© 2017 Copyright - Haijai.com
กาแฟกับสุขภาพตับ
กาแฟที่หอมกรุ่มนั้น ด้านหนึ่งก็ทำให้อาการกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน แต่อีกด้านหนึ่งกาแฟก็ส่งผลดีต่อตับ เนื่องจากมีสารในกลุ่มไดเทอร์ปีน ที่ช่วยยับยั้งการเปลี่ยนสารจากภายนอกร่างกายให้อยู่ในรูปสารพิษ และช่วยกระตุ้นกระบวนการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้กาแฟยังมีสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้กาแฟยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ งานวิจัยพบว่าการดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันพอกตับและมะเร็งตับ อย่างไรก็ตามดังที่กล่าวไว้แต่ต้นว่า กาแฟมีด้านลบ และกาแฟถ้วยโปรดของหลายคนก็หวานมันด้วยน้ำตาลและครีม สิ่งเหล่านี้จึงเป็นอีกจุดหนึ่งของผู้ที่คิดจะดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพ
กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่มนุษย์มาแต่ยุคโบราณ ผลของกาแฟต่อร่างกายที่ทุกคนนึกถึงมักจะเป็นผลลบ เช่น ทำให้นอนไม่หลับ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน หรือทำให้อาการกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น แต่ภายในกาแฟหนึ่งแก้ว มิได้มีเพียงแต่คาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ระบบประสาทตื่นตัวเท่านั้น ยังมีพฤกษเคมีตัวอื่นๆ เช่น กรดคาเฟอิกและกรดคลอโรจินิค ซึ่งเป็นสารประกอบในกลุ่มโพลีฟีนอล คาเฟสตอลและคาห์วีออล ซึ่งเป็นสารในกลุ่มไดเทอร์ปีน เป็นต้น ประกอบกับข้อมูลจากงานวิจัยต่างๆ ผลของกาแฟจึงยังมีอีกมาก ทั้งด้านดีและไม่ดี ในบทความนี้จะอธิบายถึงด้านบวกของกาแฟที่หลายคนอาจจะไม่ทราบกัน นั่นก็คือ ช่วยรักษาสุขภาพของตับ ซึ่งเป็น “โรคงานใหญ่” ของร่างกายที่มีหน้าที่ทั้งการสร้างสารต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น อัลบูมิน กลูโคส น้ำดี และทำลายสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ตับยังเป็น “โกดัง” เก็บสารอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรตในรูปของกลัยโคเจน การรักษาสุขภาพตับจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อการรักษาสุขภาพกาย
กาแฟไปทำอะไรกับตับ
ในบรรดาพฤกษเคมีหลายชนิดที่มีในกาแฟ สารในกลุ่มไดเทอร์ปีน ได้แก่ คาเฟสตอลและคาห์วีออล ก่อให้เกิดผลดีต่อตับ โดยสารกลุ่มนี้จะช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ที่กระตุ้นความเป็นพิษของสารเคมีจากภายนอกร่างกาย และเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ที่ขจัดสารพิษ นอกจากนี้ในกาแฟยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านอักเสบ ซึ่งช่วยลดความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตับ ดังเช่นการศึกษาถึงผลของกาแฟต่อการเกิดไขมันพอกตับในหนูทดลอง พบว่าหนูที่ได้รับกาแฟมีค่าเลือดที่แสดงถึงการที่ร่างกายถูกทำลายด้วยอนุมูลอิสระ น้อยกว่าหนูที่ไม่ได้รับกาแฟ
กาแฟกับไขมันพอกตับ
ไขมันพอกตับเป็นโรคที่สัมพันธ์กับการที่ร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินน้อยลง โดยเชื่อว่า ภาวะดังกล่าวทำให้ไขมันสะสมในตับมากขึ้น ไขมันที่สะสมในตับของผู้ป่วยบางราย เกี่ยวข้องกับการอักเสบของเนื้อตับ ทำให้เกิดพังผืดตามมา นำไปสู่การเกิดตับแข็งในที่สุด การศึกษาหลายงานแสดงให้เห็นว่า กาแฟช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันสะสมในตับได้
