
© 2017 Copyright - Haijai.com
ความต้องการทางเพศ แค่ไหนจึงพอดี
Q : อยากทราบเรื่องของความกำหนัดหรือความต้องการทางเพศว่า ต้องมีแค่ไหนถึงเรียกว่าพอดี และถ้ามีความต้องการมากรหือน้อยไป จะส่งผลเสียต่อสุขภาพไหมคะ
A : เมื่อได้รับคำถามนี้ ทำให้หวนคิดถึงไปถึงคุณแม่คุณลูกคู่หนึ่ง คุณแม่พาลูกสาวอายุ 17 ปีมาหา เพื่อปรึกษาว่าลูกไม่มีความต้องการทางเพศ แบบนี้ปกติไหม
เมื่อถามลูกสาวที่เรียนหนังสืออยู่ระดับ ปวส. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง) ซึ่งเป็นคนหน้าตาดี ว่าหนูมีปัญหาอะไรไหม เด็กสาวบอกว่าไม่มีอะไร แต่แม่กังวล เลยตอบไปว่า ไม่มีอารมณ์ทางเพศขณะเรียนก็ดีแล้ว หากพร้อมจะมีครอบครัวแล้วยังไม่มีอารมณ์ทางเพศ ค่อยมาปรึกษาใหม่ เนื่องจากอยู่ในจังหวัดเดียวกัน
ไม่กี่ปีต่อมา ได้ข่าวว่าลูกสาวจบปริญญา แต่งงานไม่นานก็มีลูกหลายคน และยังไม่เห็นมาปรึกษาอีกเลย
ความต้องการทางเพศเกิดจากอะไร
1.ฮอร์โมนเพศ ความต้องการทางเพศจะเริ่มเกิดเมื่อ มีฮอร์โมนเพศปรากฏขึ้นในร่างกายของเด็กหญิง เด็กชาย ในเด็กหญิงมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็นคือ มีการเพิ่มความสูงอย่างรวดเร็ว (Growth Spurts) นมตั้งเต้า มีขนรักแร้ ขนหัวหน่าว มีกลิ่นตัว มีตกขาว
ส่วนในเด็กชาย มีการขยายขนาดอัณฑะ อวัยวะเพศชาย มีขนรักแร้ ขนหัวหน่าว หนวด เครา มีลูกกระเดือก เสียงห้าว และมีกลิ่นตัว
การเป็นหนุ่มสาวหรือการปรากฏของฮอร์โมนเพศนั้น อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 ปี แต่อาจเกิดเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับ พันธุกรรม ครอบครัว เชื้อชาติ เพศ (เด็กหญิงฮอร์โมนผลิตเร็วกว่าเด็กชาย) น้ำหนักตัวตั้งแต่แรกคลอด (เด็กที่ขาดอาหารหรือน้ำหนักตัวแรกคลอดน้อย เป็นหนุ่มสาวช้ากว่า)
นอกจากนี้ก็มีเรื่องอาหารการกิน (เด็กที่น้ำหนักตัวมาก ไขมันมาก เป็นหนุ่มสาวเร็วกว่า) โรคภัยไข้เจ็บ (เด็กที่เป็นโรคเรื้อรัง เป็นหนุ่มสาวช้ากว่า) ความเครียด (เด็กที่เครียด เช่น แข่งขันเป็นนักกีฬา เรียนหนัก งานหนัก เป็นหนุ่มสาวช้ากว่า)
2.สิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม ศาสนา วัฒนธรรม ในสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดเรื่องการแสดงออกทางเพศ หรือสอนว่าเรื่องเพศเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่เหมาะสม ความต้องการทางเพศอาจลดลง ในทางตรงกันข้าม สิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้มีการแสดงออกทางเพศ การแต่งตัวยั่วยวน หรือการมีเพศสัมพันธ์กับคนมากหน้าหลายตา อาจทำให้มีความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น
3.ความแข็งแรงของระบบประสาทสมอง ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบกล้ามเนื้อ ฯลฯ ความต้องการทางเพศสัมพันธ์กับความแข็งแรงของร่างกายในคนอ้วน คนที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขข้อ ฮอร์โมนผิดปกติ ภูมิแพ้ มีผลให้ความต้องการทางเพศลดลง
