Haijai.com


พัฒนาการเด็กด้วยทฤษฎีสมองซีกซ้ายและขวา


 
เปิดอ่าน 3182

ทฤษฎีสมองซีกซ้าย สมองซีกขวา (Left & Right Brain Bias)

 

 

ทฤษฎีสมองซีกซ้าย-ขวาของ ดร.โรเจอร์ ดับบลิว สเปอร์รี่ (Dr.Roger W. Sperry) แห่งวิทยาลัยฟิสิกส์อุตสาหกรรม มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งท่านได้ค้นพบในปี ค.ศ.1981 ว่าสมองคนเรานอกจากจะแบ่งออกตามขนาด เป็นสมองเล็ก สมองใหญ่ หรือแบ่งเป็นสมองส่วนหน้า ส่วนหลังแล้วยังสามารถแบ่งตามสมรรถภาพสมอง เป็นสมองซีกซ้าย-ซีกขวาได้อีกด้วย ซึ่งจากการค้นพบครั้งนี้ทำให้ท่านได้รับรางวัลโนเบล สาขาแพทยศาสตร์

 

 

สมองซีกซ้าย และสมองซีกขวาบอกอะไรในตัวเด็ก

 

สมองซีกซ้าย

สมองซีกขวา

จิตสำนึก
การสร้างข้อมูลในเชิงตรรกวิทยา
เป็นแหล่งพัฒนาพลังจิต
ทำหน้าที่ตัดสินใจด้วยความสามารถ
ทำหน้าที่ตัดสินใจด้วยความสามารถอย่างมีจิตสำนึก

จิตใต้สำนึก
ควบคุมระบบประสาท
เก็บข้อมูลความจำ
เก็บข้อมูลเหตุการณ์ ประสบการณ์
มีความคิดและอารมณ์เชิงสร้างสรรค์

 

 

สมองซีกซ้าย สมองซีกซ้ายจะควบคุมดูแลพฤติกรรมของมนุษย์

 

 การคิดในทางเดียว (คิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง)

 

 

 การคิดวิเคราะห์

 

 

 การใช้ตรรกศาสตร์และการใช้เหตุผลเชิงคณิตศาสตร์

 

 

 การใช้ภาษาที่มีทั้งการอ่าน และการเขียน

 

 

สมองซีกซ้ายจะควบคุมดูแลพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวกับการใช้เหตุผล การคิดวิเคราะห์ นอกจากนี้สมองซีกซ้ายยังเป็นตัวควบคุม การกระทำ การฟัง การเห็น และการสัมผัสต่างๆ ของร่างกายทางซีกขวาอีกด้วย

 

 

สมองซีกขวา สมองซีกขวาจะควบคุมดูแลพฤติกรรมของมนุษย์

 

 การคิดสร้างสรรค์

 

 

 การคิดแบบเส้นขนาน (คิดหลายเรื่อง แต่ละเรื่องจะไม่เกี่ยวข้องกัน)

 

 

 การคิดสังเคราะห์ (สร้างสิ่งใหม่)

 

 

 การเห็นเชิงมิติ (กว้าง ยาว ลึก)

 

 

 การเคลื่อนไหวของร่างกาย ความรัก ความเมตตารวมถึงสัญชาตญาณ และลางสังหรณ์ต่างๆ

 

 

สมองซีกขวาจะควบคุมดูแลพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ จริยธรรม อารมณ์ ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานในสายของวิชาการทางศิลปศาสตร์ (Arts) เป็นส่วนใหญ่ และยังเป็นตัวควบคุมการทำงานของร่างกายทางซีกซ้ายด้วย

 

 

ผลจากทฤษฎีสมองซีกซ้าย-สมองซีกขวา คุณพ่อคุณแม่จะเห็นว่าถ้าเราใช้สมองด้านใดด้านหนึ่งมากกว่าอีกด้านหนึ่ง อาจจะทำให้เกิดผลเสียได้ โดยเฉพาะในด้านของการอยู่ร่วมกันในสังคมปัจจุบันอย่างมีความสุข ดังนั้น ควรที่จะให้เด็กๆ ได้ใช้สมองทั้งสองซีกอย่างสมดุลกัน

(Some images used under license from Shutterstock.com.)