© 2017 Copyright - Haijai.com
ให้ เบาหวาน เป็นเรื่องเบาๆ ด้วยวิตามิน
วิตามินที่มีอยู่ในปัจจุบันค่อนข้างมีหลากหลายให้เราได้เลือกรับประทาน ซึ่งการรับประทานวิตามินจะสามารถเข้าไปเติมเต็มสารอาหารบางอย่าง ที่ร่างกายขาดหรือได้รับไม่เพียงพอ แต่ทั้งนี้ต้องรู้จักการเลือกรับประทานวิตามินให้เหมาะสมกับร่างกายด้วย ว่าควรใช้ในปริมาณเท่าไรในแต่ละวัน และถ้าหากมีโรคประจำตัว มีข้อจำกัดทางด้านสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน ที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลและความดันในเลือดด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ เราจะเลือกรับประทานวามินอย่างไรดี เพื่อพิชิตโรคเบาหวาน
วิตามินเปรียบได้เหมือนกับสารอาหารที่ได้จากร่างกาย อาหารโดยทั่วไป การรับประทานจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
1.กลุ่มให้พลังงาน หรือที่เรียกกันว่าแมคโครนิวเทรียนส์ (Mecronutrients) กลุ่มนี้ก็จะหมายถึงกลุ่มที่มีสารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ที่รับประทานกันอยู่เป็นประจำ
2.กลุ่มที่เป็นวิตามินเสริม จะเป็นสารอาหารอีกแบบหนึ่งที่ร่างกายต้องการ ไม่ใช้ต้องการเพื่อการใช้พลังงาน แต่ร่างกายต้องการเพื่อเข้าไปช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน นับตั้งแต่อวัยวะ เซลล์ต่างๆ ให้เป็นปกติดี โดยที่ร่างกายต้องการเพียงปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการในปริมาณมาก เราเรียกว่าวิตามินหรือสารอาหารนี้ว่า ไมโครนิวเทรียนท์ (Micronutrients)
ปกติแล้วโรคเบาหวานจะเป็นโรคไม่ติดต่อ แต่เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของคนเราที่อาจมีความเสี่ยงไปด้วย ในอดีตสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน แล้วสาเหตุส่วนใหญ่มาจากพันธุกรรม เช่น คุณพ่อคุณแม่เป็นเบาหวาน ทายาทก็มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมในส่วนนั้นมา
แต่ช่วง 20 ปีหลัง เรากลับพบว่าลักษณะของการเป็นโรคเบาหวานที่มากขึ้นเรื่อยๆ กลับกลายเป็นเบาหวานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องจากพันธุกรรม แต่เกิดจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง กล่าวคือ การรับประทานอาหารที่มีแป้ง หรือน้ำตาลมากจนเกินไป ซึ่งเรียกเบาหวานชนิดนี้ว่าเป็น เบาหวานชนิดที่ 2 ในภาวะเหล่านี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลเร่งให้เป็นโรคเบาหวานมากขึ้น เพราะว่าร่างกายมีภาวะความไม่สมดุลทางโภชนาการ ร่างกายไม่สามารถเอาแป้ง และน้ำตาลที่รับประทานเข้าไปเอาไปเผาผลาญเป็นพลังงานได้หมด ทำให้เหลือเป็นน้ำตาลตกค้างในร่างกาย ทำให้เป็นเบาหวานได้เร็วยิ่งขึ้น
หลากวิตามินพิชิตเบาหวาน
1.ไฟเบอร์ (Fiber)
สารอาหารจากธรรมชาติ เช่น พวกกากใยที่อยู่ในผัก ทั้งในส่วนของใบก้าน รวมถึงผลไม้ต่างๆ สารอาหารพวกนี้เวลาที่เรารับประทานเข้าไปพร้อมกับอาหาร ร่างกายจะย่อยส่วนนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะเรียกว่า กากอาหาร ถ้ารับประทานอาหารแล้วก็มีพวกกากใยอาหารสูงๆ กากอาหารก็จะเข้าไปขัดขวาง ทำให้การย่อยและดูดซึมของน้ำตาลที่รับประทานในมื้อนั้นช้าลง และทำให้น้ำตาลเข้าสู่ร่างกายแบบช้าๆ ระดับการเข้าสู่ร่างกายของน้ำตาลอยากให้นึกถึงคลื่นที่ทะเลสงบ คลื่นก็มาเรื่อยๆ ก็ไม่มีผลกระทบอะไร แต่ถ้าคลื่นมาเยอะๆ หนักเกินไป ก็เหมือนสึนามิสามารถที่จะทำร้ายร่างกายได้ การรับประทานน้ำตาลก็เช่นกัน
