
© 2017 Copyright - Haijai.com
เสริมสะโพกผายเร้าใจชาย
หากพูดถึงการศัลยกรรมร่างกายเพื่อสร้างความมั่นใจกับตัวเองแล้ว นอกจากความแรงของการนิยมเสริมเต้าหรือเข้าไปดูดไขมัน เพื่อกระชับให้หุ่นน่าเซี้ยะแล้ว การเสริมบั้นท้ายก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยเสริมให้รูปร่างโค้งสวยเป็นเนินเว้าได้อย่างดีอีกด้วย ซึ่งการเสริมสะโพกหรือบั้นท้ายนั้น จะเป็นการช่วยเพิ่มความชัดเจนของสรีระในส่วนต่างๆ แถมยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้หญิงพร้อมอวดหุ่นสวยแบบไม่กลับแพ้ดาราซุปตาร์เลยล่ะ
สะโพก กับ ก้น เหมือนกันหรือเปล่า
หลายคนมีความสับสนว่าสะโพกกับก้นคือสิ่งเดียวกันหรือไม่ ทำความเข้าใจกันใหม่เลยว่าสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน เพราะบางคนที่มีสะโพกผาย แต่กลับไม่มีก้น และบางคนที่ไม่มีสะโพกแต่กลับมีก้นที่กลมสวย ซึ่งเมื่อทำการวัดขนาดออกมาแล้ว สองลักษณะนี้อาจจะมีความใหญ่หรือเล็กที่เท่ากันก็ได้ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สะโพก กับ ก้น มีตำแหน่งที่สัมพันธ์และเชื่อมโยงกันเท่านั้น เพราะสะโพกคือส่วนที่กว้างที่สุดของบั้นท้าย ซึ่งหมายถึงวัดรวมกับขนาดของก้นเข้าไปด้วย วิธีเพิ่มขนาดก้นให้ฟูหรือดูกลมกลึงขึ้น จะทำให้ขนาดของสะโพกเราเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย โดยในทางการแพทย์จะเรียกเทคนิคเหล่านี้ว่า “การเสริมสะโพก” นั่นเอง
สะโพกคนเรามีกี่แบบ
• ทรงแจกัน สะโพกทรงแจกัน คือ คนที่มีส่วนสะโพกคอดแต่มีส่วนของบั้นท้ายที่กว้าง ดูมีความโค้งเว้าค่อนข้างชัดเจน การที่ส่วนเชิงกรานกับเอวที่มีขนาดเล็ก เมื่อเปรียบเทียบกับส่วนสะโพก จึงทำให้ดูเหมือนเป็นทรงแจกัน
• ทรงรูปไข่หรือรูปหัวใจ สะโพกทรงไข่ คือ คนที่มีขนาดของแก้มก้นและต้นขาเกือบเท่ากัน และมีส่วนของเชิงกรานกับเอวที่ค่อนข้างเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่สาวเอเชียจะมีสะโพกลักษณะนี้ค่อนข้างเยอะ
• ทรง V Shape สะโพกทรง V Shape คือ คนที่มีก้นเป็นรูปทรงตัววีหรือทรงสามเหลี่ยม และมีขนาดของแก้มก้นกับต้นขาที่เกือบจะเท่ากัน ดูแล้วเป็นทรงตรงๆ ไม่มีส่วนโค้งเว้า จะมีช่วงกระดูกเชิงกรานใหญ่ และไม่มีเอว จะเห็นได้สะโพกทรงนี้กับผู้หญิงที่เป็นคนผอมและมีรูปร่างสูง
• ทรง Squircle (ทรงกลมผสมทรงสี่เหลี่ยม) สะโพกทาง Squircle คือ หุ่นที่จะว่าเป็นสี่เหลี่ยมเลยก็ไม่ถูก เพราะคนที่มีรูปทรงก้นแบบนี้ ก็มีความโค้งมนอยู่บ้าง โดยทั่วไปจะเป็นคนที่มีสะโพกค่อนข้างต่ำ และมีขนาดเกือบเท่ากันกับแก้มก้น มีกระดูกเชิงกรานระดับมาตรฐานและมีเอวเล็กคอด
