Haijai.com


ปรับแต่งหน้าผาก ศัลยกรรมหน้าผาก


 
เปิดอ่าน 4854

ศัลยกรรมหน้าผาก ให้หน้าสวยเป๊ะ

 

 

หน้าผากที่ดีควรจะโหนกนูน เพื่อเป็นการเปิดรับความโชคดี นั่นคือประโยคที่เรามักจะคุ้นหูคุ้นตากันสำหรับลักษณะหน้าผากตำแหน่งรับทรัพย์ ตามตำราโหงวเฮ้งในหลายๆ แขนง แต่หากพูดถึงหน้าผากในลักษณะของความสวยงามนั้น การมีหน้าผากที่สวยรับกับใบหน้าทุกองศา เป็นสิ่งที่ใครมีก็น่าอิจฉาอยู่ไม่น้อย จะสังเกตได้ว่าคนที่มีลักษณะหน้าผากรับกับใบหน้าที่ดี จะสามารถเปลี่ยนบุคลิกได้หลากหลายกว่าคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับหน้าผาก เช่น คนที่มีหน้าผากกว้างหรือแคบเกินไป วันนี้เราจะมาขยายวิธีเสริมหน้าผากและตกแต่งหน้าผากให้สวยงาม ลดอาการอิจฉาคนอื่น ให้ทุกคนได้มีบุคลิกใหม่ๆ แบบไม่ให้ใครน้อยหน้าใครกันเลย

 

 

ศัลยกรรมหน้าผาก เหมาะกับใครบ้าง

 

 สำหรับผู้ที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผาก หรือมีผิวที่ไม่เรียบเนียน

 

 

 สำหรับคนที่มีหน้าผากแคบหรือกว้าง (หน้าผากเถิก) เกินไป

 

 

 สำหรับคนที่มีสันจมูกต่ำ

 

 

เสริมหน้าผากแบบไม่ต้องผ่าตัด

 

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับคนที่มีหน้าผากบุ๋มหรือแบนเล็กน้อยเฉพาะจุด และอยากปรับให้ดูโค้งขึ้นหรือหรือเติมเต็มส่วนที่ขาด แต่การฉีดฟิลเลอร์ในส่วนนี้ จะให้ความรู้สึกที่เจ็บกว่าการฉีดฟิลเลอร์ส่วนอื่น เพราะหน้าผากเป็นบริเวณที่มีเนื้อค่อนข้างน้อยและมีเส้นประสาทอยู่มาก

 

 

ขั้นตอนการเสริมหน้าผากด้วยฟิลเลอร์

 

โดยแพทย์จะทำการทำความสะอาดผิวในบริเวณที่จะทำการรักษา และแปะยาชาทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที จากนั้นแพทย์จะฉีดยาที่มีส่วนผสมของอะดรีนาลีนเพื่อให้เส้นเลือดหดตัว พร้อมทำการฉีดฟิลเลอร์ที่จุดต่างบริเวณหน้าผาก ส่วนตรงกลางหน้าผากจะมีเส้นเลือดใหญ่อยู่ในทิศทางแนวตั้ง จากหัวคิ้วขึ้นไปบริเวณไรผม การฉีดควรฉีดจากบริเวณกลางหน้าผากด้านบนลงมา เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บต่อเส้นเลือด หลังจากนั้นจะคอยปั้นเพื่อให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปนั้นเนียนได้รูป

 

 

หลากวิธี “ผ่าตัดเสริมหน้าผาก”

 

1.การฉีดไขมัน

 

แพทย์จะทำการวางยาชาหรือยาสลบคนไข้ และทำการเอาไขมันของคนไข้จากส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขนหรือต้นขา ออกมาปั่นแยกเอาเฉพาะเซลล์ของไขมัน กลับเข้าไปฉีดที่บริเวณหน้าผากของคนไข้ ซึ่งวิธีนี้ก็ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเช่นเดียวกัน ข้อดีคือไม่มีรอยแผลเป็น แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือไขมันบางส่วน (ส่วนใหญ่) จะเกิดการสลายตัวค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะไขมันที่ดูดออกมาเฉยๆ และไม่ได้ผ่านการนำไปเพาะ Stem Cell คือ ดูดออกมาแล้วฉีดกลับเข้าไปเลย ไขมันพวกนี้จะตาย เพราะไม่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง เช่น ฉีดไป 100% แต่จะเหลือเพียง 20% จากเดิมเท่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่คงทนถาวร มีระยะเวลาประมาณ 1-2 ปี วิธีนี้จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร

 

 

2.การเสริมด้วยกระดูกแผ่นเทียม (Bone Cement)

 

แพทย์จะทำการเปิดแผลที่บริเวณศีรษะในลักษณะเป็นรอยที่คาดผม และใส่กระดูกแผ่นเทียมลงบนตำแหน่งของหน้าผาก โดยวัสดุที่ใช้ทำคือ โพลิเมทิลเมธาคิเลต หรือ PMMA แพทย์จะนิยมใช้แผ่นกระดูกเทียม เพราะแข็งแรงคงทน และสามารถปรับรูปร่างได้ง่าย ซึ่งวิธีนี้จะใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง และใช้เวลาพักฟื้นอีกประมาณ 1 อาทิตย์ ข้อดีคือ คุณสมบัติของวัสดุที่ใช้นั้น จะไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง และไม่เป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อ แต่ข้อเสียคือการผ่าตัดดังกล่าว มักพบรอยแผลเป็นที่กว้าง และอาจมีอาการชาหลังผ่าตัด 3-6 เดือนได้

 

 

3.การเสริมด้วยแผ่น Goretex

 

เป็นวัสดุสังเคราะห์กลุ่มเดียวกับ PTFF (Polytetrafluoroethlene) ซึ่งจะมีปฏิกิริยาต่อร่างกายน้อย เป็นวัสดุที่มีความพรุนทำให้เนื้อเยื่อร่างกาย สามารถงอกเข้าไปและใช้ในร่างกายได้ โดยวิธีนี้จะมีขั้นตอนการผ่าตัดเหมือนวิธีที่สอง ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง และยังให้ข้อดีข้อเสียพอๆ กับวิธีที่สองอีกด้วย

 

 

4.ศัลยกรรมหน้าผากด้วยการลดกระดูกเหนือคิ้ว หรือการกรอหน้าผาก

 

ซึ่งถือว่าการผ่าตัดที่ใหญ่และใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและชำนาญโดยเฉพาะ การกรอหน้าผากนั้น จะสามารถกรอได้ 3-5 มิลลิเมตร แผลที่เกิดจากผ่าตัดนั้น จะเป็นรอยตามแนวคาดผม ดังนั้น จึงไม่เป็นปัญหาในเรื่องของรอยแผลเป็น

 

 

5.การเสริมด้วยซิลิโคน

 

วิธีนี้เป็นการใช้วัสดุที่ใครหลายคนคุ้นเคย และไว้วางใจกว่าวัสดุชิ้นอื่นๆ ซึ่งข้อดีของการใช้ซิลิโคนเข้าช่วยนั้น คือ สามารถอยู่ได้นานกว่าวิธีที่ 2 และ 3 แต่ข้อเสียคือ มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

 

 

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด

 

หลังจากผ่าตัดแล้ว จะต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งจะต้องได้รับการดูแลรักษาที่ถูกวิธี เพื่อไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อนและเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อของแผลในภายหลัง

 

 

ข้อควรระวังหลังผ่าตัด

 

ควรนอนพักอยู่เฉยๆ เป็นเวลา 5-7 วัน เพื่อให้วัสดุเทียมที่ใส่เข้าไป คงตัวและสวยงาม ไม่เกิดอาการอักเสบบริเวณเนื้อเยื่อหรือการไหลเวียนของโลหิต และในช่วง 2-3 เดือนแรก ควรงดออกกำลังกายประเภทหนักๆ เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อบริเวณหน้าผาก เพราะอาจส่งผลให้หน้าผากเกิดการผิดรูปได้

 

 

อยากสวยระยะยาวต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

 

ทุกครั้งก่อนที่จะทำศัลยกรรมหรือฉีดสารอะไรก็แล้วแต่ แพทย์จะทำการพูดคุยถึงข้อดีข้อเสียและผลลัพธ์ที่จะออกมาให้คนไข้ทราบ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ในกรณีของการศัลยกรรมหน้าผากเป็นการทำบนบริเวณที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทที่ค่อนข้าวเยอะ แพทย์จึงต้องใช้ความพยายามและความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

(Some images used under license from Shutterstock.com.)