
© 2017 Copyright - Haijai.com
ฝากครรภ์ ตอน คดีเด็ดแม่ตั้งครรภ์กับคุณหมอ
ในสมัยก่อนความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้นั้นเป็นความสัมพันธ์ที่ดี โดยเฉพาะต่างจังหวัดหรือหัวเมืองที่ห่างไกลความเจริญ สมัยนี้บ้านเมืองเจริญขึ้น วัตถุเจริญขึ้น การศึกษามีมากขึ้น ทั้งจากหนังสือพิมพ์ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เนต มีอยู่ทั่วไปทั้งหัวเมืองที่เจริญแล้วและยังไม่เจริญ
ดังนั้น จะเห็นนักศึกษาสมัยนี้ สอบเข้าเรียนหมอคนน้อยลง ขณะที่หมอความมีมากขึ้น และมากขึ้น ในสมัยก่อนนั้น ใครที่จะเรียนหมอต้องขึ้นชื่อว่าระดับหัวกะทิเลยทีเดียว หมายความว่าต้องหัวดีและเรียนเก่ง อย่างไรก็ตามโรงเรียนแพทย์ก็ต้องคัดแต่เด็กหัวดีๆ ไปเรียนแพทย์ เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตคน โดยที่มองด้านคุณธรรม จริยธรรมน้อยกว่าที่ควร จึงทำให้เกิดเรื่องระหว่างหมอ และคนไข้อยู่เสมอ ต้องยอมรับว่าหมอและคนไข้มีเรื่องกันเสมอ และลงเอยกันด้วยการฟ้องร้อง จะยกตัวอย่างเพื่อนผมเอง
เพื่อนผมดูคนไข้ (จากนี้จะขอเรียกว่า แม่ตั้งครรภ์) อยู่ระยะหนึ่ง คุณแม่ตั้งครรภ์ท่านนี้ ครบกำหนดและกำลังจะคลอด เพื่อนผมซึ่งเป็นหมอให้หมอดมยา แทงหลังคุณแม่ตั้งครรภ์ท่านนี้ ปรากฏว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ท่านนี้เกิดภาวะ Embolism คือ น้ำคร่ำหลุดเข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งมีโอกาสเกิดได้ใน 1 ต่อ 2 หมื่นของหญิงตั้งครรภ์ ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ท่านนี้เสียชีวิต สร้างความไม่พอใจให้กับญาติ พี่น้อง รวมทั้งสามีของคุณแม่ตั้งครรภ์ท่านนี้ การฟ้องร้องจึงเกิดขึ้นระหว่างญาติของคุณแม่ตั้งครรภ์ท่านนี้และหมอ ซึ่งทุกวันนี้เรื่องถึงไหนแล้วก็ยากจะทราบได้
อีกรายหนึ่งมาพบแพทย์ตอนตั้งครรภ์อ่อนๆ และมีอาการปวดท้อง แพทย์เองไม่ได้ อธิบายให้แม่ตั้งครรภ์เข้าใจว่า อาการปวดท้องนี่ อาจจะเกิดขึ้นจากสาเหตุอันใด และขณะนี้ได้ตั้งครรภ์อ่อนๆ แพทย์ได้สั่งอัลตราซาวนด์ แต่ความเลินเล่อของเทคนิคเชี่ยน ได้ไปทำเอ็กซเรย์แทนอัลตราซาวนด์ สุดท้ายแม่ตั้งครรภ์ก็ไม่ยอม ด้วยเกรงว่าการเอ็กซเรย์อาจจะมีผลต่อเด็กในครรภ์ จึงโวยวายว่าแพทย์ให้ทำเอ็กซเรย์ ทั้งๆ ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ความรู้ทางการแพทย์สู้สมัยนี้ไม่ได้ เพราะสมัยนี้ความรู้มีมากขึ้น ทั้งในเรื่องของผลเอ็กซเรย์ด้วย จึงปรากฏว่าแม่ตั้งครรภ์ก็ต้องเอาเด็กออก เพราะเกรงว่าการเอ็กซเรย์จะมีผลต่อการตั้งครรภ์ และเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนหนึ่ง หมอจึงต้องทั้งจ่ายเงินและทำแท้งให้แม่ตั้งครรภ์ เพราะความเลินเล่อโดยแท้
อีกอย่างหนึ่งที่แม่ตั้งครรภ์ไม่พอใจหมออย่างมาก คืออาการที่เป็นอยู่นั้นไม่หายไปจากร่างกาย เช่น การแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งตามความจริงหมอได้อธิบายให้แม่ตั้งครรภ์ได้เข้าใจถึงอาการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ในคนที่กำลังตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในครรภ์ก่อนสามเดือนแรก คือ อาการแพ้ท้อง ซึ่งแพทย์ได้อธิบายให้แม่ตั้งครรภ์เข้าใจว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร จะเป็นเมื่อใดและจะหายเมื่อใด แม่ตั้งครรภ์ช่วงไหนที่มีอาการแพ้ท้องมากก็จะไม่สบายตัว แพทย์เองก็ย่อมเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ดี แต่ก็จนด้วยเกล้า เพราะในปัจจุบันนี้ ไม่มียาชนิดใดที่ทานแล้วจะสบายขึ้น หายคลื่น ไส้อาเจียน เป็นปลิดทิ้ง ว่าง่ายๆ คือ ไม่มียาแก้คลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากการตั้งครรภ์ และในปัจจุบันนี้ ทางการแพทย์ได้เก็บยาเหล่านี้ออกจากตลาดแล้ว ด้วยเกรงว่า นอกจากยาเหล่านี้จะไม่ให้ประโยชน์จริงๆ แล้ว บางครั้งบางคราว ทานมากไปอาจทำให้เกิดโทษได้ ทุกวันนี้จึงไม่มียาสำหรับแก้แพ้ท้องโดยตรง จะมีก็แต่ยาแก้คลื่นไส้อาเจียนเท่านั้น ซึ่งจะมีผลเสียต่อการตั้งครรภ์หรือไม่มี ก็ไม่มีใครรับรองได้ ทุกวันนี้จึงไม่มียาแก้ คลื่นไส้ อาเจียน ในท้องตลาดอีก จะมีก็แต่ยาแก้คลื่นไส้อาเจียนโดยตรง ที่ไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น แก้เมารถ เมาเรือ เป็นต้น หมอจึงต้องบอกกับแม่ตั้งครรภ์ ให้อดทนกับอาการคลื่นไส้อาเจียนสักพักหนึ่ง พอผ่านพ้นช่วง 3 เดือน ของการตั้งครรภ์แล้วอาการก็จะดีขึ้นเอง ขอให้เข้าใจ ถ้าแม่ตั้งครรภ์เชื่อหมอ อาการก็จะดีขึ้นจริงๆ ขณะที่อาการจะคงอยู่ ถ้าหากว่าต้องการหาย ทั้งๆ ที่เพิ่งทานยาไปแล้วก็ไม่ดีขึ้น ซึ่งแม่ตั้งครรภ์ก็จะไม่ชอบ และพาลจะโกรธหมอ
ยังมีอีกหลายๆ อาการที่เกิดขึ้นเพราะเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ เมื่อเป็นเรื่องปกติของการตั้งครรภ์ แล้วจะให้หายได้อย่างไร
นพ.พนิตย์ จิระนันทประวัติ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)