© 2017 Copyright - Haijai.com
น้ำช่วยฟิตหุ่นเยียวยาป่วย
ถ้าพูดถึงการออกกำลังกายในน้ำ ผู้อ่านส่วนใหญ่คงนึกถึงการว่ายน้ำใช่ไหมคะ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่มีประโยชน์มาก เพราะทำให้ได้บริหารร่างกายทุกส่วนในเวลาเดียวกัน
แต่นอกจากการว่ายน้ำแล้ว การออกกำลังกายในน้ำยังมีรูปแบบอื่นๆ อีก เช่น การเดินหรือวิ่งแกว่งแขนในน้ำ (Aqua Fitness) เต้นแอโรบิกในน้ำ (Aqua Aerobic) ที่ไม่จำเป็นต้องว่ายน้ำเป็นก็เล่นได้
ส่วนในต่างประเทศก็มีการปั่นจักรยานในน้ำ การกระโดดน้ำ ระบำใต้น้ำ โปโลน้ำ
จะเห็นได้ว่า การออกกำลังกายในน้ำมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นเรื่องดีต่อทุกคน เพราะจะทำให้เล่นได้โดยไม่รู้สึกจำเจ เกิดความสนุกสนานในการออกกำลังกายหรือแข่งขัน
เรามาดูกันดีกว่าว่า การออกกำลังกายในน้ำมีดีอะไร
น้ำมีคุณสมบัติในการช่วยลอยตัวหรือพยุงลำตัว และยังมีแรงต้าน ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง จึงช่วยลดแรงกดที่กระทำต่อข้อเท้าและข้อเข่าให้น้อยลง
การวิ่งในน้ำที่มีความสูงระดับเอว น้ำจะช่วยรองรับน้ำหนักตัวไว้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ หรือน้ำหนักจะลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ ที่ความสูงระดับอก น้ำหนักจะลดลงไป 30 เปอร์เซ็นต์ และที่ความระดับไหล่หรือลำคอ น้ำหนักจะลดลงไป 10 เปอร์เซ็นต์
ยิ่งน้ำลึกมากเท่าไร น้ำหนักเราจะลดลงมากเท่านั้น แต่การออกกำลังกายในน้ำลึกจะมีความยากมากกว่าน้ำตื้น
ความจริงแล้วเราอยู่กับน้ำมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ คุณแม่บางคนเลือกคลอดลูกในน้ำ การออกกำลังกายในน้ำจึงให้ประโยชน์ต่อคนแต่ละช่วงวัยและผู้ที่อยู่ในกรณีพิเศษแตกต่างกัน
1.เด็กทารก ช่วยเรื่องการทรงตัว พัฒนาการทางสมองร่างกายเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เด็กควรเริ่มว่ายน้ำตั้งแต่อายุ 3 เดือนขึ้นไป เขาจะรู้สึกสนุกสนาน ไม่กลัวน้ำ เพราะคุ้นเคยกับน้ำตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญนะคะ
นอกจากนี้ยังมีการใช้วารีบำบัดเยียวยาเด็กที่มีปัญหาทางด้านร่างกายและสมองอีกด้วย
2.วัยเด็ก ชอบการเล่นน้ำและว่ายน้ำอยู่แล้ว ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย กล้ามเนื้อแขน ขา ลำตัว แข็งแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการออกกำลังกายในช่วงวัยรุ่นตอนต้น ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายเจริญเติบโตที่สุด จะยิ่งส่งเสริมให้เด็กหญิงและเด็กชายตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
3.วัยผู้ใหญ่ ช่วยสร้างความสดชื่นและคลายเครียดจากการทำงาน รักษารูปร่าง ช่วยพยุงข้อต่อและกล้ามเนื้อ ลดอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการออกกำลังกายบนบกชนิดอื่นๆ
4.ผู้สูงอายุ เป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะน้ำจะช่วยพยุงไม่ให้ล้มได้ง่าย การเคลื่อนไหวที่ช้าและนุ่มนวลในน้ำ ปลอดภัยกว่าการออกกำลังกายบนบก แต่ควรมีผู้ดูแลอยู่ใกล้ๆ
