
© 2017 Copyright - Haijai.com
น้ำเอนไซม์ เพิ่มภูมิคุ้มกันเสริมพลังอวัยวะภายใน
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับกล่าวถึงคุณสมบัติพิเศษของน้ำเอนไซม์ว่า สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและนำไปใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยหลายขั้นตอ จึงให้ประโยชน์ทางยาได้อย่างรวดเร็ว โดยเอนไซม์มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต มีหน้าที่กระตุ้นให้ระบบต่างๆ ในสิ่งมีชีวิตทำงานเป็นปกติ และป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตนั้น
เนื่องจากเอนไซม์ในผักและผลไม้ถูกทำลายและสูญสลายได้ง่ายยิ่งกว่าวิตามินเพียงได้รับความร้อน กระแสไฟฟ้า หรือแม่เหล็ก การผลิตน้ำเอนไซม์จึงต้องเพิ่มความพิถีพิถัน โดยไม่ควรผ่านการต้มหรือใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า ควรใช้วิธีสับ คั้นหรือตำ แล้วแยกน้ำออกจากกากด้วยผ้าขาวบาง
นอกจากนี้ควรปรุงน้ำเอนไซม์ โดยใช้ผักหรือผลไม้คราวละ 1 ชนิด เพราะเอนไซม์แต่ละชนิดอาจถูกเอนไซม์ตัวอื่นกดหรือทำลายได้ และที่สำคัญควรดื่มน้ำเอนไซม์ทันที ไม่ควรตั้งทิ้งไว้นานเกินครึ่งชั่วโมง เพราะเอนไซม์จะสลายตัวจนสูญเสียสรรพคุณทางยา
เพราะผักและผลไม้แต่ละชนิดมีเอนไซม์ที่มีประโยชน์แตกต่างกัน จึงควรเลือกดื่มให้ตรงกับสรรพคุณที่ต้องการ โดยอาจารย์สาทิสแนะนำผักและผลไม้ ซึ่งมีเอนไซม์ที่มีสรรพคุณทางยาแตกต่างกัน ดังนี้
• น้ำคั้นจากแครอต (ครึ่งแก้ว) ล้างไขมันและช่วยการทำงานของตับ
• น้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายหรือเซเลอรี่ (ครึ่งแก้ว) ช่วยให้เลือดสะอาดขึ้น และเร่งการเผาผลาญคอเลสเตอรอล
• น้ำคั้นจากมะระ (ครึ่งแก้ว) ฟอกเลือดและช่วยการทำงานของไต
• น้ำคั้นจากกระเทียม (ดื่มครั้งละ 1 ช้อนชา) ช่วยฆ่าเชื้อโรค
• น้ำคั้นจากแคนตาลูปและแตงโม (ครึ่งแก้ว) ช่วยการทำงานของไต
• น้ำคั้นจากตำลึง (5 ช้อนโต๊ะ) สมานแผลในกระเพาะอาหาร
เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ ไม่ควรดื่มน้ำเอนไซม์ชนิดใดชนิดหนึ่งติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่ควรดื่มให้หลากหลายชนิด โดยไม่ลืมเพิ่มผักและผลไม้สดในมื้ออาหาร
(Some images used under license from Shutterstock.com.)