© 2017 Copyright - Haijai.com
7 ตัวการร้าย ทำน้ำหนักไม่ลดลงสักที
น้ำหนักเพิ่มขึ้นว่าแย่แล้ว แต่ที่แย่กว่าคือ น้ำหนักเจ้ากรรมไม่ยอมลดลงสักที เข็มเครื่องชั่นน้ำนหักเมื่อวานไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว คงที่นิ่งสนิทอยู่อย่างนั้น ทั้งที่เลือกรับประทานอาหารอย่างดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือทำตามสูตรลดน้ำหนักต่างๆ มันก็ยังไม่ได้ผล จึงมาไขความลับให้รู้กันว่า แท้จริงแล้ว ที่ลดน้ำหนักไม่ได้ผลนั้น เกิดมาจากสาเหตุอะไร ขึ้นอยู่กับตัวเราเพียงคนเดียวใช่หรือไม่ มีปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ มาเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า แล้วจะแก้ปัญหาการลดน้ำหนักที่ไม่ได้ผลนี้อย่างไร เรามีวิธีมาบอกคุณ รับรองได้เลยว่า เห็นผล 100 เปอร์เซ็นต์แน่นอน
1.ลดน้ำหนักไม่ได้ผลเพราะไทรอยด์ทำงานต่ำแฝง
ในโลกของทางการแพทย์ มีสาเหตุอยู่มากมายที่ทำให้คนเราลดน้ำหนักไม่ได้ผล ต่างประเทศเองก็มีงานวิจัยหลากหลายชิ้นออกมาบ่งบอกถึงสาเหตุดังกล่าว ซึ่งสาเหตุแรกที่เป็นสาเหตุซ่อนเร้น และหลายคนมักไม่ค่อยพูดถึง นั่นก็คือ ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำแฝง บางคนไม่รู้ตัวหรอกว่า ตัวเองมีปัญหาเกี่ยวกับไทรอยด์ โดยไทรอยด์เป็นอวัยวะหนึ่งที่ทำหน้าที่ควบคุมการเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึมในร่างกาย ถ้าคนไหนไทรอยด์ต่ำ เมตาบอลิซึมก็จะต่ำด้วย มีภาวะอ้วนง่าย ขี้หนาว ผิวแห้ง หรือไม่ก็มีอาการท้องผูกตามมา ฉะนั้นบางคนจึงลดน้ำหนักไม่ได้ผล เพราะไทรอยด์ทำงานต่ำแฝง หรือทางการแพทย์เรียกว่า Subclinical Hypothyroidism โดยปกติแล้ว บางคนจะไม่รู้ตัวเลย จนกว่าจะตรวจเลือดเจอ และภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับอายุที่มากขึ้นด้วย
2.ลดน้ำหนักไม่ได้ผลเพราะความเครียด
หลายคนมักสงสัยว่า ความเครียดมีผลต่อการลดน้ำหนักจริงหรือ ขอบอกได้เลยว่า จริงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคนไหนอ้วนแล้วเครียด เครียดเพราะอยากลดให้น้ำหนักลง หรือเครียดจากการทำงาน ก็ยิ่งทำให้น้ำหนักลดลงได้ช้า และลดน้ำหนักลงได้ไม่ดี เพราะเวลาเครียดแต่ละครั้ง จะมีฮอร์โมนตัวหนึ่งหลั่งออกมาชื่อว่าคอร์ติซอล (Cortisol) บางทีต่างชาติมักเรียกฮอร์โมนตัวนี้ว่า ฮอร์โมนแห่งความเครียด (Stress Hormone) ซึ่งฮอร์โมนดังกล่าวถูกสร้างมาจากต่อมหมวกไต และเมื่อเกิดอาการเครียดขึ้น คอร์ติซอลจะหลั่งออกมา