4.สารสื่อประสาทในสมอง พบว่าหากมีสารซีโรโทนิน (Serortonin) สูง จะมีความต้องการทางเพศลดลง แต่ถ้ามีสารโดพามี (Dopamine) และนอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) ในสมองสูง ความต้องการทางเพศจะเพิ่มขึ้น
5.ความแข็งแรงทางจิตใจ โรคจิต โรคประสาท เช่น ซึมเศร้า ย้ำคิดย้ำทำ วิตกกังวล เครียด เศร้าซึม ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง
6.อายุ โดยทั่วไปความต้องการทางเพศจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยหญิงเป็นมากกว่าชาย เช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา งานวิจัยพบว่า เมื่ออายุ 81 ปี ชายร้อยละ 41 ยังมีความต้องการทางเพศ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ ขณะที่หญิงมีความต้องการทางเพศเหลือเพียงร้อยละ 18 และลงเอยด้วยการช่วยตนเอง
7.คู่ครอง โดยทั่วไปคนมีคู่ครองจะมีความต้องการทางเพศ มากกว่าคนที่ไม่มีคู่ครอง ในหญิงที่ไม่มีคู่ครอง ความต้องการทางเพศมักลดลง ส่วนในครอบครัวที่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ลงรอยกัน ระหว่างสามีภรรยาไม่ว่าเรื่องใดๆ จะทำให้ความต้องการทางเพศทั้งหญิงและชายลดลง
8.ผลข้างเคียงจากยา ยารักษาโรคเรื้อรังหลายโรค ลดความต้องการทางเพศ เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยารักษาโรคภูมิแพ้ ยาลดกรด ยารักษาเชื้อรา ยารักษาโรคต่อมลูกหมาก ยารักษาโรคผมร่วง ฯลฯ
ความต้องการทางเพศควรมีแค่ไหน
คำว่าพอเหมาะนั้นไม่อาจบอกได้ว่าเท่าไร เพราะไม่มีค่าฮอร์โมนหรือสารเคมีวัดได้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของตนเองและคู่ครอง ความพอเหมาะของคนหนึ่งอาจน้อยไปหรือมากไปสำหรับคนอื่นๆ ก็ได้ แต่หากวัดจากการมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ ซึ่งทำให้มีลูกง่ายในวัยเจริญพันธุ์ ควรมีความต้องการทางเพศอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือมีเพศสัมพันธ์ 1 ครั้ง เว้นสองวัน
คนที่มีความต้องการมาก ต้องการทุกวัน วันละหลายครั้ง แต่สามารถควบคุมตนเอง แสดงออกอย่างเหมาะสม เช่น ช่วยตนเองในสถานที่ส่วนตัว ไม่เป็นปัญหาการงาน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น ก้อาจเป็นความต้องการทางเพศที่พอเหมาะ
แต่ในคนที่มีความต้องการทางเพศมากจนแสดงออกในทางผิด เช่น หมกมุ่นเรื่องเซ็กซ์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อหน้าที่การงาน กระทบความสัมพันธ์ระหว่างญาติมิตรเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน ไปจนถึงกระทำผิดกฎหมาย เช่น ข่มขืน กระทำชำเรา ทำอนาจาร หรือชอบโชว์ (Exhibitionist) ถือว่าผิดปกติ ควรได้รับการแก้ไขหรือพบแพทย์
สำหรับผู้ที่มีความต้องการทางเพศน้อย หากไม่แต่งงาน ไม่มีคู่ครอง หรือคู่ครองไม่มีปัญหา ก็ไม่ต้องแก้ไข เมื่อไม่ต้องใช้พลังงานทางเพศ เราสามารถนำพลังนั้นไปสร้างสรรค์งานอื่นๆ ได้อีกมากมาย แต่หากเป็นปัญหากับคู่ครอง ควรแก้ไขที่ปัจจัยเสี่ยง
หากแก้ไขไม่ได้ควรพบแพทย์เช่นกันค่ะ
พญ.ชัญวลี ศรีสุโข
สูติ-นรีแพทย์
โรงพยาบาลประจำจังหวัดพิจิตร
(Some images used under license from Shutterstock.com.)