© 2017 Copyright - Haijai.com
ฟลาโวนอยด์ ตัวช่วยสุขภาพ
การมีอายุมากขึ้นในทางหนึ่งได้สร้างความวิตกกังวลให้กับพวกเรา เพราะนั่นหมายถึงความเสื่อมถอยของร่างกายที่ค่อยๆ คืบคลาน อวัยวะต่างๆ ที่เคยทำงานได้ดี ก็ทำงานได้ลดน้อยลง หนำซ้ำยังเกิดโรคตามมาถ้าดูแลไม่ดี หลายคนจึงมองหาทางเลือกชะลอวัย หรือบำรุงร่างกายให้แข็งแรงแม้ว่าจะมีอายุมากขึ้น ทางเลือกเหล่านั้นจริงๆ แล้ว ไม่ใช่ของหายากที่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปหา หรือเป็นของราคาแพง หากแต่อยู่ในของรอบๆ ตัว ดังเช่นในกรณีของฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบได้ทั่วไปในพืชหลายชนิด ฟลาโวนอยด์เป็นสารชนิดหนึ่งสร้างสีสันที่สวยงามให้ดอกไม้และผลไม้บางชนิด (เบอร์รี่และแอปเปิล) ส้ม หัวหอม ชา ถั่วเหลือง และบรอกโคลีก็เป็นแหล่งของฟลาโวนอยด์ ฟลาโวนอยด์บางตัว เช่น เอสเพอริดิน ก็ถูกสกัดนำมาใช้ทำเป็นยาทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และใช้รักษาเส้นเลือดขอดและริดสีดวงทวาร
การสำรวจในสหรัฐอเมริกางานหนึ่ง ได้เก็บข้อมูลผู้หญิงที่มีอายุในช่วงห้าสิบตอนปลาย ระหว่างปี ค.ศ.1984-1986 จำนวน 13,818 คน ซึ่งยังไม่ป่วยด้วยโรคร้ายแรใดๆ เกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่เป็นแหล่งของฟลาโนอยด์ แล้วติดตามอาสาสมัครไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงที่อาสาสมัครมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ผลปรากฏว่าผู้หญิงที่อายุมากขึ้นอย่างมีสุขภาพดี (การศึกษานี้นิยาม “อายุมากขึ้นอย่างมีสุขภาพดี” ว่าต้องปราศจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ พาร์กินสัน เป็นต้น ไม่มีความบกพร่องของการรับรู้ สมรรถภาพทางกายไม่เสื่อมถอยมากจนเกินไป และมีสุขภาพจิตที่ดี) จะได้รับฟลาโวนอยด์จากอาหารเมื่อตอนเริ่มต้นการศึกษามากกว่าผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น แล้วพบความเสื่อมถอยทางร่างกายหรือจิตใจ อาหารที่เป็นแหล่งที่ดีของฟลาโวนอยด์ตามการศึกษานี้ ได้แก่ ผลไม้ตระกูลส้ม (ทั้งผลสดและน้ำผลไม้) หัวหอม และเบอร์รี่ (สตรอว์เบอร์รี่และบลูเบอร์รี่) ผู้วิจัยเห็นว่ากลไกที่อยู่เบื้องหลังผลดีของฟลาโวนอยด์ต่อร่างกายมนุษย์ คือ ความสามารถในการขจัดอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ซึ่งทั้งสองกระบวนการล้วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคเรื้อรังและความเสื่อมเมื่อสูงอายุ
การที่จะก้าวย่างไปบนถนนสายชีวิตอย่างแข็งแกร่งและมั่นใจ จึงจำเป็นต้องเริ่มเสียแต่วันนี้ ด้วยเคล็ดลับที่ไม่ลับดังที่พวกเราทั้งหลายก็ย่อทราบอยู่ แต่จะทำให้หรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง จำไว้ว่าสุขภาพดีไม่ได้เป็นของผู้ที่มีเงินมาก เพราะเงินไม่อาจซื้อสุขภาพได้ แต่เป็นของผู้ที่มีความเอาใจใส่ร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง เริ่มต้นเสียแต่วันนี้ ก็เท่ากับมีชัยไปแล้วกว่าครึ่ง ในขณะที่การผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ก็อาจไม่บรรลุผลใดๆ เลย เพราะบางที “แค่รอวันพรุ่งนี้ ก็สายไปเสียแล้ว”
(Some images used under license from Shutterstock.com.)