Haijai.com


เรื่องควรรู้ก่อนเลือกวิธีการคลอด


 
เปิดอ่าน 2923

เรื่องควรรู้ก่อนเลือกวิธีการคลอด

 

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่คุณแม่ส่วนใหญ่จะกังวลในเรื่องของการคลอดทั้งกลัวเจ็บ กลัวมีเหตุฉุกเฉิน กังวลว่า ลูกคลอดออกมาจะปลอดภัยหรือไม่ ลูกน้อยจะสมบูรณ์แข็งแรงดีหรือไม่ เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 9 เดือนที่คุณเฝ้าทะนุถนอมดูแลร่างกาย หาข้อมูลอย่างดิบดีก็เพื่อรอวันนี้เท่านั้น วันที่คุณจะได้พบหน้าเจ้าตัวน้อยสักที

 

 

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เรื่องสำคัญอีกเรื่องที่คุณแม่ต้องตัดสินใจก็คือ การเลือกวิธีคลอด แม้ว่าจะพอทราบอยู่แล้วว่าวิธีคลอด มีอะไรบ้าง แต่ว่าที่คุณแม่หลายๆ ท่านอาจยังไม่รู้ว่าในกระบวนการคลอดด้วยวิธี ที่ต่างกันนั้นจะต้องพบเจออะไรบ้าง ดังนั้น เพื่อให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เลยนำเรื่องราวของวิธีการคลอดมาให้คุณแม่ได้ศึกษาเพื่อตัดสินใจเลือกว่า การคลอดแบบไหน จะเหมาะกับเราที่สุดค่ะ

 

 

วิธีคลอด ใครเลือก

 

แม้ว่าส่วนใหญ่ว่าที่คุณแม่จะสามารถเลือกวิธีคลอดได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ด้วยค่ะ คุณแม่บางรายตั้งใจดิบดีว่าจะคลอดธรรมชาติ แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่สามารถทำได้ ด้วยเหตุผลหลายประการเช่น ลูกไม่กลับหัว หรือลูกตัวใหญ่มาก ความตั้งใจที่จะคลอดธรรมชาติก็อาจต้องเปลี่ยนเป็ผ่าท้องคลอด หรือในกรณีที่คุณแม่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์เมื่ออายุมากแล้ว แพทย์ก็มักจะแนะนำให้ผ่าท้องคลอด ซึ่งจะปลอดภัยมากกว่า

 

 

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีวิธีการคลอดที่ต้องการอยู่ในใจ ก็ควรปรึกษาแพทย์ที่รับฝากครรภ์ ตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ เพื่อคุณหมอจะได้แนะนำว่า คุณสามารถเลือกวิธีคลอดที่ต้องการได้หรือไม่ และควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้พร้อมสำหรับการคลอด

 

 

คลอดธรรมชาติ เจ็บมาก แต่หายเร็ว

 

การคลอดธรรมชาติ โดยไม่ใช้ยาใด ไม่ใช้การบล็อกหลัง ช่วยบรรเทาการปวดระหว่างคลอด เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด หากคุณแม่ต้องการจะให้ร่างกายตัวเองอยู่ในการควบคุม และออกจากช่วงพักฟื้นได้เร็ว แต่ทั้งนี้ก็เท่ากับว่าคุณต้องพร้อมที่จะเผชิญกับความเจ็บปวดในการคลอด รวมทั้งต้องมีการเตรียมตัวคลอดมาอย่างดีด้วย ข้อดีของการคลอดธรรมชาติ มีดังนี้

 

 

การคลอดธรรมชาติ ที่ไม่ได้ใช้ยาใดๆ ช่วยทำให้คุณแม่และลูก ไม่ต้องได้รับผลข้างเคียงใดๆ ภายหลังการคลอด คุณแม่ส่วนใหญ่ที่เลือกวิธีนี้ รู้สึกเข้มแข็ง และมีอำนาจระหว่างการคลอด และรู้สึกภูมิใจหลังการให้กำเนิดเจ้าตัวน้อยสำหรับคุณแม่บางราย การได้ควบคุม การคลอดด้วยตัวเอง เฝ้าดูจังหวะการหายใจ ทำให้รู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดสั้นลงมีโอกาสที่จะต้องใช้วิธีการเร่งคลอดน้อยกว่า การคลอดธรรมชาติที่ใช้การบล็อกหลัง

