© 2017 Copyright - Haijai.com
Blighted Ovum ท้องลม ท้องหลอก
ในปัจจุบันมีผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่จำนวนมาก และในหญิงที่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักจะประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ ตลอดระยะเวลา 9 เดือนไม่มีปัญหาแทรกซ้อนเข้ามาให้หนักใจในระหว่างการตั้งครรภ์ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีผู้หญิงอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่ตั้งครรภ์แล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ก็อาจเกิดมาจากความไม่พร้อมหรือความไม่สมบูรณ์ของร่างกายนั่นเอง และส่วนหนึ่งที่ทำให้การตั้งครรภ์ไม่ประสบความสำเร็จอาจมาจากขาดการดูแลเอาใจใส่ที่ดีพอ และไม่ไปพบแพทย์ตามนัด ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะอย่างน้อยหากเกิดความผิดปกติขึ้นในครรภ์ แพทย์ก็จะวินิฉัยและดูแลรักษาได้ทันท่วงทีคะ
ทราบกันหรือไม่คะว่า การตั้งครรภ์ในผู้หญิงนั้นมีอยู่ปัญหาหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ จนทำให้เข้าใจไปว่าเรากำลังตั้งท้องอยู่ กรณีตัวอย่างเช่น คุณบี(นามสมมติ)เพิ่งจะแต่งงานกับสามีมาได้ 1 ปี ปรึกษากันว่าจะมีลูก จึงปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ คือไม่มีการคุมไม่ให้ตั้งครรภ์ จนผ่านมาสองเดือนที่ประจำเดือนไม่มาตามปกติและมีอาการแพ้ท้อง อาเจียนเวียนหัวอยู่พักใหญ่ๆ แต่แล้วอาการแพ้ท้องที่ว่านี้กลับหายไปเฉยๆ พร้อมกับมีเลือดออกมาทางช่องคลอด คุณบีและสามีจึงไปพบแพทย์ แพทย์จึงทำอัลตราซาวนด์ พบว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจริง แต่ไม่มีตัวเด็กแล้วมีแต่น้ำคร่ำเต็มไปหมดอย่างเดียว กรณีนี้คุณหมอได้วินิจฉัยว่าน่าจะเป็น Blighted Ovum หรือที่เรียกกันว่าท้องลม
Blighted Ovum หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่าง แล้วจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกกับการตั้งครรภ์ครั้งต่อไปได้อย่างนั้น คงต้องไปฟังจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญกันคะว่า คุณหมอจะมีข้อแนะนำอะไรบ้าง
Blighted Ovum คือตัวอ่อนที่ผสมแล้วเกิดการปฏิสนธิขึ้น (Ovumคือตัวอ่อน) แต่ตัวอ่อนที่เกิดขึ้นในครรภ์มารดานั้นเกิดเสียชีวิต ไปในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์ พอไปอัลตราซาวน์ดแล้วจะไม่พบตัวเด็ก พบเพียงถุงน้ำคร่ำอยู่รอบๆ ซึ่งโดยปกติแล้วการทำอัลตราซาน์ดในหญิงที่ตั้งครรภ์นั้น จะต้องพบตัวของเด็กด้วย ท้องที่ไม่มีตัวเด็กนี้เรียกว่าท้องลม หรือภาษาอังกฤษคือ Blighted Ovum ถือว่าเป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติอย่างหนึ่ง ซึ่งพอครรภ์โตขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้วร่างกายก็จะขับออกโดยมีเลือดออกมา ท้องลมถือเป็นสาเหตุของการแท้งชนิดหนึ่ง
หากการตั้งครรภ์นี้เกิดเป็นภาวะท้องลมขึ้นมา จะมีการวินิจฉัยจากอะไร และการรักษาทำได้อย่างไร
• อย่างแรกต้องทำการวินิจฉัยก่อนจากประวัติของคนไข้ ว่าคนไข้เคยมีประวัติว่าท้องแล้วมีเลือดออกหรือเปล่า ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีเลือดออกเล็กๆ น้อยๆ เลือดที่ออกมานั้นก็จะเป็น สีแดง สีชมพู สีน้ำตาล มีลักษณะแตกต่างกันไป และคนไข้อาจมีประวัติว่าเคยแพ้ท้องเยอะมากแต่อยู่ดีๆ การแพ้ท้องนั้นก็หายไปเฉยๆ นี่ก็ถือเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง ต่อมาคือการปวดท้องมาก ซึ่งมีเลือดซึมออกมาเพียงเล็กน้อยแต่มีการปวดท้องแบบรุนแรงมาก การวินิจฉัยจากอาการปวดท้องนี้อาจเป็นการที่มดลูกบีบตัวเพื่อที่จะขับสิ่งที่อยู่ในมดลูกออกมา ซึ่งจากประวัติของคนไข้เบื้องต้นเหล่านี้จะช่วยให้คุณหมอหาทางรักษาได้ง่ายขึ้น
