© 2017 Copyright - Haijai.com
ทางเลือกของคนจัดฟัน
หลายคนเคยถามหมอจุ้มจิ้มว่า เราสามารถมีฟันสวยสุขภาพดีได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไปหาหมอฟันได้รึเปล่า คำตอบคือ “ได้แน่นอนค่ะ” การดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเองที่บ้าน เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะมีสุขภาพช่องปากที่ดีหรือไม่ ถ้าเราดูแลทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี ขอย้ำว่าต้องถูกวิธีนะคะ เราก็จะมีช่องปากที่สะอาดปราศจากเชื้อแบคทีเรีย อันเป็ฯสาเหตุของการเกิดโรคฟันผุและเหงือกอักเสบ ซึ่งเป็นปัญหาช่องปากที่พบได้บ่อยมาก
ถ้าคนไหนสามารถดูแลสุขภาพช่องปากได้ดีมาก ซึ่งก็มีผู้ที่ทำได้จริงๆ ทันตแพทย์แทบไม่ต้องทำอะไรเลย อาจทำเพียงแค่ตรวจฟันเฉยๆ เพราะไม่มีทั้งหินปูนและฟันผุ อย่างนี้จากปกติที่ต้องมาพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน หมออาจนัดให้มาตรวจเป็นปีละครั้งแทน เพราะถ้าดูแลฟันได้ดีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องมาบ่อย ประหยัดทั้งเงินและเวลา แถมไม่ต้องเจ็บตัวด้วยค่ะ ซึ่งหลักการพื้นฐานง่ายๆ ที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพฝันที่ดีได้ก็คือ การแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังอาหาร และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน แล้วนอกจากวิธีนี้ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่
บ่อยครั้งที่มีคนมาปรึกษาหมอจุ้มจิ้มว่ามีเครื่องมือทำความสะอาดฟัน แบบนั้น แบบนี้ มาใหม่ ควรซื้อมาใช้ดีหรือเปล่า ที่ถูกถามบ่อยๆ ในช่วงนี้เห็นทีจะหนีไม่พ้น “เครื่องฉีดน้ำในปาก” (oral irrigator) ซึ่งมักจะมีคนตั้งคำถามว่าเคร่องนี้ดีไหม ทำงานอย่างไร ใช้แทนการแปรงฟันและไหมขัดฟันได้หรือไม่
เครื่องฉีดน้ำในปากเป็นอุปกรณ์ฉีดน้ำออกเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง น้ำที่ฉีดออกมีลักษณะเป็นเส้น โดยจัดตั้งฉากเข้าหาซอกฟัน หลักการคือ อาศัยแรงดันน้ำ ฉีดเข้าไปฟันและซอกฟัน ความรู้สึกเหมือนเราใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยเศษอาหาร ส่วนการฉ๊ดจะเป็นลักษณะการฉีดแบบเป็นจังหวะ บางคนเปรียบเหมือนกับหัวรดน้ำในสนามหญ้า พอนึกภาพออกนะคะ ส่วนแรงดันมากหรือน้อย ขึ้นกับการปรับที่ตัวเครื่อง แรงดันของน้ำ อาจจะชะเศษอาหารติดค้าง และพวกคราบจุลินทรีย์หรือคราบพลัคอย่างหลวมๆ ให้หลุดออกมาได้
การใช้งานก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แค่เปิดเครื่องแล้วเอาปลายเครื่องมือไล่ไปตามซี่ฟันของเรา บริเวณคอฟัน ไล่มาที่ซอกระหว่างฟัน จังหวะที่แรงดันน้ำซอกซอนไปตามซอกฟันแต่ละซี่ ก็เหมอืนเราใช้ไม้จิ้มฟัน แต่บางคนบอกว่าได้อารมณ์เหมือนใช้ไหมขัดฟันเลยก็มีค่ะ มันจะยิงเป็นจังหวะ ฟุด ๆ ๆ เราก็มีหน้าที่กวาดตัวแปรงไล่ไปเรื่อยๆ ในแต่ละจุดที่ต้องการ แต่เวลาใช้งานจริงๆ ต้องยืนก้มลงไปที่อ่างนะคะ เพราะปริมาณน้ำที่ใช้ค่อนข้างเยอะมาก เวลาใช้งานต้องคอยหุบปากไว้นิดหน่อยด้วยค่ะ เพื่อไม่ให้น้ำพุ่งกระจายไปทั่ว
ส่วนปริมาณน้ำที่ใช้ก็แล้วแต่เราเลยค่ะ ถ้าใช้แรงดันน้ำแบบแรงและทำนาน ก็จะใช้ปริมาณน้ำเยอะ อาจจะต้องมีการเติมน้ำระหว่างใช้งานเป็นระยะๆ ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องที่จะจุน้ำได้ เฉลี่ยก็ประมาณ 1-2 ลิตร ในส่วนของน้ำนี้ เราสามารถเติมพวกน้ำยาบ้วนปากผสมลงไป เพื่อให้ได้ความรู้สึกสะอาดสดชื่นตามชอบได้ ซึ่งอาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาในการควบคุมปริมาณของเชื้อจุลินทรีย์ได้บ้าง ในต่างประเทศแนะนำเป็นให้ใส่ฟลูออไรด์แบบน้ำลงไปด้วย แต่บ้านเราคงไม่ได้ เพราะเป็นสารควบคุมพิเศษ ก็ลองเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่ผสมฟลูออไรด์แทนได้ค่ะ
ดูแล้วเครื่องนี้ก็ดูน่าสนุกดีนะคะ ใช้งานไม่ยาก หลักการทำงานดี อย่างไรก็ตามเครื่องฉีดน้ำในปากนี้ เป็นเพียงอุปกรณ์ช่วยเสริมการทำความสะอาดเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนการแปรงฟัน หรือการใช้ไหมขัดฟันได้ เพราะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ในการกำจัดคราบจุลินทรีย์ เพราะน้ำที่ฉีดไม่สามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์ ที่ยึดติดแน่นกับฟันได้ ที่สำคัญคือราคาค่อนข้างสูง ถ้าเราจะใช้เครื่องที่มีประสิทธิภาพดีหน่อย อย่างไรก็ลองพิจารณาดูกันอีกที สำหรับหมอจุ้มจิ้มคิดว่าน่าจะเหมาะสำหรับท่านที่คิดว่า ตนเองทำความสะอาดด้วยวิธีแปรงฟันได้ยังไม่ค่อยดีนัก อาจด้วยเพราะใส่เครื่องมือจัดฟันอยู่ มีสะพานฟันหรือฟันปลอมติดแน่น ทำให้การเข้าทำความสะอาดแบบปกติเป็นไปได้ยาก หรือการใช้มือและนิ้ววไม่ค่อยคล่อง อย่างเช่น เด็กพิเศษและผู้สูงอายุ ก็สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ชนิดนี้มาช่วยเสริมในการทำความสะอาดได้คะ
แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังคือ แรงดันของน้ำ เพราะมีแรงดันสูงมาก เห็นหลายท่านบอกเวลาใช้ไม่ระวัง มันกระแทกโดนลิ้นจะชาๆ เลยนะคะ บางคนบอกโดนใต้โคนลิ้นนี่ ถึงขั้นน้ำตาไหลค่ะ ซึ่งแรงดันน้ำที่สูงเกินไปแบบนี้อาจทำอันตรายต่อเหงือกได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ ผู้ใช้จึงควรใช้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมภายใต้การแนะนำของทันตแพทย์
ทพญ.กิตติลักษณ์ จุลลัษเฐียร
ทันตแพทย์
(Some images used under license from Shutterstock.com.)