© 2017 Copyright - Haijai.com
คิดอย่างไรไม่ให้เครียด
ไม่ว่าใครก็ต้องเคยรู้สึกเครียด วิตกกังวล คิดมาก คิดเยอะ จนปวดหัว ไม่แน่ว่าหนึ่งในผู้อ่านของแมร์ก็อาจกำลังรู้สึกเครียดกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องผิดค่ะ ใครๆ ก็เครียดกันได้ทั้งนั้น แต่ความเครียดไม่ใช่เพื่อนที่ดีเท่าไรนัก โรคภัยไข้เจ็บได้ไม่น้อยหน้าเชื้อโรคหรือแบคทีเรีย แมร์เลยอยากจะแชร์เทคนิคการจัดการความเครียดที่แมร์ใช้มาตลอด
ถอยออกมา แล้วพิจารณา
ความเครียดเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ บ้างก็มาจากเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมาย พอเกิดขึ้นแล้วรู้สึกทุกข์ ปล่อยไปแบบนี้แมร์จะใช้คำว่า “ความคิดไหลหลากไปไกล” คือ เริ่มเอาความกังวลนั้นส่งไปถึงอนาคต บางคนย้อนไปขุดเรื่องในอดีตมากลัดกลุ้มก็มี จนลืมว่าควรอยู่กับปัจจุบัน
ไม่ว่าสาเหตุแห่งทุกข์และความเครียดเกิดจากอะไร เมื่อมันเกิดขึ้น แมร์จะหยุดคิด ตั้งสติ แล้วถอยออกมาถอยในที่นี้ไม่ใช่เดินถอยหลังนะคะ แต่เป็นการหยุดฟุ้งซ่าน กดปุ่ม PAUSE ความคิดไปแป๊ปหนึ่ง แล้วดูตัวเองเลยว่าที่กำลังเครียดอยู่นี่มันเสียเวลาหรือไม่ แล้วเราจะทำอย่างไรให้มีความสุขขึ้นมา กิจกรรมอะไรที่เราชอบทำ ที่ไหนที่เราชอบไป ลองทบทวนแล้วเดินไปหาความชอบเหล่านั้น
เทคนิคคือ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องที่ทำให้เครียด มองหาสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข คนเราทุกวันนี้มักมองข้ามความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่กลับไปขยายความทุกข์ชั่วครู่ชั่วคราวให้ใหญ่โตคับสมอง ลองทำกลับกันโดยการกักเก็บเรื่องดีๆ บ้าง อาจจะจดบันทึกความสุขที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน วันนี้มีเรื่องดีๆ อะไรบ้าง มีความสุขอะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้วเราจะพบว่าความจริงแล้ว ชีวิตเรามีความสุขเกิดขึ้นเยอะแยะทีเดียว
ถามตัวเอง หากต้องแก้ปัญหา
หลายครั้งความเครียดก็มาในรูปแบบของปัญหาที่ต้องแก้ไข แมร์เคยไปร้านหนังสือแห่งหนึ่งในซานโตรินี ประเทศกรีซ ในร้านมีป้ายข้อความไม่ยาวมาก แต่ทำให้ฉุกคิดได้ไม่น้อย โดยจั่วหัวว่า “มีปัญหาหรือ” แล้วก็จะมีคำถามเพื่อให้เลือกตัวเลือกดังนี้
สามารถแก้ปัญหานั้นได้ไหม
ข้อ 1 แก้ได้ ข้อ 2 แก้ไม่ได้
หากตอบข้อแรก “แก้ได้” ก็จะพบกับข้อความต่อจากนั้นว่า “แล้วจะกังวลไปทำไม” ในเมื่อคุณแก้มันได้ และหากตอบข้อที่สอง “แก้ไม่ได้” ก็จะพบกับข้อความเดียวกันนี้ “แล้วจะกังวลไปทำไม” ในเมื่อทำอย่างไรมันก็แก้ไม่ได้
นี่ไง หากเรารู้ว่าปัญหานั้นมันแก้ไขได้ แล้วทำไมเราต้องกังวล ในทางกลับกันถ้าเรารู้ว่ามันแก้ไม่ได้ แล้วเราจะหยุดอยู่กับมัน ยื้อปัญหานี้ไว้ทั้งๆ ที่แก้ไขอะไรไม่ได้อีกทำไม เครียดไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรไม่ใช่หรือ
ลองถามตัวเองดูว่า ทุกวันนี้เราเครียดและจมอยู่กับปัญหาที่เราทำอะไรกับมันไม่ได้มากเกินไปหรือเปล่า มีทางที่เราจะปล่อยมันไปแล้วเดินต่อไปหรือไม่ หรือลองคิดถึงปัญหาหรือความเครียดเหล่านั้นในอีกมุมได้หรือไม่
ยกตัวอย่าง คนที่เพิ่งออกจากงาน หากคิดในแง่ร้ายคือตกงาน แต่หากมองอีกมุมคือคือโอกาสใหม่ของชีวิต การได้เปลี่ยนงานใหม่ เจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ที่ดีกว่า หรือไม่แน่อาจเป็นหนทางไปสู่ธุรกิจของตัวเองเลยก็ได้ นั่นขึ้นอยู่กับว่า เรากระตือรือร้นที่จะเปลี่ยนปัญหาเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นโอกาสใหม่ๆ ของชีวิตได้มากน้อยแค่ไหน
อีกเรื่องหนึ่งคือ ความทุกข์จากการสูญเสีย แน่นอนมันเป็นเรื่องที่แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงไม่ได้ วิธีเดียวคือ การมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจ พยายามไม่ยึดติดกับสิ่งของหรือบุคคล เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรจะอยู่กับเราไปตลอด ของที่เรารักมาก วันหนึ่งอาจหายไป อาจพัง เสียหาย หรือไปเป็นของคนอื่น คนรอบข้างที่เรารัก สักวันอาจจากเราไป มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ย่อมเกิดขึ้น การยึดติดมีแต่จะดึงให้เราทุกข์กับสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว
สุดท้ายนี้การอยู่กับตัวเอง สังเกตอารมณ์ ความคิดของตัวเองบ่อยๆ อาจจะช่วยให้เรารู้ทันและจัดการกับความเครียดได้ดียิ่งขึ้น ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
คุณพัชรศรี เบญจมาศ
พิธีกรและผู้ประกาศข่าวสาวชื่อดังที่สุดในขณะนี้
(Some images used under license from Shutterstock.com.)