© 2017 Copyright - Haijai.com
ปั้นจมูก ด้วยฟิลเลอร์
หากมีการตั้งคำถามว่าผู้หญิงอยากมีหน้าสวยหรือหุ่นเฟิร์มมากกว่ากัน? หลายคนคงเลือกที่จะตอบว่าการมีหุ่นเป๊ะน่าจะดีกว่า เพราะคนภายนอกมองมาจะได้รู้ว่าเราเป็นคนที่รู้จักดูแลตัวเอง แต่ผู้หญิงอีกกว่าครึ่งก็คงเลือกที่จะตอบว่า หน้าสวยดีกว่า เพราะใบหน้าเป็นจุดปะทะสายตาคนเป็นอันดับแรกๆ แต่ไม่ว่าการมีรูปร่างที่ดีก่อนแล้วค่อยปั้นหน้าให้สวย หรือการมีหน้าสวยแล้วค่อยปั้นหุ่นให้ดี ก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนล้วนฝันหาด้วยกันทั้งนั้น และเมื่อพูดถึงการปั้นหน้าให้สวยแป๊ะแบบไม่หลุดมือ หนึ่งในการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมาก คือ การเสริมจมูกนั่นเอง จะสังเกตเห็นว่าบางคนแค่ไปทำจมูกเพียงอย่างเดียว ใบหน้าก็เปลี่ยนและดูดีขึ้นในทันตา สวยไวในขั้นตอนเดียวแบบนี้ ก็มาจากปลายเข็มเล็กๆ ด้วยวิธี “ฉีดฟิลเลอร์” ง่ายๆ นะ
จมูกแบบไหนควรฉีดฟิลเลอร์
ความจริงแล้วลักษณะของดั้งที่ควรได้รับการเสริมจมูกนั้น ถือว่าไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนเลยก็ว่าได้ เพราะปัจจุบันการเสริมจมูกรวมไปถึงการปรับโรงหน้า หรืออวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ก็ไม่ได้มาจากปัญหาของอวัยวะเหล่านั้นโดยตรง หากแต่เป็นการเสริมความงามเพื่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น และเป็นวิธีสร้างภาพลักษณ์ในแบบที่ตัวเองคาดหวังไว้ ให้รู้สึกพอใจนั่นเอง แต่ลักษณะของดั้งจมูกที่ถือว่าควรได้รับการปรับเปลี่ยนนั้น จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้
• จมูกเรียบดั้งแบนราบ กรณีนี้การฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูกจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยใช้เพียงจำนวนเล็กน้อย ฉีดเข้าตรงเนื้อเยื่ออ่อนยังตำแหน่งของของจมูก ก็จะช่วยเสริมให้จมูกมีดั้งขึ้นได้โดยทันที
• จมูกเบี้ยวไม่ได้รูป เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นการเติมเต็มเนื้อเยื่อให้สมบูรณ์ ดังนั้น สำหรับคนที่มีรูปจมูกเบี้ยว โค้งงอผิดปกติ ก็สามารถแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูกได้ด้วยเช่นกัน แต่อาจจะต้องเลือกคุณหมอที่มากประสบการณ์ในการศัลยกรรมจมูกด้วยฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เนื่องจากการแก้ปัญหาจมูกที่โค้งงอผิดรูปมีความซับซ้อนมากกว่า การฉีดเสริมจมูกที่แบนเรียบค่อยข้างมาก นอกจากนี้ในกรณีที่จมูกโค้งงอผิดรูปเกินปกติ อาจจะต้องเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูกไปเลย แล้วหันไปพึ่งวิธีผ่าตัดเสริมจมูก เพราะจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ดีกว่า
• จมูกโตเป็นลูกชมพู่ สำหรับคนที่มีรูปจมูกทรงโตคล้ายลูกชมพู่ การฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูกก็สามารถช่วยให้จมูกได้รูปมากขึ้น โดยการเสริมดั้งให้โด่ง ซึ่งก็จะรั้งให้ส่วนปลายจมูกถูกยกสูงขึ้น ปีกจมูกก็จะหดตัวแคบลงตามการดึงรั้งของดั้งที่โด่งขึ้นมาพร้อมๆ กัน อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาจมูกงองุ้มให้ได้รูปที่เหมาะสมอีกด้วย
• จมูกเสียทรงจากการศัลยกรรม สารฟิลเลอร์มีคุณสมบัติเพื่อช่วยในการเติมเต็ม และแก้ไขปัญหาเล็กน้อยได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจมูกเบี้ยงหรือปีกจมูกไม่เท่ากัน ก็สามารถใช้ฟิลเลอร์ในการแก้ไขได้ แต่หากอาการรุนแรงมาก เช่น จมูกแหลมเกินไปจากการศัลยกรรมก็จะต้องทำการผ่าตัดแก้ไขเพียงอย่างเดียว
Filler หรือ สาร Hyaluronic Acid (HA)
