
© 2017 Copyright - Haijai.com
คัน อย่าแก้แค่เกา
คัน เป็นอาการของโรค โดยเฉพาะอาการคันเรื้อรัง เวลาคนเราคันไม่ว่าจะคันเล็กน้อย หรือคันมาก เรามักจะเกาบริเวณที่คันตามสัญชาตญาณ ยิ่งเกายิ่งมัน ยิ่งคันยิ่งเกา แต่มันแปลกที่การเกาโดยสัญชาตญาณนี้ ไม่มีประโยชน์แต่กลับมีโทษมาก ผู้เชี่ยวชาญประมาณการณ์ว่าในโลกนี้ มีคนประสบปัญหาคันเรื้อรังราว 280 ล้านคนหรือประมาณ 4% ของประชากรโลก จำนวนคนที่มีอาการคันดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เฉพาะที่ประเทศเยอรมนีมีผู้ใหญ่เป็นโรคนี้ราว 13-26% ในเบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าผู้ที่มีอาการคัน มักจะมีสาเหตุทางกาย เช่น ภาวะขาดธาตุเหล็ก
ศาสตราจารย์ Sonja Stander หมอผู้เชี่ยวชาญแห่งสถานบันรักษาโรคคันที่ Munster ประเทศเยอรมนี กล่าวว่าหลังจากที่สาเหตุของโรคได้รับการรักษาหายแล้ว เช่น โรคตับ แทนที่อาการคันจะหายไป บางรายกลับยังคงคันอยู่ และกลายเป็นโรคในตัวมันเองต่อไป ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันจึงเป็นอย่างนั้น มีคนไข้ประมาณ 15% ที่ปัญหานี้ร้ายแรงมาก หมอคนเดียวกันกล่าวว่า “คนไข้เหล่านี้มีความรู้สึกคันเป็นอย่างมาก มีความทรมานมากพอสมควร และเกาตัวเองมาก” ศูนย์นี้รักษาคนไข้ปีละประมาณ 600 คน โรคนี้มักจะมีสิ่งกระตุ้นอาการคัน เช่น การติดเชื้อ การแพ้สารเคมี และภาวะแวดล้อมหลายอย่าง (ตัวอย่าง เช่น อาการคันก้นอาจจะเกิดจากการเช็ดก้นแรงๆ ซึ่งทำให้เกิดแผลถลอก เชื้อโรคจากอุจจาระเข้าแผลทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งตอนเริ่มแรกเป็นน้อยๆ จะมีอาการคันนำมาก่อนอาการเจ็บปวด)
เวลามีอาการคันไม่ควรเกา เพราะการเกาทำให้ผิวหนังเป็นแผลถลอก ซึ่งเป็นทางเข้าของเชื้อโรค ทำให้เกิดแผลติดเชื้อ ซึ่งถ้าไม่รักษาจะลุกลามเป็นแผลติดเชื้อที่ร้ายแรงมากขึ้น อาจจะใช้วิธีลูบผิวหนังแทนหรือใช้น้ำลูบ น้ำจะช่วยในกรณีที่ผิวคันจากอากาศแห้ง (เช่น ในฤดูหนาว) นอกจากนี้ก็มียาแก้คันขายตามร้านขายยา ทั้งยากินยาทา ถ้าทำอย่างนั้นแล้ว ไม่หาย ต้องไปหาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น ตรวจดูว่าติดเชื้อราหรือไม่ ฯลฯ เด็กหญิงหลายคนขาลาย เนื่องจากชอบเกาที่คันจากยุงกัด ทำให้เกิดแผลติดเชื้อเป็นๆ หายๆ เป็นเวลานาน เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่มีความรู้ ทำให้เด็กหน้าตาสะสวยแต่ขาลาย ด้วยเหตุนี้จึงอย่าประมาณอาการคัน
(Some images used under license from Shutterstock.com.)