 

 

อย่างไรก็ตาม การคลอดธรรมชาติ โดยไม่ใช้ยา ไม่ใชช้การบล็อกหลัง มีข้อเสียคือ คุณต้องทนกับความเจ็บปวดอย่างมาก ซึ่งหากคุณเตรียมตัวมาไม่ดี ไม่มีการฝึกหายใจ ก็อาจทำให้คุณต้องรอ ขอที่จะใช้ยาช่วยลดความเจ็บปวดในที่สุด ดังนั้นหากไม่มั่นใจจริงๆ แล้ว ลองมองหาทางเลือกอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจอีกครั้งก็ดีนะคะ

 

 

บล็อกหลัง ยังนิยม

 

การคลอดด้วยการฉีดยาบล็อกสันหลังนั้นค่อนข้างได้รับความนิยม เพราะไม่เพียงคุณแม่จะสามารถคลอดธรรมชาติได้เองแล้ว ก็ยังไม่ต้องทนกับความเจ็บปวดมากมายนักอีกด้วย โดยการคลอดวิธีนี้ คุณแม่จะต้องนอนตะแคง ขดตัวบริเวณขอบเตียง เพื่อให้คุณหมอฉีดยาชาเข้าไปบริเวณไขสันหลัง ซึ่งการบล็อกหลังมี 3 แบบคือ แบบ Epidural แบบ Spinal Block และแบบผสม

 

 

 การบล็อกหลังแบบ Epidural แพทย์จะทำการแทงเข็มที่มีหลอดนำยาขนาดเล็กเข้าไปในกระดูกสันหลังของคุณแม่ หลอดนำยาจะค้างอยู่ข้างใน และค่อยๆ ปล่อยยาชาออกมาอย่างต่อเนื่องไปที่ชิ้นผิวหนังของไขสันหลัง ทำให้ค่อยๆ หมดความรู้สึก ข้อดีของการบล็อกหลังแบบนี้คือคุณแม่ที่เลือกคลอดธรรมชาติ โดยไม่ใช้ยาชา แล้วทนความเจ็บปวดไม่ไหวสามารถขอให้แพทย์ใช้วิธีนี้ช่วงใดก็ได้ระหว่างการคลอด โดยหลังจากฉีดยาเข้าไขสันหลัง ประมาณ 5-10 นาที ร่างกายจากช่วงเอวลงไปจะค่อยๆ หมดความรู้สึก ทำให้คุณแม่ไม่รู้สึกเจ็บจากการรัดตัวของมดลูก ข้อเสียคือ ความสามารถในการควบคุมอุ้งเชิงกรานของคุณจะลดลง มีโอกาสให้ต้องใช้คีมช่วยคลอด และคุณแม่อาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน คัน และสั่นตามร่างกาย ซึ่งจะหายไปเองเมื่อหมดฤทธิ์ยา แต่ถ้ายาหมดฤทธิ์แล้วอาการเหล่านี้ยังไม่หายไป คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ในทันที

 

 

 การบล็อกหลังแบบ Spinal Block เป็นการฉีดยาเข้าไขสันหลังทันที โดยเจาะผ่านกระดูกไขสันหลังเข้าไป ทำให้ตัวยาออกฤทธิ์เร็วภายใน 1-2 นาที คุณแม่จะรู้สึกชาตั้งแต่ช่วงเอวลงไป ซึ่งวิธีนี้มักใช้ช่วงใกล้คลอดจริงๆ เพราะฤทธิ์ยาอยู่ได้เพียง 2-3 ชั่วโมง ข้อเสียวิธีนี้คือ ยาออกฤทธิ์ได้ไม่นาน และแพทย์จะไม่ฉีดยาให้ซ้ำเป็นครั้งที่สอง ดังนั้น หากยาหมดฤทธิ์แต่ทารกยังไม่ยอมคลอด ก็จะทำให้คุณแม่กลับมาเจ็บปวดอีก รวมทั้งอาจทำให้คุณแม่ปวดศีรษะซึ่งเป็นผลจากการแทงเข็มไปในแนวไขสันหลังระดับลึกได้

 