เป็นสารประกอบของคอลลาเจนที่มีอยู่ผิวหนังของเรา คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญของผิว เพราะเป็นส่วนที่เปรียบได้กับสปริงของผิวหนัง ช่วยสร้างความตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ แต่หลังจากอายุ 20 ปีไปแล้ว คอลลาเจนโปรตีนนี้ก็จะเสื่อมสภาพลง ผิวหนังจึงยุบตัว จนเกิดเป็นความเหี่ยวย่น ริ้วรอยและความชราของผิวพรรณในที่สุด และเมื่อสารฟิลเลอร์เป็นสารที่ร่างกายมีอยู่แล้ว ดังนั้น การฉีดสารชนิดนี้เข้าไปในชั้นผิวหนัง จึงไม่ก่อให้เกิดอันตราย และสามารถย่อยสลายไปเองได้ ตามกระบวนการทำงานของร่างกายนั่นเอง
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
คนไข้จะรู้สึกเจ็บน้อยมาก หรือแทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลย ใช้เวลาในการทำที่ค่อนข้างน้อย ประมาณ 15-20 นาที เมื่อทำเสร็จสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ ไม่ต้องเสียเวลานอนพักฟื้นและแทบไม่มีรอยแผลดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน ที่สำคัญคือไม่ต้องระวังการกระแทกหรือการเลื่อนตัวของจมูกแบบซิลิโคนอีกด้วย
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
ระยะเวลาที่เห็นผลนั้น จะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ไม่ถาวรเหมือนกับการผ่าตัดซิลิโคน ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ด้วย และต้องเสียเวลาไปฉีดบ่อยหลายครั้ง เมื่อสารเหล่านี้เริ่มสลายจนทำให้จมูกไม่คงลักษณะเดิม อีกทั้งวิธีนี้จำเป็นที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มากเป็นพิเศษ เพราะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการดำเนินการนั่นเอง
ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์
• ตรวจสอบสาร Hyaluronic Acid (HA) หรือฟิลเลอร์ ว่าเป็นของแท้ผ่านการรับรองและผ่าน อย. หรือไม่
• เลือกสถานที่ในการใช้บริการที่ได้รับใบอนุญาต รวมไปถึงการเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
• ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการฉีดเสริมจมูก เช่น ข้อดีข้อเสียการดูแลรักษาและขั้นตอนในการฉีด
• สอบถามเทคนิคการฉีดของแพทย์ และปริมาณของสารที่เหมาะสมกับตัวเรา เพราะถ้าแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากไปหรือฉีดผิดตำแหน่ง อาจทำให้เกิดความเสียหายแทนที่จะได้ความสวยกลับไป
• ปัญหาทางด้านโครงสร้างจมูกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะโครงสร้างจมูกของบางคนก็เหมาะกับการเสริมจมูกด้วยวิธีผ่าตัดมากกว่าการเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ ซึ่งการเข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง จะทำให้เราทราบว่าโครงสร้างจมูกของเรานั้น เหมาะสมกับการแก้ไขด้วยวิธีใด
สาระเล็กๆ จากสารฟิลเลอร์
• ฉีดบ่อยๆ กลายเป็นพังผืด การเติมฟิลเลอร์แต่ละครั้งจะก่อให้เกิดพังผืดขึ้นใต้ผิวหนัง แม้ว่าสารเติมเต็มจะสลายไปแล้วก็ตาม ขึ้นกับว่าส่วนไหนถูกฉีดก่อน เนื้อเยื่อส่วนนั้นก็จะหนากว่าปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ ยิ่งถ้าเป็นกรณีที่ฉีดโดยแพทย์ที่ไม่เข้าใจกายวิภาคของจมูกแล้ว จะทำให้จมูกโตขึ้นหลังการฉีดในครั้งแรก โดยการแก้ไขเบื้อต้นคือ ต้องฉีดสลายสาร Hyaluronic Acid (HA) หรือฟิลเลอร์ออกก่อน เพื่อให้จมูกกลับมาเป็นรูปเดิม แต่ในกรณีที่เกิดพังผืดที่เยอะมาก การฉีดยาสลายก็อาจจะไม่ช่วยอะไรมากนัก เพราะกรณีเช่นนี้จะเป็นปัญหากับศัลยแพทย์ค่อนข้างมาก เนื่องจากพังผืดที่หนาจะทำให้การจัดทรงจมูกให้ดูคมและเรียวนั้นเป็นไปได้ยาก อีกทั้งเนื้อเยื่อที่เป็นพังผืดมักจะแข็งไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ควร ในบางครั้งต้องใช้วิธีผ่าตัดแบบเปิด เพื่อจะตัดเอาพังผืดที่หนาออกมา (โดยใช้เข็มปลายทู่ขนาดใหญ่เป็นตัวช่วยเลาะ) ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อมีอาการช้ำมาก และโอกาสที่จะมีปัญหาแทรกซ้อนก็จะมีมากขึ้นด้วย
