© 2017 Copyright - Haijai.com
กิงโกะ สารสกัดจากใบแปะก๊วย ลดเสี่ยงสมองเสื่อมก่อนวัย
“สมอง” ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกาย เพราะเป็นส่วนที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย ทั้งด้านสติปัญญา ความคิด ความจำ และการเรียนรู้ ซึ่งสมองมีการเจริญเติบโตและพัฒนาต่อเนื่องจนถึงอายุ 25 ปี และจะเริ่มเสื่อมลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนต้องเผชิญภาวะเครียด และกดดันจากการทำงาน ทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมอง ประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้อุปกรณ์ดิจิตอลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น มีงานวิจัยพบว่า การใช้อุปกรณ์ดิจิตอลอย่างต่อเนื่องมากกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน จะทำลายสมองมากขึ้น ในขณะที่อุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาช่วยคิด ช่วยจำ ทำให้การทำงานของสมองสองซีกไม่สมดุล เซลล์ประสาทขาดการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดปัญหาสมองเสื่อมก่อนวัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีการวิจัยพบว่าการใช้อุปกรณ์ไอทีเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ความจำเสื่อมก่อนวัยถึงร้อยละ 15
คงเป็นเรื่องยากที่เราจะหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ข้างต้น จากการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น วิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงของสมองเสื่อมก่อนวัยอันควรนั้น นอกจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว การเลือกรับประทานสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงสมองถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะสารอาหารบางอย่างถือเป็นกลไกสำคัญของการทำงานของสมอง
เติมสารอาหารบำรุงสมองด้วย “กิงโกะ”
ต้น “กิงโกะ” (Ginkgo) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “แปะก๊วย” ถือเป็นพืชสมุนไพรที่มีมานานแล้ว กำเนิดอยู่ในช่วงยุคพาลีโอโซอิค หรือมีอายุมากกว่าสองร้อยล้านปี ต้นแปะก๊วยป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม จึงเป็นพืชที่มีอายุยืน และเชื่อกันว่าต้นแปะก๊วยนี้ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ซึ่งคนส่วนมากมักจะทราบกันดีว่า เมล็ดแปะก๊วยนั้นมีประโยชน์ และนำมาใช้เพื่อการรักษาสุขภาพ และเป็นยาอายุวัฒนะมากว่าพันปีในประเทศจีน
แต่กลับมีน้อยคนนักที่จะสนใจถึงประโยชน์ของใบแปะก๊วย จนกระทั่งเมื่อมีการทำการศึกษาถึงองค์ประกอบต่างๆ ทางเคมีของต้นกิงโกะ กลับพบว่าใบกิงโกะหรือใบแปะก๊วยนั้น มีประโยชน์และมีการนำมาศึกษาในด้านนี้มากกว่าการทำในเมล็ด ราก เปลือกหรือผลของมันเสียอีก
ใบแปะก๊วยมีสาระสำคัญ 2 กลุ่ม คือ สารกลุ่มฟลาโวน ไกลโคไซด์ (Flavone Glycoside) และสารกลุ่มเทอร์ปีน แลคโตน (Terpene Lactone) ซึ่งสารทั้งสองกลุ่มนี้ล้วนมีประโยชน์ต่อสมองอย่างยิ่ง
• สารกลุ่มฟลาโวน ไกลโคไซด์ (Flavone Glycoside) มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของสมองเสื่อมได้
• สารกลุ่มเทอร์ปีน แลคโตน (Terpene Lactone) ประกอบด้วยกิงโกไลด์ (Ginkgolide) และบิโลบสไลด์ (Bilobalide) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด และการนำพาออกซิเจนและอาหารไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น และยังต่อต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของภาวะสมองเสื่อม
จึงเห็นได้ว่าสารสกัดจากใบแปะก๊วยมีส่วนช่วยบรรเทาอาการและชะลอความเสื่อมของสมอง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า สารสกัดจากใบแปะก๊วยยังช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำระยะสั้น จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการจำ ความคิด และการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจาก กิงโกะ แล้ว วิตามินบี เป็นสารอาหารอีกตัวที่สำคัญ เพราะมีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังงานจากสารอาหารให้กับสมอง ยิ่งในขณะที่ร่างกายต้องเผชิญกับความเครียด สมองต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก และต้องใช้วิตามินบีมากขึ้นด้วย
ดังนั้น ขณะเครียด ร่างกายและสมอง จึงต้องการใช้วิตามินบีมากขึ้น มีการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่รับประทานวิตามินบีต่อเนื่อง มีอารมณ์ที่พัฒนาดีขึ้น ทำให้สมองปลอดโปร่ง อารมณ์ดีขึ้น มีสมาธิและการเรียนรู้ดีขึ้นด้วย
วิตามินบี มีหลายชนิดด้วยกัน แต่ที่มีการศึกษาพบว่าวิตามินบี 12 หรือ ไซยา โนโคบาลามิมน เป็นวิตามินบีที่มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และเซลล์ที่สร้างระบบประสาท ดังนั้น หากได้รับวิตามินบี 12 อย่างเพียงพอ จะช่วยบำรุงประสาท ทำให้ระบบประสาทแข็งแรงขึ้น ช่วยเพิ่มสมาธิ ความจำ และการทรงตัว และยังช่วยบรรเทาอาการหงุดหงิด และลดความเครียดได้ โดยปริมาณที่แนะนำสำหรับการรับประทานวิตามินบี 12 คือ 25-300 ไมโครกรัมต่อวัน
จะเห็นได้ว่าสารอาหารมีความสำคัญต่อการทำงานของสมองเป็นอย่างมาก ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มีสารอาหารที่สำคัญในการบำรุงสมอง ย่อมเป็นตัวช่วยสำคัญให้คุณสามารถดูแลสมองให้พร้อมรับความท้าทายที่ต้องเจอในแต่ละวัน เพราะสมองเป็นอวัยวะที่สำคัญ ดูแลอย่าให้เสื่อมก่อนวัยควร
(Some images used under license from Shutterstock.com.)