 การบล็อกหลังแบบผสมระหว่าง Epidural และ Spinal Block โดยแพทย์จะแทงเข็มขนาดใหญ่ ซึ่งข้างในมีเข็มขนาดเล็กอยู่อีกอันหนึ่งเข้าไปที่กระดูกไขสันหลัง เข็มเล็กข้างในจะแทงลึกตรงเข้าไปที่แนวไขสันหลังคือ Spinal เพื่อให้ยาออกฤทธิ์แบบเฉียบพลันหากทารกยังไม่คลอดในช่วงที่ยาจากเข็มเล็กออกฤทธิ์ แพทย์ก็จะใช้ยาชาบล็อกหลังอีกครั้งในระดับ Epidural แทงเข็มใหญ่โดยไม่ต้องแทงเข็มซ้ำ ข้อดี คือ มั่นใจได้ว่าการบล็อกหลังจะป้องกันการเจ็บปวดจากการคลอดได้ แต่ก็มีข้อเสีย คืออาการข้างเคียง ทั้งปวดหัวคลื่นไส้ ตัวสั่น และอาการคัน

 

 

C-Sectionคลอดด้วยการผ่า เลือกได้ว่าวันไหน

 

คุณแม่ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะคุณแม่ชาวไทย (ที่เชื่อเรื่องฤกษ์งามยามดี มักนิยมการคลอดด้วยวิธี C-Section (cesarean section) หรือการคลอดโดยการผ่าท้อง เพื่อนำทารกออกมา เพราะวิธีการนี้ คุณแม่สามารถเลือกวัน และเวลาคลอดได้สำหรับคุณแม่ที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง แพทย์ก็มักแนะนำให้คลอดด้วยการผ่าคลอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนการผ่าท้องคลอด คุณแม่มักจะต้องได้รับการฉีดยาเข้าไขสันหลัง หรือที่เรียกว่าการบล็อกหลังด้วย หลังจากนั้น แพทย์จะทำการผ่าตามแนวขวางบริเวณที่เรียกว่า bikini cut และค่อยๆ ผ่าลึกผ่านเนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ลงไป เมื่อถึงบริเวณกล้ามเนื้อหน้าท้อง แพทย์จะค่อยๆ แหวกกล้ามเนื้อออกแทนการผ่า เมื่อไปถึงมดลูกจึงจะเลาะเยื่อบุช่องท้องที่คลุมมดลูกส่วนล่างออกตามแนวขวางเพื่อดันกระเพาะปัสสาวะให้ต่ำลงไปแล้วจึงกรีดมีดผ่านเนื้อมดลูกจนเข้าไปในโพรงมดลูก ก่อนจะแหวกแผลให้กว้างพอที่จะให้ทารกคลอดได้ แล้วแพทย์จึงนำมือเข้าไปช้อนหัวของทารก ขณะที่ให้ผู้ช่วยทำคลอดดันยอดมดลูกลงมา โดยแพทย์จะช้อนส่วนหัวของลูกออกมาก่อน ตามด้วยลำตัว และเท้าตามลำดับ เมื่อรกกออกมา คุณแม่จะมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่คุณหมอจะนำเจ้าตัวน้อยไปตรวจร่างกาย ชั่งน้ำหนัก และทำความสะอาด ขณะเดียวกันคุณหมอก็จะทำการคลอดรก และเริ่มเย็บแผลบริเวณหน้าท้องของคุณแม่

 

 

ข้อดีของการผ่าท้องคลอดนอกจากความปลอดภัยของคุณแม่กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง หรือไม่สามารถคลอดเองได้ด้วยเหตุผลต่างๆ ก็มีเพียงการเลือกฤกษ์งามยามดีในการคลอดได้เท่านั้น นอกเหนือไปจากนี้ การผ่าท้องคลอด ทำให้คุณแม่ต้องเสียเลือดมากกว่าการคลอดธรรมชาติถึง 2 เท่า และมีโอกาสติดเชื้อมากกว่า รวมทั้งมีโอกาสที่กระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ได้รับบาดเจ็บจากการผ่าคลอดได้ แม้ว่าขณะคลอดคุณแม่แทบจะไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากคลอดเสร็จแล้วคุณแม่จะรู้สึกเจ็บแผล และมีอาการอ่อนเพลียมาก บางรายอาจเจ็บแผลจนไม่สามารถอุ้มลูกได้หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วคุณแม่บางรายอาจมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง เพราะพังผืดที่เกิดขึ้นภายหลังการผ่าตัดคลอด เนื่องจากมีการขัดติดกันของมดลูกกับกระเพาะปัสสาวะ หรือลำไส้ บางครั้งพังผืดที่เกิดขึ้นทำให้มดลูก และปีกมดลูกยึดแน่นตึงส่งผลให้มีอาการปวดประจำเดือนหรือเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ได้