เวลาเครียดแต่ละครั้ง หลายคนมักอยากรับประทานอาหารมากขึ้น เนื่องจากฮอร์โมนดังกล่าวไปกระตุ้นสารเคมีในสมองตัวหนึ่งที่ชื่อว่า นิวโรเปปไทด์ วาย (Neuropeptide Y) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมองที่ช่วยให้ความอยากอาหารของเราเพิ่มมากขึ้น จำง่ายๆ เลยว่า วาย จะพ้องเสียงกับ ว้ายเวลาเห็นอาหาร ก็มักจะร้องว้ายออกมา เพราะอยากรับประทาน ดังนั้น เมื่อคอร์ติซอลในเลือดสูงขึ้น ก็จะไปกระตุ้นความอยากอาหารให้เพิ่มขึ้นด้วย และที่สำคัญคอร์ติซอลยังทำหน้าที่เก็บสะสมไขมันไว้ที่กลางลำตัวอีกด้วย ฉะนั้นแล้วความเครียดไม่ส่งผลดีกับการลดน้ำหนักเลยจริง
3.ลดน้ำหนักไม่ได้ผลเพราะอดนอน
คนนอนดึกเป็นประจำหรือคนอดนอนทั้งหลายคงร้อนๆ หนาวๆ ไปตามกัน เพราะการนอนดึกหรืออดนอนนั้น มีผลต่อเรื่องการลดน้ำหนักอย่างแน่นอน เพราะภายในร่างกายมีฮอร์โมนควบคุมความหิวและความอิ่มอยู่ โดยฮอร์โมนควบคุมความอิ่ม จะเรียกว่า เลปติน (Leptin) และฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกหิว อยากรับประทานสิ่งต่งๆ จะเรียกว่า เกรลิน (Ghrelin) ซึ่งการนอนดึกหรืออดนอนบ่อยๆ จะส่งผลกระทบกับฮอร์โมนทั้ง 2 ตัวนี้ โดยฮอร์โมนเกรลินจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ฮอร์โมนเลปตินจะลดต่ำลง ทำให้เกิดอาการหิวอยู่บ่อยๆ รับประทานเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกอิ่มสักที การนอนดึกและอดนอนจึงส่งผลกระทบต่อสารสื่อประสาทในสมองเป็นอย่างมาก
4.ลดน้ำหนักไม่ได้ผลเพราะภาวะดื้ออินซูลิน
ภาวะดื้ออินซูลิน อาจจะรู้จักในกลุ่มของคนที่ชอบรับประทานหวานมากๆ หรือคนที่เป็นเบาหวานโดยเฉพาะ เพราะคนเหล่านี้มีปัญหาเรื่องของการดื้ออินซูลิน โดยอินซูลิน (Insulin) เป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่นำน้ำตาลเข้าเซลล์และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงมากจนเกินไป แต่คนไหนที่ติดหวานและรับประทานหวานเป็นประจำ อินซูลินจะหลั่งออกมามากในกระแสเลือด ทำให้เซลล์ถูกแช่อิ่มอยู่ในอินซูลินตลอดเวลา และตอบสนองต่ออินชูลินได้ไม่ดี ทำให้นำน้ำตาลเข้าเซลล์ไปไม่ได้ น้ำตาลจะตกค้างอยู่ในเลือดและน้ำตาลที่ตกค้างอยู่ในเลือด จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันในทันที เพราะฉะนั้นยิ่งมีอินซูลินมากขึ้นเท่าไร การลดน้ำหนักก็จะไม่ได้ผลมากเท่านั้น แถมยังอ้วนลงพุงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
5.ลดน้ำหนักไม่ได้ผลเพราะร่างกายอักเสบซ่อนเร้น
มีภาวะน่าสนใจมากอีกภาวะหนึ่ง ที่อ้วนแล้วทำไมน้ำหนักถึงไม่ลดลงเลยสักที นั่นคือ ภาวะการอักเสบซ่อนเร้น หรือการอักเสบเรื้อรัง อันเนื่องมากจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ได้แก่ เบเกอรี่ เค้ก คุกกี้ แครกเกอร์ โดนัท แฮมเบอร์เกอร์และเนยเทียมต่างๆ ซึ่งอาหารดังกล่าวจะช่วยเพิ่มการอักเสบซ่อนเร้นให้มากขึ้น เพราะอาหารพวกนี้มีไขมันชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ไขมันทรานส์ เป็นไขมันแปลงรูป โดยไขมันชนิดนี้จะส่งผลให้เกิดภาวะการอักเสบ ซ่อนเร้นภายในร่างกายของเรา อีกทั้งการอักเสบที่เกิดขึ้น จะทำให้ร่างกายดื้อต่อฮอร์โมนเลปตินและอินซูลิน เกิดเป็นภาวะอ้วนลงพุง และรับประทานไหร่ก็ไม่อิ่ม ฉะนั้นแล้ว ถ้าอยากลดน้ำหนักแบบได้ผลต้องพยายามเลี่ยงไขมันทรานส์เหล่านี้ไว้