5.ผู้หญิงตั้งครรภ์ เพราะน้ำจะช่วยพยุงน้ำหนัก จึงช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดเมื่อยตึงของกล้ามเนื้อ และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แรงดันในน้ำจะทำหน้าที่เหมือนการนวด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการหมุนเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ลดอาการแขนและขาบวมได้ดี และลดความเสี่ยงการเกิดเส้นเลือดขอดได้เช่นเดียวกัน
คลินิกกายภาพบำบัดหลายแห่ง จึงนำการออกกำลังกายในน้ำ มาช่วยบำบัดร่วมด้วย เพราะมีประโยชน์มากมาย
6.คนอ้วน หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่า ข้อเท้า ปวดหลัง หรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่ไม่สามารถออกกำลังกายทั่วไปได้ การออกกำลังกายในน้ำ จึงเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง
ผู้เขียนเองเคยได้รับบาดเจ็บขณะซ้อมวิ่ง จึงใช้การออกกำลังกายในน้ำช่วย ทั้งเตะ ถีบในน้ำ รู้สึกว่าเหนื่อยมาก ไม่ต่างจากการวิ่งบนบกเลย ซึ่งทำให้อาการบาดเจ็บบรรเทาลง และช่วยสร้างกำลังแขนและขาได้เหมือนเดิม
นอกจากประโยชน์ทางด้านสุขภาพแล้ว การออกกำลังกายในน้ำยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีก ดังนี้
1.ด้านจิตใจ สร้างความมั่นใจในการทำกิจกรรมทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นน้ำในแม่น้ำ ในทะเล การพายเรือ หรือการตกปลา
2.ด้านสังคม การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน และจะยิ่งสนุกหากเล่นเป็นกลุ่ม เช่น โยนลูกบอล เป็นการเปิดโอกาสให้คนได้รู้จักกัน ส่งเสริมและปลูกฝังให้เด็กมีน้ำใจ รู้จักแบ่งปัน
3.ด้านอารมณ์ การออกกำลังกายทุกประเภททำให้สารแห่งความสุขหลั่ง สร้างความกระปรี้กระเปร่าและคลายเครียด
4.สานสัมพันธ์ภายในครอบครัว สำหรับครอบครัวที่ไม่มีเวลามากนัก ลองใช้เวลาวันเสาร์หรืออาทิตย์ออกกำลังกายในน้ำร่วมกัน เพื่อเติมความรักความผูกพันในครอบครัว
5.สามารถต่อยอดจากการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเป็นการแข่งขัน เป็นนักกีฬามืออาชีพ หากลูกของท่านมีพรสวรรค์หรือขยันฝึกซ้อม อาจส่งเสริมให้เขาเป็นนักกีฬาอาชีพ เพื่อลดปัญหา การติดเพื่อน ติดยาเสพติด หรือติดเกมได้
6.คนที่มีปัญหาเรื่องแพ้เหงื่อตัวเอง การออกกำลังกายในน้ำจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ดีมากค่ะ
คำแนะนำเพิ่มเติม
1.ควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกครั้งก่อนลงสระ เพื่อป้องกันตะคริว โดยเฉพาะช่วงอากาศเย็นๆ
2.หากเป็นเด็กทารก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วย คนชรา ควรมีคนดูแล
เห็นไหมคะว่า การออกกำลังกายในน้ำมีหลายรูปแบบ แถมสนุกสนานและมีประโยชน์มากกว่าที่คิด เพราะช่วยบำบัดรักษาสุขภาพร่างกาย พัฒนาสมอง รวมถึงพัฒนาทักษะทางด้านสังคม
จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับทุกคน และไม่ว่าเราจะออกกำลังกายรูปแบบใด ขอให้ยึดหลักที่ถูกต้อง เหมาะสมกับร่างกาย และมีความสุข ทั้งนี้เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง ดังคำกล่าวที่ว่า “ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” นั่นเอง
กาญจนา พันธรักษ์ (ครูกาญจน์)
อดีตนักกรีฑาทีมชาติชุดซีเกมส์ถึงสองสมัย
(Some images used under license from Shutterstock.com.)