 

 

สำหรับคุณแม่ที่ตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การผ่าท้องคลอดอาจเป็นอุปสรรคประการหนึ่ง เพราะคุณแม่อาจอ่อนเพลียจากการเสียเลือดมาก หรือเจ็บแผลจนอุ้มให้นมลูกไม่ไหว ดังนั้น จึงควรวางแผนการคลอดและการให้นมลูกอย่างดี อาจปรึกษาแพทย์ที่ดูแลครรภ์แต่เนิ่นๆ หากเป็นไปได้ควรให้นมลูกทันทีหลังคลอด

 

 

คลอดในน้ำ ตามธรรมชาติ

 

คุณแม่ที่เลือกการคลอดในน้ำส่วนใหญ่ เชื่อว่าวิธีนี้ช่วยลดความเครียดของทารกจากการปรับตัวจากครรภ์มารดาออกมาสู่โลกใบใหญ่ได้ เพราะเมื่อทารกคลอดออกมาในน้ำ ซึ่งมีสภาพใกล้ เคียงกับการอยู่ในครรภ์มารดา ทำให้หนูน้อย มีโอกาสได้ปรับตัวมากกว่าการคลอดออกมาสู่สภาพแวดล้อมภายนอกในทันทีนอกจากนี้ การคลอดในน้ำยังช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ้อนคลาย เพราะนํ้าอุ่นๆ จะช่วยรองรับนํ้าหนักของคุณแม่รวมทั้งการแช่ในน้ำอุ่นจะทำให้คุณรู้สึกสงบหายใจได้ลึกยาวขึ้น ซึ่งช่วยให้การเจ็บปวดลดลงได้ โดยทารกที่คลอดในน้ำ จะไม่สำลักน้ำ เพราะตามธรรมชาติทารกจะไม่หายใจจนกว่าเส้นประสาทบนใบหน้า ปาก และจมูก จะถูกกระตุ้นโดยอากาศ และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น เมื่อทารกคลอดออกมาอยู่ในน้ำทันที และอยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญ จึงไม่เป็นอันตราย

 

สำหรับคุณแม่ที่ต้องการเลือกใช้วิธีนี้ในการคลอด ควรแน่ใจว่าตนเองไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง รวมทั้งมีความเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่

 

-ติดเชื้อง่าย หรือมีภาวะเลือดไหลไม่หยุด

 

-ไม่มีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์

 

-ไม่เป็นโรคเริม เพราะเชื้อโรคนี้ติดติอไปยังลูกผ่านทางน้ำได้

 

-การตั้งครรภ์ของคุณครบกำหนด และไม่เป็นการคลอดก่อน 37 สัปดาห์

 

 

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรรู้ด้วยว่าการคลอดในน้ำ มีความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้

 

• สมองได้รับบาดเจ็บเนื่องจากได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ

 

• ลูกอาจสำลักน้ำ ได้รับอันตรายได้

 

• การติดเชื้อจากน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค

 

 

ดังนั้น การคลอดในนํ้าจึงจำเป็นจะต้องทำภายใต้ การดูแลของผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะเท่านั้น

 

 

ทำความรู้จักกับเครื่องมือช่วยคลอด

 

เครื่องดูดสูญญากาศ หรือ Vacuum Extractor

 

มีลักษณะเป็นเครื่องปั้มอากาศ มีส่วนท่อยาวเชื่อมโยงไปยังส่วนหัวที่มีลักษณะคล้ายถ้วย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร ใช้ในกรณีที่คุณแม่ไม่มีแรงเบ่งมากเพียงพอ เมื่อนำส่วนถ้วยไปวางบริเวณศีรษะของทารก ถ้วยสูญญากาศจะดูดศีรษะทารกเพื่อให้แพทย์ดึงถ้วยดูดช่วยเป็นแรงเสริมการเบ่งในขณะมดลูกเริ่มมีการหดรัดตัว ซึ่งจะใช้ได้ในกรณีที่ทารกคลอดโดยนำส่วนหัวออกมาก่อนเท่านั้น โดยวิธีนี้อาจทำให้ลูกมีรอยช้ำที่ศีรษะบ้างแต่จะหายได้เองภายใน 2-3 วัน