• ทรงสีเหลี่ยม สะโพกทรงสี่เหลี่ยง คือ คนที่มีขนาดของส่วนของสะโพกเกือบเท่ากันกับแก้มก้น มีช่วงกระดูกเชิงกรานใหญ่และมีเอวขนาดปกติ แต่ข้อดีคือถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนรูปร่างผอมบาง แต่เพราะเนื้อของส่วนก้นที่มีไม่มาก จะช่วยทำให้คุณไม่ดูอ้วนนั่นเอง
• ทรงกลม สะโพกทรงกลม คือ คนที่เอวคอด มีสะโพกกว้างแต่เล็กกว่าส่วนแก้มก้น และส่วนแก้มก้นนี้ก็ใหญ่กว่ากระดูกเชิงกราน เรียกได้ว่าก้นสวยตามมาตรฐานหญิงโลก
สะโพกสวยต้องเป็นแบบไหน
ลักษณะของสะโพกที่สวยงามตามมาตรฐานนั้น จะต้องมีการผายออกด้านข้างเล็กน้อย ในส่วนของบั้นท้ายจะต้องดูกระชับ ไม่ตกไม่ห้อยหรือหย่อนคล้อย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสัดส่วนหรือสรีระร่างกายของแต่ละคนด้วย
หลากวิธีเสริมสะโพกสวย
การเสริมสะโพกด้วยวิธีผ่าตัด แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การเสริมด้วยไขมันจากคนไข้เอง และการเสริมด้วยถุงซิลิโคน
การเสริมด้วยไขมัน
วิธีนี้จะใช้ไขมันจากตัวคนไข้เอง ซึ่งจะเป็นไขมันที่มาจากบริเวณส่วนหน้าท้อง หรือต้นขา เป็นต้น การฉีดไขมันเสริมสะโพกจะต้องใช้ปริมาณไขมันประมาณ 200-300 ซีซี และเป็นวิธีที่สามารถทำได้เฉพาะกับผู้ที่มีจำนวนไขมันเพียงพอเท่านั้น วิธีนี้ค่อนข้างที่จะใช้เวลาในการผ่าตัดพอสมควร เพราะจะต้องทำการดูดไขมันและนำไปทำการสกัดแยกไขมันออกจากเลือด แล้วนำเซลล์ในไขมันที่สามารถใช้ได้ ฉีดเข้าไปตรงบริเวณที่เราต้องการเสริมนั่นเอง ข้อดีของการเสริมสะโพกจากไขมัน คือ ไม่ต้องดมยาสลบ ร่างกายเราสามารถยอมรับได้ จึงทำให้ไม่มีผลกระทบหรือผลข้างเคียงใดๆ ทั้งยังทำให้บริเวณที่ถูกดูดไขมันออกมานั้น มีขนาดที่เล็กลงและกระชับขึ้นด้วย ซึ่งวิธีนี้จะไม่ทำให้เกิดผลขนาดใหญ่ แต่จะปรากฏเพียงแผลเจาะเล็กๆ เท่านั้น โดยคนไข้จะฟื้นตัวเร็วไม่ต้องนอนพักโรงพยาบาล สามารถใส่กางเกงรัดสะโพกกลับบ้านได้ทันที แต่ข้อเสียคือ ไขมันของเราที่ฉีดเข้าไปนั้น จะมีโอกาสถูกดูดซึมโดยร่างกายได้ อาจทำให้มีการสลายไขมันไปบ้างในบางส่วน และส่งผลทำให้ขนาดของสะโพกเกิดความเปลี่ยนแปลงได้
การฉีดด้วยไขมันผสมสเต็มเซลล์
ไขมันที่ผสมสเต็มเซลล์จะต่างจากไขมันธรรมดา เพราะหลังจากที่ทำการดูดไขมันออกมาแล้ว ไขมันจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยไขมันส่วนแรก จะถูกนำไปปั่นแยกสเต็มเซลล์และทำการกระตุ้นสเต็มเซลล์ให้เกิดการตื่นตัว จากนั้นจึงนำกลับมารวมกับไขมันอีกส่วนที่แบ่งไว้ในตอนแรก โดยตัวสเต็มเซลล์ที่ผ่านการกระตุ้นมาแล้ว จะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ได้มากขึ้นกว่าการฉีดไขมันแบบวิธีแรกนั่นเอง ที่สำคัญคือได้ผลและมีข้อดีข้อเสียไม่ต่างกันด้วย
