Haijai.com


ฉีดโบท็อกซ์เป็นประจำเบ้าตาลึกเหมือนคนอดนอน


 
เปิดอ่าน 4489

ฉีดโบท็อกซ์เป็นประจำเบ้าตาลึกเหมือนคนอดนอน

 

 

Q : ดิฉันขอเรียนปรึกษาคุณหมอคะ ปัจจุบันดิฉันอายุ 35 ปี ปกติดิฉันรักษาริ้วรอยหน้าผาก และรอบดวงตาด้วยการฉีดโบท็อกซ์ เป็นประจำทุกๆ 4-5 เดือน รักษาแบบนี้มานาน 3-4 ปีแล้วค่ะ ระยะหลังๆ รู้สึกว่าริ้วรอยกลับมาเร็ว และหลังฉีดถึงแม้ริ้วรอยจะดีขึ้น แต่ทำไมดูเหมือนหน้าดิฉันไม่ได้ดูดีขึ้นเลย คือ ดูเหมือนคนอดนอนตลอดเวลา เคยรักษาด้วยเลเซอร์รอบดวงตาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ไม่ทราบว่าการฉีดฟิลเลอร์ช่วยได้มั้ยคะ ปลอดภัยแค่ไหนคะ เพราะได้ยินข่าวบ่อยเรื่องผลข้างเคียงฟิลเลอร์ เช่น ฟิลเลอร์ไหล ตาบอด รบกวนคุณหมอด้วยค่ะ

 

 

A : การฉีดสารโบทูลินั่น ท็อกซิน หรือที่เรียกว่าโบท็อกซ์ จะทำให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง ไม่หด เกร็งและคลายตัวออก ทำให้ริ้วรอยต่างๆ ดีขึ้น แต่หากฉีดซ้ำบ่อยๆ กล้ามเนื้อก็จะฝ่อและบางลง ดังนั้น หากสังเกตดูในรายที่ฉีดโบท็อกซ์บ่อยๆ รอบดวงตาและหน้าผาก ก็จะพบว่าเนื้อเยื่อใต้ตาจะยุบลง ทำให้เห็นว่าใต้ตาลึกเป็นเบ้า และส่วนหน้าผากก็ยุบเป็นร่องกลางหน้าผากเช่นกัน

 

 

แต่ทั้งนี้โดยปกติในผู้ที่อายุเกิน 30 ปี ก็มักเริ่มมีการยุบตัวของเนื้อเยื่อใต้ตาอยู่แล้ว ทำให้เห็นเป็นร่องใต้ตาและดูเหมือนคนอดนอนตลอดเวลา การแก้ปัญหาด้วยโบท็อกซ์จึงไม่ถูกต้อง และอาจทำให้เนื้อเยื่อใต้ตาและหน้าผากยุบเป็นร่องมากขึ้นด้วย สำหรับการรักษาด้วยการใช้เลเซอร์กระตุ้นผิว ให้ยกกระชับก็ไม่ถูกต้องตามหลักการ เพราะไม่ได้แก้การยุบตัวที่เป็นสาเหตุ

 

 

การรักษาด้วยฟิลเลอร์ซึ่งเป็นการแก้ส่วนที่ยุบ จึงเป็นการแก้ที่ตรงจุด การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น ปลอดภัยหากกระทำโดยแพทย์ที่ชำนาญ และฉีดด้วยเข็มปลายทู่ เพื่อหลีกเลี่ยงการฉีดเข้าหลอดเลือด ส่วนการเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ก็มีส่วนสำคัญ ฟิลเลอร์ที่ใช้ใต้ตาต้องเป็นชนิดเนื้อนิ่ม ไม่มีการเกาะตัวแน่นของเนื้อเจล ทำให้ยากระจายไปใต้ผิวที่บอบบางของใต้ตาได้ทั่วถึง ช่วยแก้ได้ทั้งร่องและริ้วรอยใต้ตา

 

 

นอกจากนี้เนื้อเจลฟิลเลอร์ต้องเป็นชนิดไม่ดูดน้ำมาก เพราะจะทำให้บวมมาก เป็นก้อนหลังฉีด สำหรับหน้าผากก็เช่นกัน การรักษาด้วยฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ตรงจุดในการแก้ไขทั้งร่องบุบและริ้วรอยอย่างได้ผลดีเลิศ

 

 

นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ

ผู้อำนวยการนานาชาติ สมาคมแพทย์เกาหลีเพื่อความงาม

ผู้อำนวยการ AIC ศูนย์นวัตกรรมความงาม

(Some images used under license from Shutterstock.com.)