• เสริมจมูกได้ไหมถ้ามีฟิลเลอร์อยู่ ตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น หากต้องการที่จะเสริมจมูกแบบซิลิโคน แต่มีปัญหาตรงฟิลเลอร์ที่ค้างอยู่เดิมนั้น ควรจะฉีดสารสลายฟิลเลอร์ เพื่อให้จมูกกลับมาสู่รูปเดิมก่อน การเสริมจมูกโดยไม่ฉีดสลายสารฟิลเลอร์ที่มีอยู่ออกให้หมดก่อน อาจไม่ได้ทรงจมูกตามที่ต้องการ เพราะแพทย์จะไม่สามารถประเมินได้ว่าสารที่มีอยู่จะสลายได้อีกมากน้อยแค่ไหน จึงต้องทำตามรูปทรงที่เห็นในขณะนั้น นอกจากนี้ยังอาจมีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่าปกติด้วย
• การใช้เข็มที่คมเกินไปในการฉีด หากแพทย์ใช้เข็มที่คมมาก อาจทำให้มีโอกาสโดนเส้นเลือดได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ที่ทำการฉีด หากถูกเส้นเลือด แพทย์ที่มีความชำนาญจะรู้ก่อนและเปลี่ยนตำแหน่งที่จะฉีดใหม่ได้ แต่แพทย์ที่ไม่ชำนาญ หากโดนเส้นเลือดแล้ว ยังทำการฉีดต่อไปก็จะทำให้เกิดอันตรายแก่คนไข้เป็นอย่างมาก ดังนั้น การใช้เข็มปลายทู่ หรือ Blunt cannula เบอร์ใหญ่จะเป็นการช่วยหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ดีที่สุด เพราะจะสามารถดันให้จมูกโด่งมากขึ้น และเทคนิคการใช้เข็มปลายทู่ ก็ยังสามารถใช้ร่วมกับการแก้ปัญหาพังผืดที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ได้ดีอีกด้วย
การเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ถือเป็นขั้นตอนที่ง่าย เร็ว ไม่เจ็บตัวมาก และไม่ต้องเสียเวลานอนพักฟื้นใดๆ ซึ่งวิธีนี้ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะนอกจากคุณสมบัติที่ช่วยแก้ปัญหาจมูกได้แล้ว การฉีดฟิลเลอร์ยังถูกนำไปใช้ในการเข้าไปแก้ไขจุดบกพร่องส่วนต่างๆ เช่น หน้าผาก แก้ม ร่องปาก หรือคาง เป็นต้น แต่ไม่ว่านวัตกรรมต่างๆ จะถูกพัฒนาให้ชาญฉลาดล้ำเลิศสักแค่ไหน การศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดด้วยตัวเราเองก็จะยังเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำอยู่เสมอ
ถ้าไม่เสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์
เทคนิคการเสริมจมูกในรูปแบบอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมโดยทั่วไป คือ
• การร้อยไหม เป็นการใช้ไหมละลาย (PDO) ร้อยลงไปยังชั้นผิวบริเวณจมูก เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนมาเกาะพันตรงบริเวณของตัวไหม เบื้องต้นแพทย์จะมีการสอบถามพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาจมูก เพื่อวางแผนการรักษาให้ตรงตามความต้องการและเหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละคน จากนั้นแพทย์จะทายาชาแล้วจึงจะเริ่มลงมือฉีดด้วยการนำเอาเส้นไหมละลายฉีดลงไปบริเวณจมูก เพ่อให้ได้รูปทรงหรือแก้ทรงจมูกที่เบี้ยวงอ ให้กระชับสวยงามมากยิ่งขึ้น รวมเวลาในการร้อยไหมประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจมีอาการบวมหรือเป็นจุดจ้ำแดงให้เห็นพียงเล็กน้อย จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปสัก 1-2 สัปดาห์ จมูกจะดูยกกระชับได้รูปทรงมากยิ่งขึ้น โดยที่ไหมเหล่านี้จะสลายตัวหายไปเองภายใน 3-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่แพทย์เลือกใช้) ข้อดี คือ เป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อการมีสารตกค้างในร่างกาย หากมีการยุบหรือรูปร่างของจมูกที่เปลี่ยนไป ก็สามารถกลับไปร้อยไหมเพิ่มเติมได้ แต่ข้อเสียคือเทคนิคร้อยไหมจะช่วยดึงสันจมูกขึ้นมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงอีกด้วย
