
© 2017 Copyright - Haijai.com
หยุดโกรธช่วยตับทำงานดี
“ตับ” เป็นอวัยวะขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย ตั้งอยู่บริเวณชายโรงด้านขวา เลยมาถึงลิ้นปี่ หนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม หรือประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว และทำหน้าที่หลากหลายที่สุดด้วย
ตับทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดแดงเมื่อยังเป็นทารก ถ้าไม่มีตับ เลือดจะไหลออกจากตัวไม่หยุด เพราะตับมีหน้าที่สร้างสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว เวลาเกิดบาดแผล ในแต่ละวันเลือดจะไหลผ่านตับจำนวนมากเพื่อกรองอาหาร สารพิษหรือเชื้อโรค รวมไปถึงช่วยกำจัดสารพิษจากสิ่งที่เรากินเข้าไป
ตับทำหน้าที่กักเก็บเลือดไว้ก่อนไหลผ่านสู่หัวใจ เปรียบเสมือนเขื่อนกั้นน้ำ ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่อยู่ได้ก็เพราะตับ น้ำดีซึ่งช่วยย่อยไขมันนั้นสร้างขึ้นโดยตับ ตับมีหน้าที่สร้างวิตามินเอ สะสมธาตุเหล็กและเกลือแร่
เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่กินอาหารเป็นสัปดาห์ ก็เพราะตับช่วยสะสมอาหารไว้ใช้ยามขาดแคลน ร่างกายเราสามารถต่อสู้กับมลพิษเชื้อโรครอบตัวได้ก็เพราะ “ตับ” โดยสรุปแล้ว ตับมีหน้าที่ประมาณ 200 อย่าง ซึ่งไม่สามารถนำมาเขียนอธิบายได้หมด ตับต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เกิดจนตาย เช่นเดียวกับหัวใจ
แพทย์แผนจีนกำหนดให้ตับเป็นหนึ่งในห้าของอวัยวะสำคัญ (อู๋จั้ง หรืออวัยวะสำคัญทั้งห้า ได้แก่ หัวใจ ปอด ม้าม ตับ และไต) และเขียนบอกไว้อย่างชัดเจนว่า อารมณ์ที่ทำลายตับ คือ ความโกรธ คนโกรธง่าย ดุ ทำงานเร็วเกินไป คิดเร็ว พูดเร็ว มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งตับสูง
สำหรับแพทย์แผนปัจจุบันระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ตับจะพังจากการดื่มเหล้ามากที่สุด ในประเทศสหรัฐอเมริกา โรคตับซึ่งพบมากที่สุด เกิดจากการดื่มเหล้า และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 4 ของชาวอเมริกันในคนไทย มะเร็งตับคร่าชีวิตคนไทยสูงสุดในบรรดามะเร็งทุกประเภท ผู้ชายมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งตับมากกว่าผู้หญิง 4.5 เท่า สำหรับบางคนเหล้าเพียงแก้วเดียว ก็สามารถทำให้ตับเป็นแผลไปตลอดชีวิตได้ เนื่องจากตับเป็นแผลง่ายมาก และเมื่อเป็นแล้วจะเป็นแผลถาวร ไม่มีวันหาย ซึ่งเรียกกันว่า “ตับแข็ง”
คำว่า “ตับแข็ง” หมายถึง การมีแผลเป็นในตับ เกิดจากตับอักเสบมาก กระทั่งเซลล์ตับตาย กลายเป็นพังผืดมาแทนที่ แม้ว่าตับจะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นทดแทนได้บางส่วน แต่ก็ไม่สามารถทดแทนเซลล์เก่าได้ทั้งหมด ทำให้ตับทำงานผิดปกติ ทำงานน้อยลง และเซลล์ที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ อาจกลายเป็นมะเร็งต่อไปได้ โดยคนไข้มะเร็งตับมีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดช่วง 1 ปีแรก การเสียชีวิตจะเร็วหรือช้าขึ้นกับว่า สามารถหยุดเหล้าได้เร็วแค่ไหน ถ้าใครดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าวันละ 50 กรัม หรือเท่ากับสุรา 200 ซีซี ติดต่อกัน 5 ปี มีโอกาสเป็นโรคตับแข็งสูงมาก นอกจากนั้นอาจเกิดภาวะอ้วนลงพุง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งตับ เนื่องจากตับจะอักเสบจากไขมันที่ซ่อนอยู่ จนพัฒนากลายไปเป็นมะเร็ง
