Haijai.com


ข้อคิดในการฝึกสอนลูกให้กินเป็น


 
เปิดอ่าน 3415

เทคนิคสอนลูกให้กินเป็น

 

 

นิสัยการกินที่ดีต้องเริ่มมาตั้งแต่เด็ก มีข้อมูลจากการศึกษาหลายหลากที่ชี้ให้เห็นว่า นิสัยการกินของผู้ใหญ่มาจากนิสัยการกินในวัยเด็ก นิสัยการกินในวัยเด็กที่ไม่ดีมีผลให้เกิดการพุ่งสูงขึ้นของโรคเบาหวานอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษหลังๆ มานี้ ที่สหรัสฯ มีเด็กอ้วนมาก มีผลให้มีผู้ใหญ่อ้วนด้วย โดยพบว่า 17% ของเด็กวัย 2-17 ปีมีลักษณะของโรคอ้วน ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่าของสถิติเมื่อ 20 ปีก่อน เด็กอ้วนก็เหมือนผู้ใหญ่อ้วนที่มีโรคต่างๆ ตามมาเป็นชุด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไขมันลงตับ หอบหืด และปัญหาในการนอนหลับ

 

 

ผู้หใหญ่ควรสอนเด็กให้รู้เรื่องโภชนาการ ให้รู้จักเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ คือ ผัก ผลไม้ โปรตีนที่มีไขมันต่ำ (เช่น เนื้อปลา) ข้าวไม่ขัดขาว หลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลเสียต่อสุขภาพคือ น้ำตาล เกลือ เนื้อแดง ไขมันอิ่มตัว (เช่น น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว) อาหารผ่านการปรุงแต่ง (เช่น ไส้กรอก) มีการศึกษาพบว่า การรู้จักเลือกกินอาหารแบบนี้ จะทำให้เด็กมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นน้อยเมื่อตอนเป็นหนุ่มสาว การศึกษาที่มหาวิทยาลัยมินิโซตาในเด็ก 2,500 คน ช่วงอายุ 15-25 ปี พบว่าถ้าตอนอายุ 15 ปี มีนิสัยการกินที่ดี นิสัยนี้จะติดไปจนถึงวัย 20 กว่าปีหรือมากกว่านั้น

 

 

ข้อคิดในการฝึกสอนลูกให้กินเป็นมีดังนี้

 

• ในตู้เย็นควรสต๊อกด้วยอาหารที่ดี เช่น ผัก ผลไม้

 

 

• กำจัดอาหารว่างประเภทหวาน เค็มจัด และอาหารที่มีการปรุงแต่ง

 

 

• สำหรับอาหารโปรตีนควรเป็นเนื้อปลา สัตว์ปีก ถั่วต่างๆ

 

 

• ไม่ควรมีน้ำหวานหรือของหวานติดตู้เย็น

 

 

• ควรหาเครื่องทำครัวที่เอื้อต่อสุขภาพ เช่น เครื่องต้ม นึ่ง หรือเครื่องอบโดยไม่ต้องใส่น้ำมันในการปรุง

 

 

เป้าหมายของการสอนคือค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปห้ามแบบเด็ดขาด เพราะการห้ามจะทำให้วัยรุ่นต่อต้าน ต้องมีการดัดแปลงยุทธศาสตร์ เช่น ทำกับข้างเองบ้างให้มีรสชาติ รู้จักหาเมนูอาหารแปลกๆ ที่อร่อยถูกใจเด็กมาทำกิน บางครั้งบางคราว

 

 

เด็กชอบกินของหวานก็ต้องอะลุ่มอล่วยให้ เช่น ให้กินกล้วยแขกหรือไอติมที่เด็กชอบได้นานๆ ที และควรกินอาหารพร้อมกันทั้งครอบครัว เพื่อว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจะได้เป็นตัวอย่างในการกิน ถ้าหากมีการสร้างนิสัยการออกกำลังกาย เล่นกีฬา พร้อมกันไปด้วยทั้งครอบครัวก็ยิ่งจะมีผลดีมากขึ้น

(Some images used under license from Shutterstock.com.)