การเสริมด้วยฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีเสริมแบบระยะสั้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเจ็บตัวเยอะ เพราะเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่านการผ่าตัด แต่สำหรับการเสริมสะโพกนั้น จะต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ค่อนข้างมาก ซึ่งวิธีนี้ควรทำการศึกษาอย่างละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนในการฉีด รวมถึงการเลือกสถานประกอบการที่ได้มาตรฐาน มีความชำนาญและความน่าเชื่อถือของศัลยแพทย์ ข้อดีของการเสริมสะโพกด้วยฟิลเลอร์อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น คือ เจ็บตัวน้อยและไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ไม่ต้องดมยาสลบ ใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่าวิธีอื่น แต่ข้อเสียคือ มีค่าใช้จ่ายที่สูงและไม่คงทนถาวร โดยสามารถคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี
การร้อยไหม
เทคนิคร้อยไหมเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดอีกหนึ่งวิธี โดยการใช้ไหมในการยกกระชับนั้น จะต้องใช้ไหมที่มีขนาดใหญ่และใช้จำนวนไหมที่มากกว่าการร้อยไหมบนใบหน้า เพื่อป้องกันการหย่อนคล้อยที่กลับลงมาอีก การร้อยไหมจะช่วยเสริมให้ก้นเด้งแลดูกลมกลึงขึ้น ข้อดีของวิธีนี้คือ ไม่ต้องผ่าตัด สามารถช่วยยกกระชับได้ดี แต่ข้อเสียคือ คนไข้อาจมีความรู้สึกเจ็บขณะทำเล็กน้อย มีค่าใช้จ่ายที่สูงเนื่องจากจำนวนไหมที่ต้องใช้มากกว่าปกติ และอาจไม่ให้ผลดีเท่าที่ควร เพราะเทคนิคร้อยไหมจะเน้นช่วยยกกระชับมากกว่าการเพิ่มขนาด จึงทำให้วิธีนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก
การเสริมด้วยซิลิโคน
ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมความงามทุกอย่างควรเป็นซิลิโคนที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพสูง มีการผลิตมาเพื่อใช้สำหรับเสริมสะโพกโดยเฉพาะ จึงจะมีความแข็งแรงและเหนียวทนเป็นอย่างมาก สามารถทนต่อการกดทับและการกระแทกได้เป็นอย่างดี มีความตึงตัวสูง ไม่ทำให้เสียรูปทรงและปลอดภัย โดยจะสามารถเลือกขนาดที่เหมาะสมหรือพอดีกับสะโพกของเราได้ ซิลิโคนสำหรับเสริมสะโพกมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ
• ซิลิโคนแบบถุง จะมีลักษณะเป็นถุง ภายในบรรจุซิลิโคนเจลไว้เช่นเดียวกับถุงซิลิโคนที่ใช้สำหรับเสริมหน้าอก แต่จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ตรงที่ถุงซิลิโคนสำหรับใช้เสริมสะโพกนั้น จะบรรจุแต่เพียงซิลิโคนเจลเท่านั้น (ซิลิโคนเสริมเต้านมจะมีเป็นแบบน้ำเกลือด้วย) เพราะการเสริมสะโพกเป็นการใส่ถุงในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ทำให้มีแรงกดที่มากกว่าการเสริมบริเวณเต้านม จึงมีโอกาสที่จะมีปัญหาของการรั่วซึมได้มากกว่า โดยซิลิโคนแบบถุงเสริมสะโพกจะมีลักษณะที่แบนและกว้างกว่าซิลิโคนเสริมเต้านม
• ซิลิโคนแบบแผ่น เป็นซิลิโคนแท่งที่ทำสำหรับการเสริมสะโพกโดยเฉพาะ โดยมีลักษณะเช่นเดียวกับซิลิโคนแท่งแบบการเสริมจมูก แต่มีลักษณะเป็นแผ่นใหญ่กว่า และมีรูปร่างที่โงงอได้ตามรูปแบบของสะโพก ข้อดีของการเสริมสะโพกแบบซิลิโคน คือ มีความเป็นธรรมชาติและคงรูปในแบบถาวร แต่ข้อเสียคือ คนไข้จะมีอาการช้ำและรู้สึกเจ็บหลังผ่าตัดเล็กน้อย ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น
ตำแหน่งการวางของซิลิโคน
ตำแหน่งการวางซิลิโคนสำหรับการเสริมสะโพกมีอยู่ด้วยกัน 3 จุด คือ
• บริเวณใต้ผิวหนัง เป็นตำแหน่งที่อยู่เหนือจากกล้ามเนื้อ ข้อดีคือจะมีความนูนของสะโพกที่สวยงามเด่นชัด และไม่เกิดอันตรายต่อเส้นประสาทใหญ่ แต่ข้อเสียคือ อาจมองเห็นรูปร่างของซิลิโคนในระดับหนึ่ง เมื่ออาการบวมจากการผ่าตัดได้ยุบลง และมีโอกาสเกิดการทะลุของถุงหรือแผ่นซิลิโคนได้ในบางราย
• บริเวณใต้กล้ามเนื้อ โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับกล้ามเนื้อของสะโพก เพราะลักษณะกล้ามเนื้อสะโพกจะประกอบด้วยกล้ามเนื้อมัดบนและกล้ามเนื้อมัดล่าง ซึ่งอาจจะไม่สามารถแบ่งออกได้อย่างชัดเจน ดังนั้น การวางซิลิโคนตรงบริเวณนี้จะทำได้เฉพาะบางคน การเปิดช่องกล้ามเนื้อสะโพกระหว่างกล้ามเนื้อ 2 มัดนี้ จะให้ผลเช่นเดียวกับการวางซิลิโคนบริเวณใต้ผิวหนัง แต่ในขั้นตอนของการเปิดโพรงกล้ามเนื้อ อาจจะมีอาการเจ็บปวดหลังผ่าตัดได้มากกว่าการผ่าตัดใต้ผิวหนัง แต่โอกาสที่จะมองเห็นถุงหรือแผ่นซิลิโคนจะมีน้อย และโอกาสเกิดการทะลุของซิลิโคนก็มีน้อยด้วย ตำแหน่งนี้จึงเป็นที่นิยมสำหรับการวางซิลิโคนเสริมสะโพก โดยวิธีเปิดโพรงใต้กล้ามเนื้อนั้น ต้องใช้ความชำนาญและความระมัดระวังไม่ให้เกิดอันตรายต่อเส้นประสาทใหญ่เป็นอย่างมาก เพราะหากกระทบกับเส้นประสาทใหญ่ที่ว่านี้ จะส่งผลโดยตรงทันทีกับส่วนต่างๆ โดยทั่วไปของเขา
• บริเวณใต้พังผืดกล้ามเนื้อ เนื่องจากการเสริมตรงบริเวณใต้ผิวหนัง ก็ยังมีความเสี่ยงในเรื่องการทะลุตัวของตัวซิลิโคนเอง และการเสริมตรงบริเวณใต้กล้ามเนื้อในบางครั้ง ก็ยังทำให้รูปร่างของสะโพกยังไม่ชัดเจนพอ แพทย์ลองใช้วิธีเสริมสะโพกโดยการเปิดช่องใต้พังผืดกล้ามเนื้อดูบ้าง โดยข้อดีของตำแหน่งนี้ คือ ไม่เสี่ยงต่อการกระทบโดนเส้นประสาทใหญ่ และยังสามารถเห็นรูปร่างของสะโพกได้ชัดเจนด้วย แต่การผ่าตัดอาจไม่สามารถเปิดช่องนี้ได้ง่าย ปัจจุบันวิธีนี้จึงยังไม่มีขั้นตอนที่เป็นมาตรฐาน
