
© 2017 Copyright - Haijai.com
วิตามินธรรมชาติ ป้องกันมะเร็งทุกอวัยวะ
มะเร็ง คือ เซลล์ที่เกิดการกลายพันธุ์ แต่เซลล์ที่กลายพันธุ์ไม่จำเป็นต้องกลายเป็นเซลล์มะเร็งเสมอไป ในสภาวะปกติ หากมีเซลล์กลายพันธุ์เกิดขึ้น ร่างกายจะบอกได้เองว่า นี่ไม่ใช่ดีเอ็นเอปกติ จึงเกิดกระบวนการฆ่าตัวตายของเซลล์ เพื่อไม่ให้เกิดการขยายของเซลล์ที่กลายพันธุ์ แต่เซลล์มะเร็งมีเทคนิคพิเศษที่สามารถหลุดรอดกระบวนการตรวจจับของร่างกาย
ส่วนอะไรเป็นปัจจัยของโรคมะเร็งนั้น ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่า 5 เปอร์เซ็นต์เกิดจากพันธุกรรม อีก 90-95 เปอร์เซ็นต์มาจากไลฟ์สไตล์ล้วนๆ มีอะไรบ้าง หลักๆ เลยมาจากอาหารที่ทุกวันนี้มีการดัดแปลงแปรรูปอาหาร ใส่สารเคมีกันเยอะ การสูบบุหรี่ การใช้เครื่องสำอางหรือครีมต่างๆ ที่มีสารเคมี และขาดการออกกำลังกาย
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ หรือฟรีแรดิคัล ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ วิธีที่เราจะป้องักนการเกิดโรคมะเร็งได้ คือ ต้องปกป้องยีน P53 ซึ่งเป็นยีนตัวหลักที่ช่วยป้องกันมะเร็ง โดยการทำให้ยีนตัวนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
7 วิตามินธรรมชาติป้องกันมะเร็ง
ดังนั้นกุญแจสำคัญ คือ เราควรได้รับสารแอนติออกซิแดนต์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยกำจัดฟรีแรดิคัล คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าเราจะหาสารต้านอนุมูลอิสระได้จากที่ไหน ขอบอกว่า ได้จากผักผลไม้ และอาหารธรรมชาติค่ะ โดยมีหลักในการกินดังนี้
1.ผักสีรุ้งหรือผักหลากสี หากต้องการเน้นให้ร่างกายได้รับสารแอนติออกซิแดนต์ เราต้องกินผักหลากสีหรือเรนโบว์ไดเอต กินไล่สีมาเลย เช่น สีม่วงบลูเบอร์รี่ สีแดงเชอร์รี่ สีเขียวผักใบเขียว สีเหลืองฟักทอง สีขาวแก้วมังกร เนื่องจากสีของผักต่างชนิดกัน จะมีสารแอนติออกซิแดนต์ต่างกัน ซึ่งจะไปช่วยกำจัดฟรีแรดิคัล ซึ่งก็มีหลายชนิดเช่นเดียวกัน
2.คลอโรฟิลล์จากวีตกลาส (Wheatgrass) หรือต้นอ่อนข้าวสาลี การนำวีตกลาสมาปั่นเป็นน้ำเอนไซม์ 1 ช็อต จะทำให้ร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์สูงมาก ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง และช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกาย แต่ปัญหาคือ เรามักขยาดกับรสชาติ แนะนำว่า หลังจากดื่มน้ำเอนไซม์วีตกลาสแล้วให้ดื่มน้ำเสาวรส หรือน้ำมะนาวตามลงไป จะช่วยล้างปากได้ดีมาก
3.กรดโฟลิก มีความสำคัญในแง่การพัฒนาเซลลืเกิดใหม่ให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์ ป้องกันการกลายพันธุ์ มีการศึกษาหนึ่งพบว่า กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งลำไส้และทวารหนักมีระดับกรดโฟลิกน้อยกว่าปกติ ดังนั้นเราควรกินกรดโฟลิก ซึ่งพบในผักใบเขียว นม ให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้ควรกินร่วมกับวิตามินบี 12 เพื่อมั่นใจว่าจะทำให้การสร้างเซลล์เป็นไปอย่างปกติที่สุด
4.พืชตระกูลกะหล่ำ ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า บรอกโคลี ล้วนช่วยในเรื่องการปรับฮอร์โมนในร่างกาย จึงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนได้ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ นอกจากนี้พืชตระกูลกะหล่ำยังมีสารชนิดหนึ่งที่ช่วยร่างกายตรวจจับเซลล์กลายพันธุ์ จึงจัดการให้เกิดกระบวนการฆ่าตัวตายของเซลล์กลายพันธุ์ดังที่กล่าวไปในตอนต้นได้
5.วิตามินดี จะพบว่าคนที่อยู่ในประเทศเลยแถบเส้นศูนย์สูตรขึ้นไป เช่น แคนาดา จะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูง เนื่องจากเป็นพื้นที่ไม่ค่อยมีแสงแดด รวถึงเป็นคนผิวขาวที่เวลาโดนแดดจะเกิดซันเบิร์นได้ง่าย ซึ่งมักพบว่ามีระดับวิตามินดีในร่างกายต่ำกว่าปกติ ดังนั้นร่างกายควรได้รับแสงแดด เพื่อให้รังสียูวีไปช่วยกระตุ้นการสร้างวิตามินดี โดยควรรับแดดในช่วง 10 โมงเช้าและหลัง 4 โมงเย็น จะดีต่อร่างกายที่สุด
6.ซีลีเนียม จากการศึกษาพบว่า การกินซีลีเนียมปริมาณ 20 ไมโครกรัม จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังพบว่า คนที่ขาดซีลีเนียมจะพบยีนกลายพันธุ์ ซึ่งเสี่ยงนำไปสู่การเกิดมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย
7.ชาเขียว มีสารพอลิฟีนอลในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยชะลอการขยายขนาดของเนื้องอก สกัดการสร้างเส้นเลือดใหม่ของเซลล์มะเร็ง และยับยั้งไม่ให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น หากจะดื่มเป็นเชิงป้องกันแนะนำว่า ควรดื่มวันละ 5 แก้ว ซึ่งอาจทำให้บางคนมีอาการนอนไม่หลับได้ เพราะฉะนั้นจึงมีการสกัดเฉพาะสารสำคัยออกมาในรูปแคปซูล และขอเสริมว่า ควรดื่มชาเขียวพร้อมกับการกินอาหารที่มีวิตามินอี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งได้ดียิ่งขึ้น
สรุปแล้วหลักในการป้องกันมะเร็ง คือ ปรับไลฟ์สไตล์ให้เหมาะสม ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ นอกจากนี้ควรกินอาหารให้หลากหลาย ที่สำคัญควรเป็นผักผลไม้ออร์แกนิกจะดีต่อสุขภาพที่สุด แต่ถ้าหาซื้อไม่ได้ควรล้างทำความสะอาดอย่างเหมาะสม
ดร.ณิชมน สมันตรัฐ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)