เพราะฉะนั้น ไฟเบอร์ จึงเป็นสารอาหารสำคัญที่เหมาะกับคนที่เป็นเบาหวาน ไฟเบอร์ เป็นอาหารที่เราพบเจอได้ตามธรรมชาติอยู่แล้ว เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด ที่ช่วยทั้งระบบทางเดินอาหาร ลดอาการท้องผูก มีการย่อยอาหารที่ดีขึ้น และที่สำคัญก็คือ ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดมีระดับที่สม่ำเสมอกว่า
2.โครเมียม (Chromium)
แร่ธาตุนี้มีส่วนช่วยให้ร่างกายนำน้ำตาลไปเผาผลาญได้สมบูรณ์กว่าและเร็วขึ้น และก็พบว่าในคนทั่วไป โดยเฉพาะคนที่รับประทานหวานหรือติดหวานพวกแป้งหรือน้ำตาล มักจะเลือกรับประทานอาหารที่เคี้ยวง่าย เช่น ข้าวสวย ก๋วยเตี๋ยวเส้นขาว ขนมจีน เพียงแต่โครเมียมมักจะอยู่ในรูปของธัญพืช เช่น ซีเรียลที่ต้องใช้เวลาในการเคี้ยว หรือใช้เวลาในการรับแบบช้าๆ ต้องเคี้ยวเยอะขึ้น คนที่รับประทานอาหารแบบเร็ว เร่งด่วน ไม่ชอบอาหารเคี้ยวยาก พวกนี้ก็ทำให้มีโอกาสที่จะขาดแร่ธาตุกลุ่มนี้ได้ง่าย
3.กลุ่มโอเมก้า 3
สารอาหารในกลุ่มนี้จะทำให้ระดับการทำงานของเซลล์เป็นปกติขึ้น โดยแพทย์แผนปัจจุบันพบว่า ในคนที่เป็นเบาหวานจะมีร่างกาย รวมทั้งเนื้อเยื่อต่างๆ มีระดับของการอักเสบสูง เนื่องจากว่าทำงานหนัก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของงตับอ่อน ไขมัน จึงทำให้มีภาวะที่เรียกว่า ดื้อต่ออินซูลิน เวลาที่ร่างกายได้รับการเสริมอาหารพวกกลุ่มที่เป็นโอเมก้า 3 เข้าไป เช่น ในน้ำมันปลา ก็พบว่าจะไปช่วยให้ร่างกายควบคุมการอักเสบในเนื้อเยื่อได้ดีขึ้น และก็ทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลินน้อยลง ทำให้สามารถจะเผาผลาญน้ำตาลได้ดีกว่า อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการลดระดับน้ำตาลในเลือดทางอ้อ คือ เมื่อช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเกี่ยวกับการควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น แล้วก็จะช่วยลดระดับการดื้อของอินซูลินที่ตัวเนื้อเยื่อได้เลย
ร่างกายต้องการวิตามินเหล่านี้เท่าไร
ปริมาณวิตามินที่เหมาะสม สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน ควรรับประทานในแต่ละมื้ออาหารนั้น โดยพื้นฐานแล้วสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน ทางแพทย์จะมีคำแนะนำพื้นฐานของการดูแลทั่วไป เพราะวิตามินเมื่อรับประทานไปแล้ว ก็ปรับปริมาณของวิตามินได้ เนื่องจากว่าวิตามินในหลายตัวมีระดับของการรักษาที่ค่อนข้างกว้าง แต่มีคำแนะนำในเรื่องของการรับประทานวิตามินดังนี้
วิตามินในกลุ่มไฟเบอร์ ส่วนใหญ่จะแนะนำให้รับประทาน อาจจะเป็น 1 ช้อนโต๊ะ เป็นผงชงผสมกับน้ำดื่ม หรือจะทานเป็นแบบแคปซูล ก็จะอยู่ที่ประมาณ 500-1,000 มิลลิกรัม ต่อมื้อต่อวัน
ในส่วนของโครเมียมโดยทั่วไปแล้ว จะรับประทานอยู่ที่ประมาณ 200-300 ไมโครกรัมต่อวัน ส่วนน้ำมันปลาก็จะรับประทานอยู่ที่ปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
