© 2017 Copyright - Haijai.com
วิตามิน A วิตามินสำคัญของมนุษย์ยุคติดจอ
โทรศัพท์สมาร์ทโฟน (Smart phone) คือ เทคโนโลยีที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ และคาดการณ์ว่าจะเติบโตมาขึ้นเรื่อย ด้วยเพราะคุณสมบัติที่เป็นได้มากกว่าการสื่อสารทางเสียง ซึ่งแตกต่างจากโทรศัพท์รุ่นก่อนๆ ที่แม้จะสามารถส่งข้อความหรือที่เรียกติดปากกันว่า sms ได้ในทันที แต่ยังไม่สามารถให้ความบันเทิงได้มากเท่าโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการเสพข่าว ฟังเพลง หาข้อมูล ตลาดออนไลน์ หรือกล้องพกพาอันแสนสะดวก บวกกับยุคสมัยที่ใครใคร่เห็นอะไร เป็นต้องแชร์เกิดเป็นการสื่อสารที่รวดเร็วเพียงพริบตา ก่อเกิดเป็นสังคมก้มหน้า ภัยร้ายคอยทำลายสุขภาพสายตาเข้าอย่างจัง
อย่างที่ทราบกันดีว่าโทรศัพท์สมาร์ทโฟนกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ยุคดิจิตอลไปแล้ว และก็เป็นที่ทราบกันดีอีกว่า ปัจจัยดังกล่าวกลายเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคโนโมโฟเบีย (Nomophobia) ซึ่งเป็นโรคที่มีอาการหวาดกลัวการขาดจากโทรศัพท์ โดยถือเป็นโรคจิตประเภทหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มวิตกกังวล คนที่ตกอยู่ในกลุ่มนี้จะมีอาการหงุดหงิด กระวนกระวาย พบได้ในมนุษย์เกือบทุกประเทศ
และนอกจากจะทำให้กลายเป็นคนติดโทรศัพท์ได้ไม่รู้ตัวแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพทางกล้ามเนื้อส่วนคอ เอ็นกล้ามนิ้ว โดยเฉพาะปัญหาทางด้านสายตา เนื่องจากพฤติกรรมติดหน้าจอทั้งกลางวันและกลางคืน เหล่านั้นเป็นการสะสมโรคจอประสาทตาเสื่อม Age-related macular degeneration (AMD) ไปแบบบไม่รู้ตัวเช่นกัน
Vitamin A กับสายตาเป็นของคู่กัน
โรคจอประสาทตาเสื่อม หรือ AMD คือ โรคที่พบได้มากในกลุ่มผู้สูงวัย อายุตั้งแต่ 65 ปี และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มีปัญหาทางสายตาได้มากที่สุด โดยจะมีอาการมองเห็นบ้างหรือสิ่งที่มองได้อย่างไม่ชัดเจน หรือไม่สามารถระบุรายละเอียดของสิ่งเหล่านั้นได้ดีเท่าแต่ก่อน
ซึ่งปัจจุบันพบว่าโรคจอประสาทตาเสื่อมสามารถพบได้ในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยได้เป็นจำนวนมาก สืบเนื่องจากพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉลี่ย 7.2 ชั่วโมงต่อวัน
หากพูดถึงการบำรุงสายตาแล้ว วิตามินสำคัญ เช่น วิตามินเอ (Vitamin A) เป็นแหล่งอาหารชั้นยอดสำหรับดวงตาที่เหนื่อยล้า จากการใช้งานมากที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นสารอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและระบบสืบพันธุ์แล้ว ยังสามารถช่วยพื้นฟูพื้นผิวของดวงตา และเยื่อเมือกกรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของวิตามินเอ โดยได้มีการทดสอบแล้วว่าแหล่งวิตามินเอที่พบได้ทั้งจากเนื้อสัตว์และผัก ผลไม้ จะให้คุณค่าทางวิตามินที่ค่อนข้างแตกต่างกัน
• Retinol คือ สารอาหารที่อยู่ในประเภทของวิตามินอยู่แล้ว พบได้จากเนื้อสัตว์ นม น้ำมันตับปลา เป็นวิตามินที่ออกฤทธิ์ได้ทันที
• Carotenoids คือ สารอาหารที่กำลังจะเป็นวิตามินเอ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จึงได้รับการเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ พบได้จากพืชผักและผลไม้
