโยคะและฤาษีดัดตน

หลักสำคัญของการออกกำลังกายยืดเหยียดแบบโยคะ และฤาษีดัดตน คือ การฝึกควบคุมลมหายใจเข้า-ออก พร้อมด้วยการยืดกล้ามเนื้อและกระดูก เพื่อเพิ่มทางเดินของเส้นประธานสิบในร่างกาย (ทางเดินของเลือดลมในร่างกาย) สามารถป้องกันการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ และการติดขัดของกระดูก และข้อ ต้นเหตุของการเกิดโรคต่างๆ มากมาย เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคออฟฟิศซินโดรม ฯลฯ

หมั่นหาเวลาเคลื่อนไหวร่างกายครั้งละ 40 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง จะช่วยป้องกันการเจ็บป่วยได้

พท.ป.ชารีฟ หลีอรัญ