Haijai.com


ขิงแก้ปัญหาระบบย่อยอาหาร


 
เปิดอ่าน 8841

ขิงแก้ปัญหาระบบย่อยอาหาร

 

 

รู้ไหม... ในระบบย่อยอาหารของมนุษย์นั้น ชอบความอุ่นร้อน เพราะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

 

 

ความอุ่นของขิงช่วยกระตุ้นการเกิดพลังต่างๆ ที่สำคัญของร่างกาย จึงเหมาะอย่างยิ่งกับการใช้ชีวิตของคนสมัยนี้ ที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องทำงาน ที่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่ค่อยได้เดินเหินไปไหน ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายมากนัก ซึ่งทำให้ระบบย่อยอาหารหรือท้องไส้ ไม่ได้รับการเคลื่อนไหว เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป บางครั้งเพียงนิดๆ หน่อยๆ ก็จะเกิดอาการอาหารไม่ย่อยขึ้นได้

 

 

สรรพคุณอย่างเอกของขิงที่ทราบกันโดยทั่วไปคือ ประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร น้ำมันหอมระเหยในขิงมีคุณสมบัติแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ช่วยขับลมในระบบย่อยอาหาร ทั้งยังช่วยเจริญอาหาร

 

 

ในส่วนของน้ำขิงนั้น มีฤทธิ์ยับยั้งกรดในกระเพาะอาหาร เสริมสร้างความแข็งแรงและรักษาแผลในกระเพาะอาหารบริเวณลำไส้เล็กส่วนต้นได้ แถมยังช่วยกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหาร และลำไส้อย่างอ่อนๆ

 

 

ขิงยังมีสารคล้ายกับเอนไซม์ใช้ช่วยย่อยอาหาร โดยเฉพาะเวลาที่กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักจากอาหารมื้อใหญ่ หรือมื้อที่กินเนื้อสัตว์มากๆ การกินขิงร่วมกับมื้ออาหารนั้นๆ หรือการดื่มน้ำขิงอุ่นๆ หลังมื้ออาหาร จึงช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ดี

 

 

สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า ขิงมีผลยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร โดยจะลดขนาดของแผล ลดปริมาณและความเป็นกรดของน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังเพิ่มปริมาณเฮกโซซามีน (Hexosamine) และลดปริมาณโปรตีนในน้ำย่อย แสดงถึงการเพิ่มการหลั่งเยื่อเมือกจากเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งในการปกป้องกระเพาะอาหาร

 

 

ตำรับยาที่มีขิงเป็นส่วนประกอบใช้เป็นยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร และอาการกระเพาะอาหารอักเสบได้ แคปซูลที่มีสารสกัดขิงประกอบอยู่ร้อยละ 10-70 ใช้รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ยับยั้งการหลั่งกรด ลดความเป็นกรด ตลอดจนยับยั้งการทำงานของเอนไซม์เปปซิน และบรรเทาอาการปวดเกร็งในกระเพาะได้

 

 

การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยขิง จะเป็นวันที่เต็มไปด้วยพลังกระฉับกระเฉง ช่วยกระตุ้นให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อาจเริ่มมื้อเช้าด้วยเมนูที่ใส่ขิงซอยหรือน้ำขิงอุ่นๆ ก็ดีต่อสุขภาพท้องเช่นกัน

(Some images used under license from Shutterstock.com.)


บทความที่เกี่ยวข้อง