สารอาหารที่มีผลต่อสุขภาพดวงตามากที่สุดคือ แคโรทีนนอยด์ (Carotenoids) โดยเฉพาะแครอท มันเทศ ผักโขม ผักคะน้า และแคนตาลูป ซึ่งในทางการแพทย์ก็ได้นำวิตามินเอมาปรับใช้ในรูปแบบของยาหยอดตา เพื่อรักษาอาการตาแห้งและตาอักเสบ
ปรากฏว่านอกจากจะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้แล้ว ยังพบว่ามีบทบาทในการช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคต้อกระจกตาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ขาดวิตามินเอไป แล้วเราจะรู้สึก
สภาวะบกพร่องทางสารอาหารภายในร่างกายล้วนไม่ใช่สัญญาณที่ดี สาเหตุของการขาดวิตามินเอส่วนใหญ่มาจากการขาดอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่หนักข้าวแต่เบากับและผักผลไม้ รวมถึงผู้ที่ขาดวิตามินเอโดยไม่ตั้งใจจากโรคท้องร่วงเรื้อรัง โรคตับอ่อนอักเสบ และท่อน้ำดีอุดตันร่วมด้วย และเมื่อร่างกายไม่ได้รับการเติมวิตามินเอตามที่ควรจะเป็น จึงส่งผลให้เกิดการฟ้องอาการที่ไม่ปกติออกมาแทนเสียงให้เราได้ยิน ดังนี้
1.มองไม่เห็นในที่แสงน้อย หรือที่เรียกว่า อาการตาบอดสีในเวลากลางคืน แม้ว่าโดยธรรมชาติของคนเราจะสามารถปรับสายตาให้เข้ากับความมืดได้ แต่ในกรณีนี้จะทำให้สายตาไม่คมชัดเท่าเดิม เรียกว่า ตาฟางก็ไม่ผิด
2.เยื่อบุตาแห้ง หรืออาการตาแห้ง อานมีเมืองเหนียวในตาหรือรอบดวงตา มีอาการระคายเคือง กรณีที่เยื่อบุตาแห้งอย่างรุนแรง จะส่งผลให้ตาขาวแห้งและมีรอยย่น ซึ่งแม้ว่าจะสามารถมองเห็นได้ตามปกติ แต่จะสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติเช่นกัน
3.อาการตาวุ้น พบได้หลังระยะตาแห้งไปแล้ว โดยจะมีอาการลักษณะตาขุ่น เหลว เนื่องจากดวงตาได้รับการติดเชื้อหรือติดเชื้อได้ง่ายและไวกว่าอาการตาแห้ง ควรเข้ารับการรักษาในทันที
4.โรคผิวหนัง เนื่องจากวิตามินเอมีส่วนสำคัญในการรักษาสภาพเยื่อบุผิวหนัง การขาดวิตามินเอจึงทำให้ผิวพรรณขาดความชุ่มชื้น และหยาบกร้านได้ โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณข้อศอก ตาตุ่มและข้อต่อต่างๆ อาจนำไปสู่โรคทางผิวหนัง เช่น สิวและการติดเชื้อทางผิวหนังได้
5.ภูมิต้านทานต่ำ การขาดวิตามินเอ ทำให้เกิดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ง่าย และทำให้เกิดการอักเสบในโพรงจมูก ช่องปาก คอ และที่ต่อมน้ำลายได้ ทั้งยังส่งผลให้ติดเชื้อไวรัส ทำให้เป็นหวัดง่าย
ความรุนแรงของภาวะขาดวิตามินเออาจส่งผลให้ตาบอดได้ แต่หากทราบวิธีดูแลรักษาแล้ว ควรพยายามถนอมและหมั่นบำรุงสายตาด้วยวิตามินชนิดต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินเอ เพื่อลดความเสื่อมของสายตาที่มาก่อนอายุขัยอันควร อีกทั้งการลดพฤติกรรมติดหน้าจอ เช่น งดมองหน้าจอในที่มืด ลดความสว่างหน้าจอ ไม่จดจ่อกับหน้าจอนานเกิน 8 ชั่วโมง และอย่าอ้างว่าจำเป็นต้องเสพข่าวอยู่เสมอ เพราะทางเลือกเดิมอย่างทีวี หรือหนังสือพิมพ์ ก็ยังเป็นสิ่งที่เราสามารถเสพข้อมูลได้ หากใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายและไม่ทำร้ายเราในระยะยาว
(Some images used under license from Shutterstock.com.)