วิตามินต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
นอกจากวิตามินที่เหมาะสม สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานควรรับประทานแล้ว ในส่วนของวิตามินต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานก็ย่อมมีเช่นกัน เพราะเหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ
วิตามินที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานก็คือ วิตามินรวม ทางแพทย์มีความกังวลในเรื่องของการรับประทานวิตามินรวมมากขึ้น เพราะกลุ่มวิตามินรวมเหล่านี้พบว่า มีวิตามินที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น และพบว่าในคนไทย เวลาที่รับประทานวิตามินรวม ก็จะไปกระตุ้นให้การอยากรับประทานอาหารเพิ่มสูงขึ้น ทำให้รู้สึกว่าอยากอาหารมากขึ้น โดยวิตามินกลุ่มรวมจะทำให้คนที่เป็นเบาหวานหรืออาจจะเป็นวิตามินอะไรก็ตาม ที่เมื่อรับประทานไปแล้วรู้สึกว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ก็อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการรับประทานวิตามิน ถ้าหยุดทานน่าจะดีกว่า การเลือกรับประทานวิตามินสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน ควรเลือกวิตามินแต่ละชนิด ตามคำแนะนำของแพทย์จะดีที่สุด มากกว่าการไปเลือกซื้อมารับประทานเอง
นอกจากนี้การรับประทานกับอาหารที่สัมพันธ์กับการออกกำลังกาย ก็มีผลกับระดับของวิตามินที่จะรับประทานด้วย ซึ่งต้องควบคู่กันไป เพราะว่ามีโรคเบาหวานบางกลุ่มที่ถึงแม้ว่า จะเน้นการรับประทานผักผลไม้เยอะแล้วก็ตามแต่ ก็ยังคุมเบาหวานได้ไม่ดีนัก กับอีกกลุ่มหนึ่งที่รับประทานแต่แป้งน้ำตาลเป็นหลัก กลุ่มนี้นอกจากจะต้องรับประทานวิตามินแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อปรับความเข้าใจในเรื่องของการรับประทานที่ถูกต้อง
สำหรับคนที่ยังไม่เป็นโรคเบาหวาน อยากให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจในเรื่องของประโยชน์ของวิตามิน ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวานหรือโรคใดๆ ในทางการแพทย์ ไม่มีวิตามินหรือยาตัวไหน ที่จะป้องกันโรคโดยที่ไม่ต้องปรับวิถีชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ของตัวคุณเอง การปฏิบัติตัวโดยการเลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ออกกำลังกาย ปรับวิถีชีวิตตัวเองให้สม่ำเสมอ ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าปรับตรงนี้ได้ พบว่าผลของการป้องกันตนเองจากโรคเบาหวานสูงถึง 70%
ที่สำคัญ ปริมาณวิตามินที่จำเป็นต้องรับประทานในแต่ละวันนั้น ควรอยู่ในคำแนะนำของแพทย์ เพราะวิตามินบางตัวถ้ารับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดความจำเป็นของร่างกายควรได้รับต่อวัน อีกทั้งยังเป็นการไปขัดขวางวิตามินบางตัวไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย ก็จะทำให้ร่างกายเราขาดสารอาหาร หรือวิตามินตัวนั้นโดยไม่จำเป็น
นายแพทย์สมบูรณ์ รุ่งพรชัย
แพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย เวชศาสตร์การกีฬาและการลดน้ำหนัก
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
(Some images used under license from Shutterstock.com.)