6.ลดน้ำหนักไม่ได้ผลเพราะภูมิแพ้อาหารแฝง
ต่างประเทศพูดถึงสาเหตุนี้กันเยอะมาก ว่าทำไมอ้วนแล้วถึงลดน้ำหนักลงได้ยา สันนิษฐานได้ว่า อาจเกิดมาจากภูมิแพ้อาหารแฝง (Hidden food Allergies) ซึ่งภาวะดังกล่าวเป็นภาวะซ่อนเร้นคล้ายกับไทรอยด์ทำงานต่ำแฝง ถ้าไม่ได้รับการตรวจเลือดหรือวินิจฉัยทางการแพทย์แล้ว ก็ไม่สามารถรู้ถึงภาวะนี้ได้ โดยหลักๆ ภาวะนี้เกิดจากอาหารที่ชอบรับประทาน อาจจะเป็นอาหารที่ตัวเองแพ้ ซึ่งเวลารับประทานอาหารที่แพ้เข้าไปแล้ว จะเกิดการตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย
การอักเสบที่เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบกับสารสื่อประสาทในสมองส่วนที่เรียกว่าลิมบิก (Limbic) ทำให้เกิดภาวะดื้อต่อฮอร์โมนเลปติน ทำให้เวลารับประทานอาหาร จะรู้สึกอยากรับปรทานอาหารชนิดนั้นอยู่บ่อยๆ ซึ่งหลายคนอาจจะส่งสัยว่า เหมือนกับการแพ้อาหารทะเลหรือเปล่า ขอบอกว่า ไม่เหมือน เพราะเวลารับประทานอาหารทะเลอาการจะออกทันที แต่ภาวะนี้คือ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว อาการจะออกช้าไปอีกหลายชั่วโมง หรืออาจจะ 2-3 วันเลยก็ได้ บางคนถึงขั้นไมเกรนขึ้น เป็นผื่นผิวหนังเป็นสะเก็ดเงิน หรือเป็นผื่นผิวหนังอักเสบพวกเอ็กซีม่า (ECZEMA) เลยก็ได้ ฉะนั้นภาวะนี้อาจต้องสงสัยได้ว่า ทำไมเราถึงลดน้ำหนักไม่ได้ผลสักที
7.ลดน้ำหนักไม่ได้ผลเพราะสารพิษสะสม
ภาวะนี้สาวกที่ชอบรับประทานกล่องโฟม จับจ้องเอาไว้ให้ดีๆ เพราะที่เราลดน้ำหนักไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะภาวสะสมสารพิษในร่างกายก็ได้ โดยสารพิษหลักๆ มาจากสารตัวหนึ่งที่เรียกว่า ซีโนเอสโตรเจน (Xenoestrogens) ซึ่งมาจากวัสดุอย่างพวกพลาสติกและกล่องโฟม ทำให้ส่งผลกระทบต่อเมตาบอลิซึมและการแตกตัวของไขมัน หรือบางคนที่ชอบรับประทานอาหารทะเล ก็อาจจะได้สารตัวนี้ไปเต็มๆ เพราะอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็นปลา กุ้ง และปู มักจะมีโลหะหนักเจือปนอยู่ อาทิ สารปรอทและสารตะกั่ว เป็นต้น ฉะนั้นแล้ว ถ้าร่างกายสะสมเอาไว้มาก อาจมีผลต่อเมตาบอลิซึมและการลดน้ำหนักของเราก็ได้
ปรับจิตใจ ช่วยให้น้ำหนักลด
