Haijai.com


อันตรายฟอกสีฟันด้วยเบคกิ้งโซดากับมะนาว


 
เปิดอ่าน 2561

ระวังฟอกสีฟันด้วย เบคกิ้งโซดากับมะนาว ตามเทรนด์ อาจทำให้ฟันบางจนเสียวฟัน

 

 

จากการแชร์อย่างแพร่หลายในโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ เกี่ยวกับคลิปฮาวทูฟอกสีฟันด้วยตัวเองง่ายๆ ด้วย เบคกิ้งโซดาผสมน้ำมะนาวของชาวต่างชาติ ทำให้กลายเป็นกระแสฮอตของคนอยากฟันขาวสวย ในราคาสบายกระเป๋า และนำไปทำตามกันเป็นจำนวนมาก แต่รู้ไหมว่า ความขาวของฟันที่เพิ่มขึ้นมาจากส่วนผสมและวิธีง่ายๆ อาจทำร้ายฟันของคุณโดยไม่รู้ตัว

 

 

การฟอกสีฟันด้วยวิธีข้างต้นเป็นความเข้าใจผิดๆ และคลาดเคลื่อนหลายประเด็น ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า ผงเบคกิ้งโซดาที่เป็นส่วนผสมของการฟอกสีฟันครั้งนี้ คือ เบคกิ้งโซดา (Baking Soda) ที่ใช้ทำให้ขนมขึ้นฟู มีส่วนประกอบหลักเป็นสารที่มีชื่อทางเคมีว่า โซเดียมคาร์บอเนต (NaHCO3) โดยปกติแล้วโซเดียมคาร์บอเนต มีคุณสมบัติที่ช่วยในการชะล้างหรือขจัดคราบได้ เช่น คราบตะกรันของหม้อหรือแม้แต่ขัดทำความสะอาดเหรียญบาท ส่วนมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อนำมาผสมกับเบคกิ้งโซดาจะเกิดเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ได้ช่วยในเรื่องของการฟอกสีฟัน ดังนั้น การใช้เบคกิ้งโซดาเพียงอย่างเดียวก็สามารถขจัดคราบต่างๆ ที่เกาะบนผิวฟันให้หลุดลอกออกได้ โดยที่ไม่ใช่การฟอกสีฟันให้ขาวจากภายในอย่างไร หากใช้มากๆ หรือบ่อยครั้งก็จะทำให้ชั้นเคลือบฟันบางลงเรื่อยๆ จนเกิดอาการเสียวฟันในที่สุด และยิ่งใช้ผสมกับน้ำมะนาว ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดก็อาจทำให้เกิดการกัดกร่อนผิวฟันรุนแรงขึ้น

 

 

ในขณะที่หลักการฟอกสีฟันจริงๆ โดยทั่วไปสารที่ทันตแพทย์ใช้หรือที่ขายกันทั่วไปในปัจจุบันจะมี 2 ชนิด คือ ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) และ คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ (Carbamide peroxide) ซึ่งจะเกิดการแตกตัวเป็นออกซิเจนแทรกซึมเข้าไปย่อยเม็ดสีในผิวฟัน เกิดการขาวจากภายใน โดยไม่ไปเปลี่ยนโครงสร้างของเนื้อฟัน หากใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม

 

 

การฟอกสีฟันที่ถูกต้อง

 

ปัจจุบันการฟอกสีฟันแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

 

1.การฟอกสีฟันในคลินิก (In Office Bleaching)

 

จะเป็นการฟอกสีฟัน โดยทันตแพทย์ สารที่ใช้ฟอกสีฟันจะเป็นน้ำยาที่มีความเข้มข้นสูง เช่น ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ความเข้มข้น 30% เป็นต้น ด้วยความเข้มข้นที่สูงและคุณสมบัติที่ไม่ค่อยเสถียร เมื่อเปิดทิ้งไว้ในอากาศหรือโดนความร้อน คุณสมบัติของการฟอกสีฟันก็จะลดลงเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีความหนืดต่ำ จึงทำให้เหมาะแก่การใช้ในคลินิก จึงมีความปลอดภัยมากกว่า

 

 

2.การฟอกสีฟันเองที่บ้าน (Home Bleaching)

 

มักเป็นสารประเภทคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ โดยสารชนิดนี้มีความเสถียรและความหนืดมากกว่า มักอยู่ในรูปแบบเจล เมื่อนำมาฟอกสีฟันจะทำปฏิกิริยาเปลี่ยนเป็นไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ความเข้มข้นต่ำ

 

 

การใช้ให้ปลอดภัยจริงๆ ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์ เนื่องจากก่อนฟอกสีฟันทั้งชนิดฟอกในคลินิก และชนิดฟอกเองที่บ้าน ควรได้รับการตรวจก่อนว่ามีฟันผุ ฟันสึกหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเสียวฟันอันไม่พึงประสงค์ในภายหลัง

 

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันชนิดฟอกที่บ้านได้ จากทั้งในอินเตอร์เนต หากต้องการซื้อมาใช้ อย่าลืมสังเกตว่า ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่มีปริมาณไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์มากกว่าร้อยละ 6 หรือมีคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ มากกว่าร้อยละ 18 จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ต้องใช้โดยทันตแพทย์เท่านั้น ไม่สามารถจำหน่ายโดยตรงได้ เนื่องจากผู้ใช้อาจได้รับอันตรายต่อเหงือก ฟัน ช่องปาก รวมถึงทางเดินอาหารในกรณีที่กลืนผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งผู้จำหน่ายจะมีความผิดตามกฎหมาย

 

 

ฟันขาวสวยดูแลได้ด้วยตัวเอง

 

การที่จะมีฟันขาวสวยมีปัจจัยประกอบหลายอย่าง เช่น ต้องไม่มีฟันผุ ฟันสะอาด ปราศจากคราบอาหาร หรือหินปูน หากสามารถหลีกเลี่ยงของหวานหรือน้ำอัดลมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคฟันผุได้จะดีมาก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ วิธีพื้นฐานที่สุด คือ การแปรงฟันให้ถูกวิธี เป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และฝึกการใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดเพิ่มเติม เช่น ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน ทั้งนี้ควรพบทันตแพทย์เป็นประจำทุกๆ 6 เดือน แต่ในกรณีที่สีฟันคล้ำจากสาเหตุอื่นๆ ทันตแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่า ควรฟอกสีฟันหรือแก้ไขด้วยวิธีอื่นๆ อย่างไร

 

 

ทันตแพทย์สุรชัย กฤษณาวารินทร์

ทันตแพทย์

โรงพยาบาลกรุงเทพพระประแดง

(Some images used under license from Shutterstock.com.)