© 2017 Copyright - Haijai.com
ห้ามทักเด็กหน้าตาน่ารัก
คนโบราณท่านห้ามทักเด็กว่าหน้าตาน่ารัก ให้ทักว่าน่าเกลียด น่าชัง
พอเจอเด็กน้อยหน้าตาดีมีทีท่าน่ารักเหลือเกิน โบราณท่านห้ามทักตามจริง แต่ให้ทักตรงกันข้ามว่า น่าเกลียดน่าชังเหลือเกิน
ทั้งนี้เพราะถ้าทักว่า หน้าตาดี หรือหน้าตาน่ารัก หากผีรู้ผีก็จะเอาเด็กหน้าตาดี หน้าตาน่ารักไปอยู่ด้วย เด็กนั้นก็จะตาย อาจจะเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ แล้วก็หายไปในที่สุด หายจากโลกมิใช่หายจากโรค
สงสัยว่าผีคงจะเหงา จึงอยากได้เด็กน้อยไปเลี้ยง
แต่ถ้าทักว่า น่าเกลียดน่าชัง ผีก็จะไม่เอาไปเลี้ยง เด็กนั้นก็จะมีชีวิตยืนยาวต่อไป
ความมุ่งหมายที่แท้จริง (ห้ามทักเด็กหน้าตาน่ารัก)
ข้อนี้เป็นการเตือนสติพ่อแม่ของเด็ก ไม่ให้รักใคร่หลงใหลลูกตนว่าน่ารักจนเกินไป พ่อแม่ที่รักลูกเกินไป ก็จะเลี้ยงแบบตามใจ ไม่ขัดใจลูก เด็กโตขึ้นเอาแต่ใจตัวเอง มีนิสัยดื้อรั้น ไม่เชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ เถียงคำไม่ตกฟาก มองเห็นบิดามารดาและหมู่ญาติ เป็นผู้รับใช้มิใช่ผู้ที่ตนควรเคารพบูชาตอบแทนพระคุณ
อีกอย่างหนึ่งเมื่อมีคนมาก็จะชมบ่อยๆ ว่าน่ารัก จะทำให้มีคนมาหยอกล้อเด็กบ่อยเกินไป ทำให้เด็กไม่มีเวลาพักผ่อน อาจทำให้เด็กเจ็บป่วยไม่สบายได้ง่าย
ได้ยินมาว่า เด็กบางคนที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างผิดๆ เมื่อโตขึ้นเรียนจบแล้ว ก็จะมีความเห็นผิดติดตัวตลอดไปด้วย
ดังเรื่อราวของเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่พ่อแม่เลี้ยงมาด้วยความรักจนเกินไป เด็กต้องการอะไร เป็นต้องประเคนให้หมด
นับแต่นั้น เด็กก็เอาแต่ใจตนเองเรื่อยมา ช่วงเป็นวัยรุ่นยิ่งเอาแต่ใจตัวเอง ภายหลังเรียนจบระดับปริญญาโทจากเมืองนอกเมืองนา (ด้วยทุนของบุพการี) ก็ยิ่งหนักขึ้น
กลับมาเมืองไทย ถึงบ้านเรือนที่เคยอยู่เคยนอน เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรในพ่อแม่ วันๆ คิดถึงแต่เรื่องตัวเอง
พ่อแม่จะใช้อะไรบ้างก็ไม่ค่อยอยากจะทำ เธอพูดขึ้นว่า
“หนูไปเรียนจบโทรกลับมานี่ เป็นบุญคุณแก่พ่อแม่ขนาดไหนแล้ว”
เธอเอาส่วนไหนของเธอคิดหนอ จึงพูดออกมาอย่างนั้นได้
(Some images used under license from Shutterstock.com.)