
© 2017 Copyright - Haijai.com
เครื่องช่วยฟัง
สวัสดีค่ะ ผู้อ่านทุกท่าน จะขอพาทุกท่านไปรู้จักกับอุปกรณ์ชิ้นจิ๋วที่มักจะถูกแอบซ่อนอยู่ตามหูของผู้สูงอายุอย่างคุณตาคุณยาย ซึ่งอุปกรณ์ที่ว่านี้ก็คือ “เครื่องช่วยฟัง” นั่นเองค่ะ
เครื่องช่วยฟัง หรือ Hearing Aid มีประวัติความเป็นมายาวนานไม่แพ้อุปกรณ์ใดๆ ที่เราเคยนำเสนอมาก่อนหน้านี้ โดยในยุคแรกๆ หรือราว คริสต์ศักราช 1700 เครื่องช่วยฟังอาศัยหลักการทำงานเหมือนลำโพง คือ มีปลายด้านหนึ่งเปิดเป็นช่องใหญ่ ส่วนอีกด้านเป็นช่องเปิดเล็กๆ สำหรับแหย่เข้าไปในรูหู เครื่องช่วยฟังในยุคนั้นมักมีขนาดใหญ่โต ดังนั้น วัสดุที่นำมาใช้จึงต้องเลือกสรรพให้เห็นถึงความร่ำรวยของผู้ใช้งานได้อย่างเต็มที่ อาทิ ทองเหลือง ทองแดง เงิน ทองคำ งาช้าง แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะใช้วัสดุชนิดใด หรือราคาแพงแค่ไหน แต่เครื่องช่วยฟังลักษณะนี้ ก็ยังไม่สามารถขยายเสียงได้มากนัก
จุดเปลี่ยนของเครื่องช่วยฟังนั้น เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการมาถึงของโทรศัพท์และไมโครโฟน หรือราวๆ 100 ปีต่อมา ในยุคพัฒนานี้เครื่องช่วยฟังถูกปรับปรุงให้มีขนาดเล็กลง มีกำลังขยายของเสียงมากขึ้น จนถึงจุดที่สามารถนำไปใส่บริเวณหลังใบหู หรือแม้กระทั่งใส่เข้าไปในรูหูของผู้ใช้ได้เลยทีเดียว ว่าแต่อุปกรณ์จิ๋วชิ้นนี้มีความจำเป็นและคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด ตามไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ
จำเป็นแค่ไหน
เมื่ออายุมากขึ้น ประสาทหูและอวัยวะต่างๆ ในรูหูที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณคลื่นเสียงจะค่อยๆ เสื่อมลงตามกาลเวลา ผู้สูงอายุจะค่อยๆ สูญเสียการได้ยิน โดยเริ่มจากเสียงสูงๆ ก่อน สังเกตได้ว่าผู้สูงอายุมักไม่ค่อยได้ยินเสียงแหลมๆ สูงๆ แต่จะได้ยินเสียงต่ำมากกว่า นอกจากนี้การจะได้ยินเสียงแต่ละครั้งก็ต้องใช้ความดังมากขึ้น จนบางครั้งดูเหมือนตะโกนคุยกันทั้งๆ ที่นั่งอยู่ข้างกันนี่เอง
เครื่องช่วยฟังในท้องตลาดส่วนใหญ่ จึงเข้ามามีบทบาทตรงนี้ คือ ทำหน้าที่เป็นตัวจับสัญญาณคลื่นเสียงและขยายเสียงเหมือนเป็นลำโพงจ่อเข้าไปในรูหู ทำให้เสียงที่เข้ามากระทบแม้เพียงเบาๆ นั้น ดังมากขึ้น จนถึงระดับที่ได้ยินได้ ไม่ว่าจะด้วยการนำเสียงผ่านอากาศ หรือสารพัดวิธีแล้วแต่ชนิดของเครื่องช่วยฟังที่เลือกใช้
อย่างไรก็ตามเรามักจะพบว่ามีผู้สูงอายุหรือผู้ที่ประสาทหูเสื่อมไปนานๆ แล้วส่วนหนึ่งที่สมอง “ลืม” วิธีการแปลผลคำพูดเปรียบง่ายๆ ก็เหมือนเราเคยจำได้ว่าคำนี้แปลว่าอย่างนี้ แต่พอไม่ได้ยินคำนี้นานๆ ก็ค่อยๆ ลืมไปว่า มันแปลว่าอย่างไรกันแน่ สมองของคนที่ประสาทหูเสื่อมไปนานๆ ก็เช่นกัน ดังนั้น เครื่องช่วยฟังจะไม่สามารถให้ประโยชน์สูงสุดได้ ถ้าไม่ได้รับการบำบัดด้านการได้ยินควบคู่กันไปด้วย