• อย่างที่สองการทำอัลตราซาวน์ด ซึ่งการทำอัลตราซาวน์ดนี้สามารถทำได้ 2 ทาง คือ การอัลตราซาวน์ดตรวจทางหน้าท้องกรณีคนไข้จะต้องกลั่นปัสสาวะมากๆ ก่อนทำอัลตราซาวน์ด เพื่อที่จะได้มองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำปัสสาวะนั่นก็คือมดลูก วิธีที่สองเป็นการทำอัลตราซาวน์ดทางช่องคลอด โดยการสอดเครื่องมือลงไปทางช่องคลอด หัวตรวจอัลตราซาวน์ดจะไปสัมผัสโดยตรงใกล้กับมดลูก วีธีนี้จะทำให้เห็นภาพอัลตราซาวน์ดที่ชัดเจนมากกว่า และก็ง่ายต่อการวินิจฉัยเพื่อทำการรักษาต่อไป
• วิธีการรักษาจะมี 2 วิธี ให้คนไข้เลือกหากเกิดภาวะท้องลม คือ 1 โดยการขูดมดลูกออกแล้วทำความสะอาดให้เรียบร้อย 2 ให้คนไข้รอดูอาการก่อน หรือที่เรียกว่าการตกเลือด หากมีเลือดออกมามากก็ให้คนไข้กลับมาพบแพทย์อีกครั้งเพื่อเช็กดูว่ายังมีเศษรก หรือชิ้นเนื้อหลงเหลืออยู่หรือไม่ ถ้ายังมีอยู่ก็ต้องทำการขูดออกให้หมด แต่โดยส่วนมากคนไข้จะเลือกวิธีแรกคือการขูดมดลูกออก
การเตรียมตัวสำหรับท้องที่สอง หลังจากท้องแรกเกิดเป็นท้องลม
หลังจากที่คนไข้เกิดการแท้งเนื่องจากภาวะท้องลม และได้มีการขูดมดลูกออกไปแล้ว หลังจากนั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ หมอจะนัดคนไข้ เพื่อมาตรวจดูความเรียบร้อย และฟังผลของชิ้นเนื้อที่ขูดออกมาแล้วนำไปตรวจ หากชิ้นเนื้อนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็จะแนะนำให้คนไข้คุมกำเนิดไว้ก่อน การคุมกำเนิดโดยการให้ฝ่ายชายใช้ถุงยางอนามัยหากมีเพศสัมพันธ์กันซัก 2-3 เดือน (หลังจากขูดมดลูกออกไปแล้ว ประมาณเดือนเศษๆ ถึง 1 เดือน ประจำเดือนก็จะมาเป็นครั้งแรก) ซึ่งการมีประจำเดือนครั้งแรกนี้อย่าเพิ่งปล่อยให้ตั้งครรภ์ ให้รอจนกว่าจะมีประจำเดือนครั้งที่ 2 ให้เรียบร้อยแล้วถึงจะปล่อยให้ตั้งท้องได้
การดูแลสุขภาพให้พร้อมก่อนการตั้งครรภ์
คุณหมอแนะนำว่าให้ตรวจร่างกายก่อนการตั้งครรภ์ทั้งสามีและภรรยา เพื่อจะได้วางแผนได้ว่าควรจะดูแลสุขภาพอย่างไรเพื่อให้การตั้งครรภ์นั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ โดยการตรวจสุขภาพนั้นทางโรงพยาบาลจะมีรายการว่า จะต้องตรวจสุขภาพเพื่อหาโรคที่ซ่อนอยู่ในตัวทั้งสามีและภรรยา อะไรบ้าง
• โรคทาลัสซีเมีย คือโรคโลหิตจางจากพันธุกรรมที่ได้มาจากพ่อหรือแม่ โรคทาลัสซีเมียหากตรวจพบว่าทั้งพ่อและแม่เป็นทาลัสซีเมีย โอกาสที่ลูกจะผิดปกติอยู่ภาวะที่เสี่ยงค่อนข้างสูงมาก
• โรคซิฟิลิส คือกามโรคในเลือด การติดเชื้อนี้สามารถทำให้เด็กที่คลอดออกพิการได้
• ไวรัสตับอักเสบบี ตรวจเพื่อดูว่าทั้งพ่อและแม่มีภูมิต้านทานหรือเปล่า
• ตรวจกลุ่มเลือดต่างๆ กรุ๊ป A B O กรุ๊ปย่อย Rh ว่ามีความผิดปกติหรือเปล่า
• โรคหัดเยอรมัน ตรวจเพื่อจะได้ทราบว่ามีภูมิต้านทานหรือไม่
• โรคเอดส์ ตรวจเพื่อหาความเสี่ยงก่อนการตั้งครรภ์
การเจาะเลือดเพื่อตรวจหาดูความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ นั้นจะเป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดในระหว่างตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี รวมถึงการวางแผนที่ถูกต้องก็จะทำให้ความพร้อมสมบูรณ์ของการตั้งครรภ์นั้นไม่เกิดปัญหาตามได้
นพ.ทวีศักดิ์ หาญพานิชเจริญ
สูตินรีแพทย์ สาขามารดาและทารกในครรภ์
โรงพยาบาลพญาไท 3
(Some images used under license from Shutterstock.com.)