Haijai.com


การเลี้ยงลูกในช่วงวัยเด็กที่เขากำลังเติบโต


 
เปิดอ่าน 2807

วัยเอ๋ย วัยเด็ก

 

 

วันวานยังคิดถึงอยู่ น้ำแข็งใสใส่น้ำแดง น้ำเขียว น้ำส้ม ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวถ้าได้สักถ้วยก็คงดี หรือจะพับว่าวจากกระดาษสีสวยให้เป็นรูปนก รูปผีเสื้อ มาวิ่งล้ออ้อลมเล่นช่วงเย็นๆ กับเพื่อนวัยเดียวกันคงสนุกกันจนลืมเวลาไปเลยทีเดียว เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นจริงเมื่อสมัยที่ผู้ใหญ่อย่างเรายังเด็กอยู่ค่ะ ภาพความทรงจำในวัยเด็กยังคงจำได้และมักนึกถึงบ่อยๆ เวลาที่เด็กๆ หรือลูกหลานของเรากำลังวิ่งเล่นอยู่ ความทรงจำดีๆ เวลาที่นึกถึงทีไรก็มักทำให้เรายิ้ม แล้วก็หวน นึกถึงเสมอ

 

 

วัยเด็กคือช่วงเวลาที่ชีวิตมีความสุขที่สุด ไม่ต้องเครียด ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคิดเยอะ แค่เรียน เล่น กิน นอน เด็กๆ จึงเป็นเหมือน ผ้าขาวที่ค่อยๆ เพิ่มขนาดขึ้นกลายเป็นผ้าผืนใหญ่ ช่วงเวลาที่เด็กๆ ค่อยๆ เติบโตขึ้นมา มีเรื่องราวเป็นร้อย เป็นพัน ผ่านเข้ามาบางครั้งก็เป็นเรื่องดีควรค่าแก่การเก็บไว้ในความทรงจำ บางเรื่องก็เจ็บปวดลบเท่าไหร่ก็ไม่หายไปจากความทรงจำ ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ผู้ปกครองค่ะ ที่จะต้องคอยสอน คอยสั่ง คอยดูแลทะนุถนอมไม่ให้ผ้าขาวผืนนี้กลายเป็นผ้าที่มีสีขมุกขมัว

 

 

เด็กๆ จึงควรได้รับทั้งความสุข ความสมหวัง ความปรารถนาในเรื่องที่เขาอยากได้ อยากเรียนรู้ อยากทำ ทั้งนี้ พ่อแม่ต้องเป็นคนที่ต้องคอยอยู่ข้างๆ ลูก คอยชี้แนะว่าเรื่องไหนผิด เรื่องไหนถูก สิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ หากพ่อแม่ชี้แนะลูกให้ถูกทาง ลูกก็จะกลายเป็นเด็กที่มีเกราะคุ้มกันที่แข็ง แกร่ง และแข็งแรงจากสิ่งกระตุ้นเร้าจากเรื่องไม่ดีได้ค่ะ

 

 

การเลี้ยงลูกที่อยู่ในช่วงวัยที่เขากำลังเติบโตขึ้น ถือเป็นเรื่องยากและท้าทายพ่อแม่เป็นอย่างมากค่ะ เพราะลูกคนที่ว่าง่าย พูดง่าย ที่เราจะให้เขาทำอะไร กินอะไรเขาก็ยอมทำตามเราทุกอย่าง แต่พอเขาเติบโตขึ้นเขาก็จะมีพัฒนาการทางด้านความรู้สึกนึกคิด จินตนาการ มีโลกส่วนตัวที่มากขึ้น ตรงนี้เป็นเรื่องที่พ่อแม่จะต้องทำความเข้าใจในตัวลูก คุณจะต้องเติบโตและเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกด้วย เพราะหากคุณเอาความคิดแต่ของคุณอย่างเดียว โดยที่ไม่มองหรือเข้าใจลูกเลย ก็อาจทำให้ทั้งคุณและลูกไม่เข้าใจ ซึ่งกันและกัน ห่างกันออกไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายยากที่จะควบคุมได้

 

 

เด็กๆ จะมีความคิดที่ก้าวกระโดดไปไกลมากในช่วงที่เขากำลังขึ้นชั้นประถม 1 เขาจะได้เจอเพื่อนใหม่ เจอคุณครูคนใหม่ ได้เจอกับการเรียนการสอนที่แตกต่างไปจากช่วงชั้นอนุบาล สิ่งที่ลูกกำลังเผชิญอยู่นี้ถือเป็นเรื่องท้าทายทั้งความคิดความรู้สึก การเผชิญหน้ากับสิ่งที่ใหญ่ขึ้นโตขึ้น ทำให้เขาทั้งสนุกและก็กลัวไปด้วย เมื่อลูกกลับไปบ้านจึงเป็นหน้าที่ที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้เวลาพูดคุยกับลูก ว่าวันนี้ลูกเรียนอะไรที่โรงเรียน มีเรื่องอะไรที่อยากเล่าให้พ่อกับแม่ฟังหรือเปล่า คุณควรเป็นทั้งผู้รับฟังและผู้ตอบคำถามที่ดีให้กับลูก เพราะหากลูกรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นได้ทั้งเพื่อน ทั้งที่ปรึกษา ที่นอกเหนือจากการเป็นพ่อแม่ของเขา ลูกก็จะกล้าแสดงออกกับคุณทุกเรื่อง ที่สำคัญเขาจะรู้สึกว่าเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้งจากพ่อและแม่เลย

 

 

การเดินไปในทิศทางเดียวกันของทั้ง พ่อ แม่ ลูก จะช่วยให้ปัญหาในครอบครัวลดลง เนื่องจากทุกคนเข้าใจกัน เห็นใจกัน ใส่ใจซึ่งกันและกัน ผลที่ตามมาก็คือลูกได้ดั่งใจ พ่อแม่ก็สมใจค่ะ

(Some images used under license from Shutterstock.com.)