 

 

คีมช่วยคลอด

 

มักใช้ในกรณีที่แม่มีแรงแบ่งไม่มากพอ หรือจำเป็นต้องเร่งคลอดเพราะความผิดปกติของทารกขณะคลอด เช่น หัวใจเต้นผิดปกติ ลูกไม่คว่ำหน้า หรือกรณีที่ทารกไม่กลับตัว และต้องคลอดในท่าก้น โดยคีมช่วยคลอดจะมีรูปร่างคล้ายช้อนขนาดใหญ่ 2 อันไขว้กัน เมื่อสอดเข้าไปด้านข้างของช่องคลอดจะแนบสนิทกับแก้มทั้งสองข้างของทารกพอดี โดยก่อนใช้แพทย์จะแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณอุ้งเชิงกราน และตัดฝีเย็บก่อนจะสอดคีมเข้าไปในช่องคลอดให้แนบกับศีรษะลูกทีละข้าง แล้วค่อยๆ ดึงศีรษะลูกออกมาการใช้คีมช่วยคลอดถือเป็นวิธีที่ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยทารกอาจทำให้มีรอยกดทับของคีมบริเวณแก้มและหางตาซึ่งจะหายไปเองไม่กี่วันหลังคลอด

(Some images used under license from Shutterstock.com.)





ลดไขมันหน้าท้อง นวดสลายไขมัน ผลไม้ลดความอ้วน ลดน้ำหนักเร่งด่วน อาหารคลีน กินคลีนลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน กินคีโต วิธีลดความอ้วนเร็วที่สุด อาหารลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน วิธีลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ลดความอ้วนเร่งด่วน ผลไม้ลดน้ำหนัก อาหารเสริมลดความอ้วน วิธีลดความอ้วน เมนูลดความอ้วน วิธีการสลายไขมัน ลดความอ้วน สลายไขมัน ลดน้ำหนัก สูตรลดน้ำหนัก Exilis Elite Thermage Body ออฟฟิศซินโดรม Inbody Vaginal Lift Morpheus Pro Oligio Body IV Drip Emsella เลเซอร์นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก Emsculpt สลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting romrawin รมย์รวินท์ ร้อยไหมหน้าเรียว ไหมหน้าเรียว ร้อยไหมเหนียง ไหมเหนียง ร้อยไหมยกหางตา ไหมยกหางตา Foxy Eyes ร้อยไหมปีกจมูก ไหมปีกจมูก ร้อยไหมกรอบหน้า ไหมกรอบหน้า ร้อยไหมร่องแก้ม ไหมร่องแก้ม ร้อยไหมก้างปลา ไหมก้างปลา ร้อยไหมคอลลาเจน ไหมคอลลาเจน ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม ฟิลเลอร์คอ ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์มือ ฟิลเลอร์หน้าใส หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม ฟิลเลอร์ร่องแก้มราคา ฟิลเลอร์ยกหน้า ฟิลเลอร์หลุมสิว หลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ยกมุมปาก ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฟิลเลอร์ปาก 1 CC ฟิลเลอร์จมูกราคา ฟิลเลอร์กรอบหน้า ฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฟิลเลอร์น้องสาวกี่ CC ฟิลเลอร์ราคา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime อัลเทอร่า Ulthera Thermage FLX BLUE Tip Thermage FLX Oligio เลเซอร์รักแร้ขาว เลเซอร์ขน กำจัดขน เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์เครา เลเซอร์รักแร้ เลเซอร์ขนรักแร้ กำจัดขนถาวร เลเซอร์ขนถาวร เลเซอร์ขน กำจัดขน เลเซอร์รอยสิว Pico Laser Pico Majesty Pico Majesty Laser Pico Pico NCTF 135 HA Rejuran Belotero Revive Glassy Skin Juvederm Volite Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Skinvive Sculptra Sculptra Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse UltraClear Aviclear Laser AviClear Laser Aviclear Aviclear AviClear Accure Laser Accure สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Fit Firm Emsculpt สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Elite NAD+ therapy NAD+ ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP ดริปวิตามิน Vaginal Lift Apex