งานวิจัยจากอิตาลีงานหนึ่งได้เปรียบเทียบผู้ที่มีไขมันพอกตับจำนวน 157 คน กับผู้ที่ไม่มีไขมันพอกตับอีก 153 คน พบว่า การดื่มกาแฟสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันพอกตับ ในขณะที่ภาวะดื้อต่ออินซูลินและโรคอ้วน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันพอกตับ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยจากญี่ปุ่นที่วิเคราะห์ข้อมูลของพนักงานออฟฟิศเพศชายจำนวน 1,612 คน ที่ปีใดปีหนึ่ง และติดตามผลต่อไปอีกห้าปี ผลการศึกษาที่จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง พบว่าผู้ที่มีไขมันพอกตับจะดื่มกาแฟน้อยกว่าผู้ที่ไม่มีไขมันพอกตับ และเมื่อมองดูผลต่อเนื่อง 5 ปีของผู้ที่ไม่มีไขมันในตับ ตอนปี พ.ศ.2542 จำนวน 492 คน เมื่อถึงปี พ.ศ.2547 ผู้ชายจำนวน 328 คน ยังมีตับเป็นปกติ ในขณะที่อีก 164 คน มีไขมันพอกตับ ผู้ที่ไม่มีไขมันในตับจะดื่มกาแฟเพิ่มขึ้น จากเฉลี่ยวันละ 2.6 ถ้วยในปี พ.ศ. 2542 เป็น 3 ถ้วยในปี พ.ศ.2547 ในขณะที่ผู้ที่มีไขมันพอกตับ จะดื่มกาแฟลดลงจาก 2.6 ถ้วยในปี พ.ศ.2542 เป็น 2.3 ถ้วย ในปี พ.ศ.2547
กาแฟกับมะเร็งตับ
มะเร็งตับนับเป็นภัยร้ายสุขภาพที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง ดังสถิติปรากฏว่า มะเร็งตับชนิด hepatocellular carcinoma (HCC) เป็นสาเหตุการตายอันดับสามของมะเร็งทั้งหมด มะเร็งชนิดนี้พบบ่อยเป็นอันดับหนึ่งในชายไทย การป้องกันมะเร็งชนิดนี้ จึงมีความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตและการมีอายุยืน กาแฟในฐานะแหล่งรวมพฤกษเคมีที่ดีต่อตับ ก็แสดงผลในการลดความเสี่ยงขอการเป็นมะเร็งตับ ซางและคณะนักวิจัยชาวจีนได้วิเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยในมนุษย์ทั้งหมด 16 งาน แล้วพบว่า การดื่มกาแฟสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับได้ถึง 50%
จากที่กล่าวมาทั้งหมด กาแฟจึงไม่ได้ “ร้ายบริสุทธิ์” เสียทีเดียว หากแต่ยังมีด้านดีต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกาแฟนั้น มีทั้งผลดีและผลเสียต่อร่างกาย การตัดสินใจดื่มกาแฟ จึงควรคำนึงถึงสภาพร่างกายว่า อ่อนไหวต่อฤทธิ์ในด้านลบของกาแฟหรือไม่ กำลังรับประทานยาหรือได้รับการรักษาอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า นอกจากนี้กาแฟถ้วยโปรดของหลายๆ คน มักจะเต็มไปด้วยน้ำตาลและ / หรือครีม ซึ่งทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเพิ่มไปอีก จนอาจทำให้น้ำหนักเกินเกณฑ์ได้ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนผู้ที่ไม่ชอบดื่มกาแฟก็อย่าเพิ่งเสียใจว่าหมดโอกาสป้องกันโรคตับ วิธีป้องกันโรคตับยังมีอีกหลายวิธี เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงสารเคมี ยาสมุนไพรที่ไม่รู้แหล่งที่มา อาหารขึ้นรา รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ เป็นต้น เท่านี้เราก็จะสามารถรักษาโรงงานและโกดังแห่งชีวิตเอาไว้ได้
(Some images used under license from Shutterstock.com.)