การลดน้ำหนัก นอกจากเรื่งอของอาหารแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญนั่นก็คือ เรื่องของจิตใจ โดยการลดน้ำหนักแบบเห็นผลและพฤติกรรมเสียก่อน เพราะโดยส่วนมากบางคนจะลดน้ำหนักเป็นช่วงหรือเป็นพักๆ ทำให้ช่วงลดน้ำหนัก น้ำหนักก็จะลงดี แต่ในช่วงไม่ได้ลด น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ ฉะนั้นแล้วจิตใจถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่บางคนก็มักจะเลือกลดน้ำหนักแบบผิดวิธี โดยการอดอาหาร ควบคุมแคลอรี หรือตัดมื้อใดมื้อหนึ่งออกไปเลย ซึ่งน้ำหนักจะลงดีในช่วงหนึ่ง แต่หลังจากนั้น น้ำหนักจะไม่ลดลงอีก และค่อยๆ เข้าสู่สภาวะคงที่หรือที่เรียกกันว่า จุดอิ่มตัว ทำให้น้ำหนักไม่สามารถลดลงต่อไปได้ และการอดอาหารโดยไม่ได้ปรับพฤติกรรมอย่างอื่นเลย เช่น การออกกำลังกาย ก็ทำให้น้ำหนักมีสิทธิ์ที่จะเพิ่มกลับขึ้นมาอีกได้
ออกกำลังกาย คือ ทางออกที่ดีที่สุด
สาวๆ หลายคนบอกว่า ปรับอาหารก็แล้ว ปรับสภาวะจิตใจก็แล้ว ทำไมน้ำหนักยังไม่ลดลงสักที การแก้ไขที่ดีที่สุดของปัญหานี้คือ ต้องเพิ่มการออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกาย จะช่วยเรื่องของการเพิ่มกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี เพราะการมีกล้ามเนื้อเปรียบเสมือนกับมีเตาเผาพลังงานอยู่ในตัว สมมติว่ามีไขมันมาสะสมเท่านี้ แล้วเรามีกล้ามเนื้อในปริมาณที่มากพอ ไขมันมากี่ที ก็จะโดนสลายไปจนหมด เหมือนมีเตาคอยเผาพลังงานอยู่ในตัวตลอดเวลา
บางคนคิดว่า พึ่งวิตามินก็ได้ ลดน้ำหนักได้เหมือนกัน แต่จะบอกว่า วิตามินจะเห็นผลได้ ก็ต่อเมื่อออกกำลังกายไปพร้อมๆ กัน ฉะนั้นแล้ว การลดน้ำหนัก อย่างไรก็หนีไม่พ้นเรื่องการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายแต่ละครั้ง จะมีการหลั่งเอนไซม์สลายไขมันที่ชื่อว่า Hormone-Sensitive Lipase (HSL) ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้จะกระตุ้นฮอร์โมนแคทีโคลามีน (Catecholamine) ออกมา โดยฮอร์โมนดังกล่าวจะหลั่งตอนที่เราออกกำลังกาย คอยช่วยสลายไขมันที่เป็นก้อนให้เป็นกรดไขมัน และพาเข้าสู่กล้ามเนื้อ แล้วกล้ามเนื้อก็จะเป็นเตาคอยเผาพลังงาน และเกิดกระบวนการสลายไขมันให้ออกไป เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดของการลดน้ำหนักนั่นก็คือ การออกกำลังกาย
อาหาร จิตใจ และการออกกำลังกาย ทั้ง 3 สิ่ง ล้วนมีความสัมพันธ์กัน จนแยกออกจากกันไม่ได้
ฉะนั้นแล้ว ถ้าอยากลดน้ำหนักแบบได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ ปรับทั้ง 3 สิ่งนี้ จะช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้นแน่นอน
นายแพทย์ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุท
แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
Life Center
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
(Some images used under license from Shutterstock.com.)