เมื่อลูกเล็กเป็นหวัดคัดจมูก

เมื่อลูกเป็นหวัดคัดจมูก

เด็กเล็กๆ จะเป็นหวัดบ่อยกว่าผู้ใหญ่มาก เพราะระบบภูมิคุ้มกันของลูกน้อยอยู่ในระหว่างกำลังพัฒนา เมื่อได้ทำความรู้จักกับเชื้อหวัดหลายๆ สายพันธุ์แล้ว ต่อไปก็จะมีภูมิคุ้มกัน และทำให้เป็นหวัดน้อยลง อีกอย่างเจ้าไวรัสที่ก่อให้เกิดเชื้อหวัดก็มีอยู่มากมาย ถึงเกือบ 200 ชนิดทีเดียว และสามารถติดต่อกันได้ง่าย ในปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาหรือป้องกันโรคหวัดได้ แต่ถ้าเด็กไม่มีอาการอื่นร่วม เช่น เป็นไข้ คอแดง น้ำมูกข้น ก็ไม่จำเป็นต้องให้ยาใดๆ อาจให้จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ ทำร่างกายให้อบอุ่น และการได้ออกกำลังกายบ้าง ก็จะทำให้หายจากหวัดได้ และพยายามให้ลูกอยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง ไม่อยู่ใกล้คนที่เป็นหวัดก็จะช่วยป้องกันได้ค่ะ

แต่ถ้าเป็นเด็กทารกที่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า หนูมีน้ำมูกหายใจไม่ออกเลย พ่อแม่หรือคนเลี้ยงก็ต้องคอยสังเกตุอาการและคอยช่วยเหลือ โดยการใช้ลูกยางดูดน้ำมูก หรือหยอดน้ำเกลือที่จมูก เพื่อลดความรำคาญ และทำให้ลูกน้อยหายใจได้คล่องขึ้น เพราะไม่เช่นนั้น อาจมีผลทำให้ลูกต้องหายใจทางปากไปด้วยเวลาดูดนม ซึ่งจะส่งผลให้ลูกดูดนมได้น้อย และมีน้ำหนักตัวลดลงได้ และถ้าลูกของคุณมีอาการน้ำมูกไหล และจามติดต่อกันเป็นเวลานานเกินสามสัปดาห์ ก็อาจเป็นหวัดเรื้อรังแล้วล่ะค่ะ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนี้อาการที่พบร่วมกับโรคภูมิแพ้ คืออาการคันจมูก คันตา ตาแดง มีน้ำตาไหลร่วมด้วย หรือบางครั้งน้ำมูกอาจมีกลิ่นเหม็นด้วย หากลูกมีอาการเหล่านี้ ควรปรึึกษาคุณหมอค่ะ และถ้าพบว่าลูกน้อยเป็นหวัดแต่หายใจเร็วกว่าปกติ มีอาการหอบร่วมด้วย หรือเวลาหายใจต้องออกแรงมาก และหายใจมีเสียงดังผิดปกติ อย่างนี้ ก็นิ่งนอนใจไม่ได้เหมือนกันค่ะ เพราะลูกน้ัอยของคุณ อาจกำลังเป็นโรคปอดบวมอยู่ก็เป็นได้

โรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้มีหลายระดับอาการ และสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ รวมทั้งอาจเกิดอาการแพ้บางสิ่งบางอย่างที่ไม่เคยแพ้มาก่อนก็ได้ บางคนเมื่อรู้ตัวว่าแพ้อะไร ก็พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น ก็จะไม่เกิดอาการแพ้ และในบางครั้งก็อาจหายไปในที่สุดได้เช่นกัน

เด็กบางคนต้องทนทุกข์กับภูมิคุ้มกันที่สูง และไวต่อบางสิ่งบางอย่าง ทั้งที่บางสิ่งบางอยา่งนั้นไม่ได้เป็นอันครายต่อร่างกายแต่อย่างใด เมื่อภูมิคุ้มกันสูงจนไปตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ได้มีอันตรายนั้น ก็ก่อให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นทางร่างกาย โดยร่างกายมีการหลังสารเคมีบางอย่างออกมา ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ที่ว่านี้ แต่ในบางกรณีอาการภูมิแพ้ ก็อาจไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นในทันทีทันใด อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ กว่าจะปรากฎอาการออกมาให้เห็น เช่น หายใจไม่สะดวก อึดอัด น้ำมูกไหล คัน หรือมีน้ำตาไหล ไอแห้ง เป็นผื่น หรือมีปัญหากับลำไส้ใหญ่ ในรายที่มีอาการหนักกว่านั้น ก็อาจจะพบว่าปากหรือลิ้นมีอาการบวม รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น

ถึงแม้โณคภูมิแพ้จะไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ก็สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ดังนั้น ในบางครอบครัว เราจะพบว่ามีสมาชิกที่ป่วยเป็นภูมิแพ้หลายคน และแพ้ในสิ่งเดียวกันหรือคล้ายๆ กัน ซึ่งสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ มีมากมายนับไม่ถ้วน คนบางคนอาจแพ้สิ่งที่คาดไม่ถึง แต่โดยทั่วไปแล้วก็มักจะเป็นไรฝุ่น เชื้อราบางชนิด เกสรดอกหญ้า ขนสัตว์ อาหารบางชนิด เช่น ไข่ อาหารทะเล อาหารหมักดองบางประเภท สารเคมีบางอย่าง หรือยาบางชนิด วิธีป้องกันก็คือ รักษาความสะอาดภายในบ้าน ให้มีอากาศบริสุทธิ์ ปลอดโปร่ง พยายามสังเกตว่าลูกน้อยแพ้สิ่งใด และก็ให้หลีกเลี่ยง สิ่งนั้นค่ะ