ขั้นตอนการผ่าตัด
แพทย์จะให้คนไข้ดมยาสลบและทำการเปิดแผลบริเวณร่องก้นเป็นแนวตั้ง ความยาวประมาณ 2• 3 นิ้ว จากนั้นแพทย์จะสร้างช่องว่างสำหรับวางถุงซิลิโคน ซึ่งแพทย์จะทำการประเมินว่าคนไข้เหมาะสมกับซิลิโคนขนาดใด จากนั้นทำการยกกล้ามเนื้อขึ้นและทำการวางซิลิโคนลงใต้ชั้นกล้ามเนื้อแก้มก้น ระหว่างกล้ามเนื้อส่วนนอกและส่วนกลาง ระหว่างการผ่าตัดแพทย์จะดูสัดส่วนความเท่ากันของก้นทั้งสองข้าง ให้มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ในบางกรณีแพทย์จะทำการดูดไขมันบริเวณนั้นออกให้ด้วย เพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงามและเหมาะสม จากนั้นก็ทำการเย็บปิดปากแผล โดยวิธีผ่าตัดเสริมสะโพกจะใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นประมาณ 2 ชั่วโมง
ลักษณะของแผลผ่าตัด
แผลหลังการผ่าตัดเสริมสะโพกนั้น จะเป็นแนวดิ่งอยู่ในร่องก้น ซึ่งจะไม่เห็นเป็นแผลเป็นชัดเจน ดูคล้ายแผลที่เกิดจากการผ่าตัดทางด้านข้าง โดยแผลจะยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร
ดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
หลังการผ่าตัดคนไข้จะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย และต้องดูแลตัวเองเป็นอย่างมาก โดยห้ามคนไข้นั่งทับซิลิโคนในช่วง 3-5 วัน เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของซิลิโคน และป้องกันไม่ให้แผลแยกด้วย สามารถทำความสะอาดแผลได้ตามปกติ โดยใช้วิธีเอาสำลีชุบน้ำเปล่า หรือน้ำเกลือและซับให้แห้ง ในช่วงเวลาเช้าแลเย็นของทุกวัน แผลจากการผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะปิดสนิทและแพทย์จะทำการตัดไหมออกภายในช่วงระยะเวลาดังกล่าว คนไข้ต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ จึงจะสามารถนั่งและนอนได้ตามปกติ ที่สำคัญคือหลังผ่าตัดไปแล้ว คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการฉีดยาตรงบริเวณสะโพกหรือก้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะทำให้ถุงซิลิโคนแตกนั่นเอง
ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด
คนไข้อาจมีน้ำเหลืองคั่ง แผลปริออกหรือซิลิโคนขยับจนเสียสมดุล ซึ่งอาจก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าปกติ โดยสามารถทำการแก้ไขด้วยวิธีผ่าออก และทำการซ่อมแซมกล้ามเนื้อในส่วนนั้น ทั้งนี้ต้องอยู่ในความดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
(Some images used under license from Shutterstock.com.)