© 2017 Copyright - Haijai.com
บริเวอร์ยีสต์ช่วยอ่อนเยาว์ แข็งแรง
เมื่ออายุย่างเข้าเลขสี่ ผิวอาจเริ่มปรากฏริ้วรอย แห้งกร้าน และหย่อนคล้อย ซึ่งเป็นผลพวงมาจากฮอร์โมนชนิดต่างๆ รวมถึงฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อว่าเอสโทรเจน (Estrogen) ลดลง
เพื่อชะลอความเสื่อมของผิว สาววัย 40 หลายคนจึงหันมาดูแลสุขภาพผิวอย่างจริงจัง ทั้งตั้งเป้าหมายว่าจะกินผักและผลไม้เพิ่มขึ้น ดื่มน้ำตลอดวัน ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดด มุ่งมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และเริ่มมองหาอาหารเสริมช่วยบำรุงผิว
บริเวอร์ยีสต์ (Brewer’s Yeast) คือหนึ่งในสารอาหารที่ได้รับความนิยม ไม่เพียงช่วยบำรุงผิว แต่ยังพบว่ามีสรรพคุณช่วยส่งเสริมสุขภาพในด้านอื่นอีกด้วย
บริเวอร์ยีสต์ คืออะไร
ข้อมูลเรื่องสารอาหารจากมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา (University of Maryland) อธิบายว่า บริเวอร์ยีส คือ ยีสต์ที่อุดมไปด้วยสารอาหารชนิดต่างๆ เช่น โปรตีน ซีลีเนียม โครเมียม วิตามินบีรวม ได้แก่ วิตามินบี 1 (Thiamine) บี 2 (Riboflavin) บี 3 (Niacin) บี 5 (pantothenic Acid) บี 6 (Pyridoxine) บี 7 (Biotin) บี 9 (Folic Acid)
โดยสารอาหารเหล่านี้ช่วยในการเผาผลาญสารอาหารหลัก ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน เพื่อให้พลังงานแก่ร่งกาย นอกจากนี้ยังช่วยสร้างเสริมการทำงานของระบบประสาท ช่วยรัษามวลกล้ามเนื้อ และช่วยให้ ผิว ผม ตา ปาก ตับ มีสุขภาพแข็งอีกด้วย
นอกจากนี้จากการศึกษาทั้งในสัตว์ทดลองและในคนยังพบประโยชน์ ของบริเวอร์ยีสต์ในด้านต่างๆ เช่น ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ลดระดับคอเลสเตอรอลตัวร้าย คือ ชนิดแอลดีแอลคอเลสเตอรอล (LDL-Cholesterol) ช่วยควบคุมการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกติ ป้องกันโรคภูมิแพ้ ต้านมะเร็ง
บริเวอร์ยีสต์ ช่วยผิวสวย
งานวิจัยหลายเรื่องศึกษาประโยชน์ของบริเวอร์บยีสต์ต่อสุขภาพผิว โดยหนึ่งในนั้นคืองานวิจัยจากสมาคมเวชศาสตร์ชะลอวัย ประเทศญี่ปุ่น (The Japanese Society of Anti-Aging Medicine) ที่ศึกษาผลของบริเวอร์ยีสต์ต่อสุขภาพผิวในอาสาสมัครหญิง 32 คน
นักวิจัยพบว่า กลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับบริเวอร์ยีสต์เสริมวันละ 7,125 มิลลิกรัม นาน 8 สัปดาห์ มีสุขภาพผิวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับบริเวอร์ยีสต์เสริม โดยพบว่า บริเวอร์ยีสต์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นให้กับผิว ลดอาการผื่นคัน เพิ่มความกระจ่างใส และช่วยให้รูขุมขนเล็กลง
กินบริเวอร์ยีสต์ อย่างไร
ผลิตภัณฑ์บริเวอร์ยีสต์มีทั้งชนิดผงและชนิดเม็ด โดยข้อมูลจากหนังสือ The Essential Herb – Drug – Vitamin Interaction Guide แนะนำให้กินบริเวอร์ยีสต์ไม่เกินวันละ 6 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง
หากกินปริมาณสูงกว่านี้อาจเสี่ยงเกิดอาการไม่สบายท้องจากการมีแก๊สในลำไส้ หรือมีอาการแพ้ เช่น คัน ปวดศีรษะไมเกรน ลมพิษ
หากกินชนิดผงอาจทำให้รู้สึกพะอืดพะอมขณะกลืนลงคอ ข้อมูลจากหนังสือ The Encyclopedia of Healing Foods แนะนำวิธีกินบริเวอร์ยีสต์ชนิดผงอย่างง่ายๆ โดยการผสมผงบริเวอร์ยีสต์ลงในอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ใส่ในน้ำเปล่า น้ำผลไม้ เครื่องดื่มสมู้ตที เครื่องดื่มผสมข้าวโอ๊ต ใส่ในซีเรียลเป็นมื้อเช้า เติมในโยเกิร์ต น้ำสลัด ขนมอบ น้ำซุป ซอสมะเขือเทศ
นอกจากนี้ควรเก็บผงบริเวอร์ยีสต์ในขวดทึบแสง วางไว้ในที่แห้งและเย็นสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 3 ปี
ใครบ้าง ไม่ควรกิน
แม้บริเวอร์ยีสต์จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับบุคคลดังต่อไปนี้
1.หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพราะยังไม่มีการศึกษาที่ยืนยันถึงความปลอดภัยอย่างชัดเจน ต่อทารกที่แม่กินบริเวอร์ยีสต์ ขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
2.ผู้ที่มีประวัติแพ้ยีสต์ ควรหลีกเลี่ยงการกินบริเวอร์ยีสต์ เพราะจะทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น คัน บวม ตามร่างกาย
3.ผู้ที่เป็นโรคโครห์น (Crohn’s Disease) หรือกลุ่มโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory Bowel Disease) เนื่องจากการกินบริเวอร์ยีสต์เสริมมีผลให้อาการของโรคทรุดหนักลง
4.ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อนกินบริเวอร์ยีสต์เสริม เพราะบริเวอร์ยีสต์มีโครเมียม ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยโรคเบาหวานที่กินยา หรือฉีดอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หากกินบริเวอร์ยีสต์เสริมอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ซึ่งทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
รู้ข้อมูลอย่างนี้แล้ว ควรเลือกกินให้เหมาะกับสภาพร่างกายของแต่ละคน ที่สำคำญต้องดูแลสุขภาพควบคู่ไปด้วยก็จะช่วยให้สาว 40+ ทุกคนสวยสดใสสุขภาพเลิศอย่างแน่นอนค่ะ
ธิษณา จรรยาชัยเลิศ
นักกำหนดอาหารวิชาชีพ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)