อาการเริ่มแรกของโรคตับ คือ ปวดบริเวณลิ้นปี่และใต้ชายโครงด้านขวา คลื่นไส้อาเจียน น้ำหนักลด เลือดออกง่าย เกิดภาวะดีซ่าน บวมบริเวณแขนขา หลังเท้า อึดอัด แน่นท้อง และหากอาเจียนเป็นเลือด ก็เตรียมจองวัดไว้ได้เลย (มีชีวิตอยู่ไม่เกิน 6 เดือน บางรายแค่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น)
ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียวสำหรับคนไข้โรคตับ ทั้งตับวายและตับแข็ง (เป็นอวัยวะที่แข็งแล้วไม่ดี) เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีที่สามารถปลูกถ่ายตับได้ ตับใหม่ที่ได้รับการปลูกถ่าย สามารถทำหน้าที่ได้ดีในปีแรกของการผ่าตัด ซึ่งมีจำนวนถึงร้อยละ 75 และในเด็กจะมีจำนวนถึงร้อยละ 80 อุปสรรค คือ คนเรามีตับอันเดียว ไม่เหมือนไตที่มีสองข้าง สามารถแบ่งให้คนอื่นได้หนึ่งข้าง โดยที่ตัวเองยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่สำหรับตับ ถ้าไม่รักกันจริงคงไม่มีใครยอมผ่าตัดตัวเอง เพื่อแบ่งให้คนอื่น เพราะมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าการเปลี่ยนไตมาก
เราสามารถดูแลตับของเราได้ด้วยการไม่กินยาพร่ำเพรื่อ ไม่ดื่มเหล้า ระวังการติดเชื้อไวรัส ไม่สูดดมละอองสเปรย์ต่างๆ ยาฆ่าแมลง สีพ่นหรือสารเคมีที่พ่นเป็นสเปรย์ อาหารแห้งเก่าเก็บ เช่น กระเทียม พริกป่น ปลาหมึกแห้ง ถั่ว เพราะมีโอกาสปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อรา ที่ทำลายตับอยู่สูงมาก ตับมีหน้าที่ในการกรองและทำลายสารพิษออกจากเลือด แต่ถ้าสารพิษในเลือดมีปริมาณมากเกินไป ตับจะทำงานไม่ไหว และเกิดภาวะตับวายในที่สุด
เชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อตับ ได้แก่ เชื้อไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งอันตรายมาก เป็นสาเหตุสำคัญของโรคตับแข็ง และมะเร็งตับ ที่น่าตกใจ คือ คนไทยทุกๆ 100 คนมีเชื้อไวรัสตัวนี้ แฝงอยู่ในตัว 10 คน คนกลุ่มนี้มีโอกาสเป็นมะเร้งตับมากกว่าคนทั่วไปถึง 250 เท่า ที่สำคัญคือ เชื้อโรคตัวนี้สามารถปะปนอยู่ในน้ำลาย น้ำตา สารคัดหลั่งต่างๆ ที่ออกมาจากร่างกาย และตายยาก ทำให้ต้องพึงระมัดระวังการสัมผัสน้ำลาย น้ำตาของผู้ที่มีเชื้อ
มีผู้มีชื่อเสียงในสังคมหลายต่อหลายคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ โดยส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 3-6 เดือนหลังการตรวจพบ เพราะตับเป็นอวัยวะที่ทำงานทดแทนกันได้ แม้จะเสียหายไปบางส่วน จึงไม่ค่อยแสดงอาการ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบความผิดปกติบ้าง เช่น เจ็บที่ชายโครงด้านขวา เหนื่อยง่ายกว่าปกติ แต่ถ้าถึงขนาดเบื่ออาหาร น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว จุกเสียดแน่นท้อง แสดงว่าอาการหนักแล้ว
เรื่องของตับได้ผ่านการวิจัยลงลึกไปถึงระดับเซลล์และองค์ประกอบภายในอย่างละเอียด โดยนักวิทยาศาสตร์และทีมแพทย์ทั่วโลกลงทุนวิจัยไปแล้วนับแสนล้านบาท และแพทย์แผนปัจจุบันในไทยก็ได้รับการยอมรับว่า มีความรู้อยู่ในระดับแนวหน้าของโลก ดังนั้น การรักษาโรคที่ร้ายแรงทุกชนิดไม่ควรหวังพึ่ง ปาฏิหาริย์หรือแพทย์ทางเลือกที่ไม่ได้มีผลงานการวิจัยมายืนยัน
แม้ปัจจุบันกระแสแพทย์ทางเลือกจะมาแรง แต่ก็ควรตระหนักและรู้ถึงศักยภาพของตนเอง ว่ามีขอบเขตอยู่ในระดับไหน
ทั้งนี้อยู่ที่คนไข้ที่ต้องรับรู้ข้อมูล และเลือกรับบริการแพทย์ทุกศาสตร์อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ทันตแพทย์สม สุจีรา
(Some images used under license from Shutterstock.com.)