Haijai.com


ปัญหาใต้ตาคล้ำ ทำให้หน้าตาดูโทรม วิธีแก้ไข


 
เปิดอ่าน 1875

ปัญหาใต้ตาคล้ำ ทำให้หน้าตาดูโทรม วิธีแก้ไข

 

 

Q : ดิฉันอายุ 29 ปี คุณแม่ดิฉันอายุ 53 ปี เรา 2 คนมีปัญหาใต้ตาเหมือนกัน ดิฉันมีปัญหาใต้ตาคล้ำ ดูโรย ทำให้หน้าตาดูโทรมและไม่สดใส ส่วนคุณแม่มีปัญหาของใต้ตาคล้ายกันแต่มีมากกว่า คงด้วยเพราะวัยที่มากขึ้นทำให้คุณแม่มีทั้งปัญหารอบตาคล้ำลึกและถุงใต้ตา คุณแม่เป็นกังวลมากเพราะยิ่งนานวันปัญหายิ่งเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้หน้าดูแก่เร็วขึ้นมากค่ะ อยากทราบว่าคุณหมอพอจะมีวิธีแก้ไขอย่างไรสำหรับเรา 2 คนไหมคะ และใช้วิธีการต่างกันหรือไม่

 

 

A : ปัญหาที่คุณกล่าวมานั้น เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และพบได้ทุกๆ วัน ปัญหาที่มีคนไข้เข้ามาพบหมอเพื่อให้แก้ไขวันละหลายรายนั่นคือปัญหารอบดวงตา ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดปัญหารอบตาประกอบด้วย สาเหตุ 2 อย่างด้วยกัน คือ 1.การเสื่อมของกระดูกโหนกแก้มใต้ตา ร่วมกับการทรุดตัวลงของเนื้อเยื่อเหนือกระดูกดังกล่าว (Midface Volume Loss) สาเหตุที่ 2. คือ การเสื่อมของเนื้อเยื่อและกระดูกรอบๆ เบ้าตา อย่างกรณีของคุณลูกที่อายุราว 20-30 ปีนั้น เป็นอาการเริ่มต้นของปัญหารอบดวงตา ซึ่งส่วนมากปัญหาใต้ตาของคนวัยนี้ จะมีปัญหาจากระยะเริ่มต้นของปัญหาในสาเหตุที่ 1 ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ บวกกับสาเหตุที่ 2 อีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ วิธีแก้ไขจึงมุ่งเน้นไปที่ปัญหาที่ 1 เป็นหลัก โดยการใช้ฟิลเลอร์ฉีดเข้าไปชดเชยเนื้อเยื่อและกระดูกที่ทรุดตัวลง ตรงบริเวณ Midface ดังกล่าว แต่เพื่อให้ได้ผลที่ดีคือ ควรใช้เทคนิคการฉีดฝังใต้เยื่อหุ้มกระดูกแบบใช้เข็มทู่ (Subperiosteal Injection with Blunt cannula)

 

 

ซึ่งข้อดีก็คือ สามารถทำให้ย้อนวัยให้ดูเด็กลงได้ผลที่ได้อยู่ได้นานหลายปี และเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต เพราะหากปล่อยไว้นานปัญหาของคุณลูกอาจจะกลายเป็นอาการคล้ายของคุณแม่ได้ ด้วยลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่มักจะเจริญรอยตามในแบบเดียวกัน แต่ในรายที่ต้องการแก้ปัญหาที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์นั้น ต้องทำร่วมกับการรักษาแบบการใช้ฟิลเลอร์ชนิดพิเศษ ซึ่งต่างจากฟิลเลอร์ในแบบแรก ซึ่งเป็นชนิดสำหรับเบ้าตาโดยเฉพาะ ฉีดบริเวณเนื้อเยื่อรอบตาและเช่นเดียวกัน คือ การฉีดฟิลเลอร์ฝังใต้เยื้อหุ้มกระดูกบริเวณรอบเบ้าตา เพื่อส่งผลที่ดีมากขึ้น และผลที่ได้รับจะดีกว่าวิธีอื่น วิธีนี้จะสามารถอยู่ได้นานหลายปี แต่สำหรับคุณแม่ ในวัย 50 ปีขึ้นแล้ว แทบทุกรายที่ต้องการการรักษาทั้ง 2 ขั้นตอนพร้อมกัน

 

 

อย่างที่ได้กล่าวมาในข้างต้น ควรใช้ วิธีการฉีดฟิลเลอร์ฝังใต้เยื่อหุ้มกระดูกด้วยเข็มทู่ และการทำในรายของคนวัย 50 กว่าปี อาจจะต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนกว่า ซึ่งหมายถึงขั้นตอนการทำที่ยากกว่าในคนที่อายุน้อยกว่า เพราะในช่วงอายุวัย 50 กว่าปีนั้น ปัญหาใต้ตาไม่เพียงแต่เกิดการทรุดตัวของเนื้อเยื่อกระดูก แถมโหนกแก้มและเบ้าตาเท่านั้น แต่ยังมีอาการหย่อนคล้อยของผิวหนัง และความบางลงของผิวที่มากยิ่งขึ้นร่วมด้วย อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน ถ้าตระหนักถึงปัญหาใต้ตาที่กำลังเป็นอยู่ ควรรีบเข้ามาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาโดยทันที เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดตามมาอีกมากมายครับ

 

 

นพ.รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์

แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

ผู้ก่อตั้งรัสมิ์ภูมิเฟเซียลดีไซน์คลินิก

(Some images used under license from Shutterstock.com.)