Haijai.com


เห็ดเข็มทอง กินดีบรรเทาโรค


 
เปิดอ่าน 7476

เห็ดเข็มทอง กินดีบรรเทาโรค

 

 

เห็ด เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการนำมาประกอบอาหาร และเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน ด้วยรสชาติและรสสัมผัสที่สร้างความอร่อย ที่น่าสนใจกว่านั้น ในเห็ดมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพซ่อนอยู่มากมาย แต่ส่วนมากจะรู้เฉพาะเห็ดที่พบกันบ่อยๆ เช่น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดออรินจิ เห็ดหอม ฯลฯ แต่เห็ดที่มีก้านสีขาวเล็กๆ อย่าง “เห็ดเข็มทอง” น้อยคนนักที่ทราบว่า มีประโยชน์นานัปการซ่อนอยู่ แค่เพียงรับประทานวันละ 100 กรัม คุณก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้น

 

 

เห็ดเข็มทอง 1 ในความมหัศจรรย์ของผักสีขาว

 

1.เพิ่มพลังการขับถ่าย

 

แม้จะเลือกรับประทานอาหารที่ดีมากเพียงใด แต่ถ้าไม่มีไฟเบอร์ ร่างกายก็จะไม่สามารถขับถ่ายของเสียออกมาได้ จนเกิดการสะสมสารพิษมากขึ้น และปริมาณสารพิษที่มากขึ้น ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายทุกส่วน ทำให้ดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง แต่เมื่อรับประทานเห็ดเข็มทองร่างกายจะได้รับไฟเบอร์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น เพราะในเห็ดเข็มทองมีไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหารจำนวนมากถึง 2 เท่าของกะหล่ำปลี ในปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน ที่สำคัญคือ โครงสร้างของเส้นใยอาหารของเห็ดเข็มทองจะต่างจากเห็ดชนิดอื่น เรียกว่า ไคโทกลูแคน ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานหนักเพื่อย่อยสลายเส้นใยอาหารเหล่านี้ นอกจากนี้ยังดักจับไขมันส่วนเกิน ให้ออกมาพร้อมอุจจาระอีกด้วย

 

 

2.เลือดลมไหลหมุนเวียนดีขึ้น

 

สำหรับร่างกายแล้ว การที่เลือดลมไหลเวียนทั่วร่างกายได้ดีเท่ากับการมีสุขภาพที่ดี เพราะเป็นสิ่งสำคัญต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย หากเลือดลมไหลเวียนดี สารอาหารที่ร่างกายได้รับก็จะสามารถลำเลียงไปยังส่วนต่างๆ ได้ง่ายขึ้น หากเลือดไม่ดี การลำเลียงสารอาหารก็จะทำได้ไม่ดี ทำให้ร่างกายอ่อนแอ

 

 

ด้วย ไคโทกลูแคนในเห็ดเข็มทอง ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการจับตัวของเลือด ทำให้เลือดสะอาดขึ้น จากการวิจัยพบว่า การรับประทานเห็ดเข็มทองวันละ 100 กรัม ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์ ทำให้ค่าเฉลี่ยการไหลผ่านของเลือดลดลง ลดคอเลสเตอรอลโดยรวม และไขมันในเลือด ทำให้เลือดมีคุณภาพดีขึ้น และการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น

 

 

3.รักษาระดับความดันโลหิตให้ดีขึ้น

 

ใครที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง อาจเกิดจากพันธุกรรม การใช้ชีวิตด้วยความเครียด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ รับประทานอาหารรสจัด หรือพักผ่อนไม่เป็นเวลา ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงทั้งสิ้น หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ ก็จะส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจตามมา

 

 

ในเห็ดเข็มทองจะมีสรรพคุณทางยาในการต้านโรคความดันโลหิตสูง ทั้งไคโทกลูแคนในเห็ดเข็มทอง ที่ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น และโพแทสเซียมในเห็ดเข็มทอง ที่ช่วยกำจัดเกลือและน้ำส่วนเกินในร่างกาย โดยโพแทสเซียมในเห็ดเข็มทองจะทนความร้อนได้ดี ทำหน้าที่ลดความเข้มข้นของเกลือได้ดี แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตร่วมด้วย

 

 

4.ลดระดับน้ำตาลในเลือดของโรคเบาหวานชนิดที่ 2

 

จากงานวิจัยเรื่องเห็ดเข็มทองของ ดร.เอะงุชิ ฟุมิโอะ ที่ทำการทดลองในหนู ซึ่งมีอาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ด้วยการนำเห็ดหลายชนิดมาต้มเอาเฉพาะน้ำให้หนูรับประทาน พบว่า ช่วยลดการหลั่งกลูโคสของตับ และเพิ่มฮอร์โมนที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มอินซูลินในตับอ่อน ขณะที่การทดลองในคน โดยรับประทานเห็ดเข็มทองวันละ 150 กรัม เป็นเวลา 1 เดือน ปรากฏว่า ค่าอินซูลินในเลือดลดลง และช่วยให้ระดับน้ำตาลขณะท้องว่างของผู้ป่วยเบาหวานลดลง

 

 

5.เพิ่มประสิทธิภาพให้ภูมิต้านทาน

 

ระบบภูมิคุ้มกันเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องมี เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการต่อสู้กับภูมิแพ้ หรืออาการของโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น จากงานวิจัยต่างๆ ยังบ่งชี้ว่า ส่วนประกอบในเห็ดเข็มทองจะช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ให้ทำงานตามปกติ และยับยั้งไม่ให้เซลล์หลั่งสารต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ออกมา และลดปฏิกิริยาต่อต้านภูมิคุ้มกันตัวเองลงด้วย

 

 

6.ทรีฮาโลสในเห็ดเข็มทอง ทำให้ผิวสวย

 

ในเห็ดเข็มทองจะมีส่วนประกอบที่เรียกว่า ทรีฮาโลส เป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ช่วยบำรุงผิว มีประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำได้ดี ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ต้นเหตุของปัญหาผิวต่างๆ ทั้ง ริ้วรอย สิว ฝ้า จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ และด้วยคุณสมบัติของเห็ดเข็มทองที่ให้เลือดไหลเวียนดี จึงทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่อง

 

 

แม้เห็ดเข็มทองจะมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อการบรรเทาโรคหรืออาการต่างๆ แต่ต้องตระหนักเสมอว่า สุขภาพที่แข็งแรงไม่ได้มาจากการรับประทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อส่งเสริมการทำงานของร่างกาย และเพิ่มเห็ดเข็มทองในทุกมื้อของอาหาร หรืออย่างน้อยวันละ 100 กรัม ในเมนูใดๆ ก็ตาม รับประทานอย่างต่อเนื่อง ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ร่างกายได้รับจากเห็ดเข็มทองอย่างชัดเจน

 

 

ดร.เอะงุชิ ฟุมิโอะ

ดอกเตอร์ด้านการเกษตร

มหาวิทยาลัยอุตสาหกรรมการเกษตรโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

(Some images used under license from Shutterstock.com.)