ใช้งานอย่างไร
โรคที่ก่อให้เกิดการสูญเสียการได้ยินนั้นมีมากมาย เครื่องช่วยฟังจึงถูกผลิตขึ้นในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาของคนไข้แต่ละรายได้อย่างตรงจุด การเลือกเครื่องช่วยฟังจึงต้องอยู่ในคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหู คอ จมูก ซึ่งเป็นผู้ประเมินการได้ยินของคนไข้ และเลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสม
ดังนั้น ในแง่ของการเลือกสรรเครื่องมาใช้งาน จึงอาจจะยุ่งยากสักหน่อย แต่ในแง่ของการใช้งานจริงส่วนใหญ่จะใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เหน็บหรือทัดเอาไว้กับใบหู เครื่องก็จะช่วยขยายสัญญาณเสียงให้เองโดยแทบไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร สำหรับบางรุ่นที่เป็นดิจิตอลมากๆ และสามารถเลือกปรับโหมดให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ เช่น รอบข้างมีเสียงดัง เครื่องอาจจะปรับโหมดเพื่อลดเสียงรบกวน ลดการขยายเสียงลง เพื่อให้เกิดความสบายหู เครื่องรุ่นใหม่เหล่านี้อาจใช้งานยากสักนิด แต่ถ้าเป็นเครื่องธรรมดาๆ ถือว่าใช้งานง่ายมาก คุณปู่คุณย่า อาม่าอาอื้มใช้กันเป็นแน่นอน
อีกปัญหาหนึ่งที่พบในผู้ที่ต้องใช้เครื่องช่วยฟังก็คือ ถึงแม้ว่าเครื่องรุ่นใหม่ๆ จะถูกออกแบบมาให้นุ่ม ใส่ง่าย ไม่เจ็บหู แต่บรรดาผู้สูงอายุทั้งหลายที่ใช้เครื่องช่วยฟัง มักจะรำคาญไปเสียก่อนที่เครื่องจะทันได้แสดงศักยภาพออกมาให้เห็น และเนื่องจากโรคที่ทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินนั้นมีหลากหลายมาก เครื่องช่วยฟังจึงมีหลากรูปแบบราคาตามไปด้วย คงยากที่จะสรุปได้ว่าราคาคุ้มค่าหรือไม่
ทนทานหรือไม่
เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ต้องใช้เป็นประจำทุกวัน เครื่องช่วยฟังจึงต้องการบำรุงรักษาเป็นระยะทั้งการดูแลทำความสะอาดให้ปราศจากขี้หู ซึ่งเป็นอุปสรรค์ต่อการส่งสัญญาณคลื่นเสียง การดูแลเรื่องแบตเตอรี่ ส่วนใหญ่พบว่าเครื่องช่วยฟังจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ราวๆ 5 ปี โดยเฉลี่ย
สำหรับใครที่มีผู้ใหญ่ในบ้านกำลังประสบกับปัญหาการได้ยิน เครื่องช่วยฟังน่าจะเป็นทางออกที่ดี แต่ถึงกระนั้นก่อนตัดสินใจไปซื้อหาเครื่องช่วยฟังมาใช้ ควรปรึกษาแพทย์ หู คอ จมูก เพื่อเข้ารับการประเมิน และได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง
พญ.ปณิชา ตั้งตรงจิต
แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป
(Some images used under license from Shutterstock.com.)