• การเสริมจมูกด้วยซิลิโคน ซึ่งเป็นการเสริมจมูกแบบถาวร คนไข้จะสามารถเห็นรูปทรงของซิลิโคนและสามารถเลือกรูปทรงของซิลิโคนได้ ตามที่ตัวเองต้องการ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความคิดเห็นจากแพทย์ด้วยว่า รูปทรงแบบใดที่เหมาะสมกับใบหน้าของคนไข้ ความกลมกลืนของใบหน้าส่วนบน ส่วนกลาง และส่วนล่าง (Facial Harmony) ความกว้างของฐานและปีกจมูก ทั้งหมดนี้มีผลกับลักษณะของใบหน้าที่จะออกมาตรงกับความต้องการ จึงแนะนำให้มีการวางแผนและพูดคุยกับศัลยแพทย์ตกแต่งก่อนการเข้ารับการผ่าตัดถึงความเป็นไปได้ และความคาดหวังของการผ่าตัดเสริมจมูก
แก้ไขจมูกด้วยวิธีผ่าตัด
วิธีผ่าตัดเสริมจมูกนอกจากจะเป็นการเพิ่มความสวยงามและรูปทรงของจมูกให้ดูชัดเจนขึ้นแล้ว ยังเป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาจมูกในลักษณะต่างๆ เช่น
• ผ่าตัดเพื่อช่วยลดขนาดของจมูก และผู้ที่มีปัญหาจมูก Hump (คือ กระดูกที่นูนขึ้นมาบริเวณแนวกระดูก) หรือปลายจมูกและรูจมูกที่มีขนาดกว้างเกินไป การผ่าตัดแก้ไขอาจจะต้องผ่าตัดเอากระดูกและกระดูกอ่อนออก เพื่อขนาดของจมูก
• ผ่าตัดเพื่อช่วยเพิ่มขนาดของจมูก เช่น ผู้ที่มีจมูกเล็ก ไม่มีดั้งจมูก สันจมูกคดหรือจมูกเบี้ยว เป็นต้น การผ่าตัดจะใช้วิธีเสริมดั้งจมูก โดยใช้ซิลิโคนหรือกระดูกอ่อนจากร่างกายของตัวเองเข้าไปเสริมปัญหาบริเวณจุดนั้น
กรณีผ่าตัดเสริมจมูกแล้วไม่เป็นที่พอใจ
โดยปกติแล้วแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขเอาแท่งซิลิโคนออก ตัดพังผืดด้านในและรอให้แผลหาย ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นในส่วนของเนื้อเยื่อ และผิวหนังบริเวณจมูกสักระยะ เมื่อพังผืดด้านในมีความอิ่มตัว การผ่าตัดเสริมจมูกซ้ำ ก็จะสามารถทำได้ง่ายและปลอดภัย รวมทั้งสามารถประเมินความตึงหย่อนของเนื้อจมูกเดิมได้แม่นยำขึ้นอีกด้วย
ข้อจำกัดการผ่าตัดเสริมจมูก
การผ่าตัดเพื่อแก้ไขความพิการหรือเพื่อความงาม อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ 100% ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งคนไข้จะต้องทำการปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อจำกัดดังกล่าว
• การผ่าตัดเสริมจมูกไม่สามารถผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อออกมากเกินไป เพราะจะทำให้จมูกไม่คงรูป
• ผิวหนังบริเวณจมูกไม่สามารถดึงออกได้มาก เพราะจะทำให้เกิดการดึงรั้งได้ลักษณะของผิวหนัง อายุ และความผิดปกติของแต่ละคนที่มีแตกต่างกัน จะเป็นข้อจำกัดของการผ่าตัด
• การเสริมจมูกไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีผลในระยะยาว หากต้องการที่จะเข้ารับการแก้ไขตกแต่งจมูกให้สวยงามเป็นไปตามความต้องการ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงข้อดีข้อเสีย ผลข้างเคียงและอาการแทรกซ้อนต่างๆ ที่จะตามมาหลังการเสริมจมูก รวมถึงการปรึกษาคนใกล้ชิดเพื่อนำมาเป็นเหตุผลของการตัดสินใจเสริมจมูกอีกด้วย อย่างไรก็ตามเทคนิคการแต่งหน้า เพื่อช่วยอำพรางตำหนิ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สาวแท้สาวเทียมสามารถทำได้ง่าย เพราะยุคสังคมก้มหน้าโซเชี่ยลตลอดเวลาแบบนี้ การเรียนรู้เทคนิคแต่งหน้าในแบบต่างๆ ก็จัดว่าเป็นกระแสอันดับต้นๆ ของโลกไซเบอร์เลยก็ว่าได้ แต่อาจต้องทนเสียเวลากับการฝึกฝนปกปิดหรือแต่งเติมส่วนนั้นอยู่สักหน่อย ซึ่งหากทำบ่อยเป็นประจำก็จะกลายเป็นความเคยชินไปเองนะจ้ะ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)