
© 2017 Copyright - Haijai.com
หูใหญ่หูกาง แก้ไขได้ไม่ต้องอายถูกล้อ
ความผิดปกติของใบหู สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กำเนิด ทั้งเรื่องของหูกาง หูใหญ่ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของความผิดปกติที่เกิดขึ้นในภายหลัง ทั้งเรื่องของอุบัติเหตุ ร่องรอยจากการระเบิดหู ซึ่งเป็นหนึ่งแฟชั่นที่ได้รับความนิยมในเด็กวัยรุ่น สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างความไม่พึงพอใจแก่เจ้าของได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งเมื่อกังวลมากจึงจำเป็นต้องหาทางแก้ไข ปรับเปลี่ยน ให้สวยงามขึ้น ซึ่งสามารถทำได้และไม่ยุ่งยากมากนัก
เรื่องของหูกาง หูใหญ่นั้น จากประวัติการรักษาแก้ไขในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 5% ของประชากรทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อย เมื่อเทียบกับในต่างประเทศ อย่างในอเมริกาเองค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จึงมีการเข้าพบแพทย์เพื่อปรับแก้ไขรูปทรงใบหูกันตั้งแต่ยังเด็ก เนื่องจากมีเรื่องของการถูกล้อเลียน ในกลุ่มเด็กๆ เพราะฉะนั้นทางพ่อแม่ผู้ปกติครอง จึงส่งลูกหลานเข้ารับการแก้ไข หากมีความผิดปกติของรูปทรงใบหูที่ไม่สวยงาม
ในสังคมไทยเองเรื่องของหูกาง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายมักเป็นสัญลักษณ์ของความฉลาด ร่ำรวย ว่ากันว่าผู้ชายหูกาง อว่าโหงวเฮ้งดี ดังนั้น ในเมืองไทยผู้ชายที่หันหน้ามาพบแพทย์ เพื่อการนี้ค่อนข้างหาทำยาก โดยมากจะเป็นกลุ่มของผู้หญิงเสียมากก่วา ที่ตัดสินใจเข้ารับการแก้ไขด้วยตัวเอง
โครงสร้างหลักของใบหู มีส่วนประกอบหลัก 6 ส่วนที่ประกอบกันทำให้ใบหูมีรูปร่างสวยงาม คือ
1.ขอบนอกของใบหู (Helix) เป็นขอบนอกของใบหู
2.ขอบกลางของใบหู (Anti helix) เป็นขอบที่อยู่ถัดจากขอบนอก
3.สแคปฟา (Scapha) เป็นส่วนร่องหูที่อยู่กลางระหว่างขอบนอกกับขอบกลางของใบหู
4.ถ้วยคองกา (Concha) เป็นส่วนใบหูที่มีรูปร่างเหมือนถ้วยอยู่ระหว่างขอบรูหูและขอบกลางของใบหู
5.ติ่งหู (Lobe) เป็นส่วนท่อนล่างสุดของใบหู เป็นส่วนที่ไม่มีกระดูกอ่อน เป็นส่วนที่ใช้สำหรับใส่ต่างหู
6.ทรากัส (Tragus) เป็นส่วนติ่งที่มีรูปบริเวณขอบหน้าของรูหู
ในส่วนของความผิดปกติ ทั้งหูกาง หูใหญ่ ผิดรูป เรื่องของรูปทรงหู ไม่ได้เป็นการถ่ายทอดพันธ์กรรม ดังนั้น ความเชื่อที่ว่าถ้าพ่อแม่หูกาง ลูกจะออกมาหูกางด้วยนั้น เป็นไปไม่ได้ “ใบหู” เป็นเรื่องของรูปร่าง ส่วนใหญ่จะเกิดรูปทรงตั้งแต่ช่วงที่อยู่ในครรภ์ ดังนั้นพอเด็กคลอดออกมาแล้ว ถ้าหมอเด็กหรือพยาบาลที่ช่วยดูแลเด็กช่วงคลอดนั้น สังเกตเห็นความผิดปกติของรูปทรงหู ก็สามารถพามาหาแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญด้านนี้ โดยในช่วงก่อน 6 เดือนแรก แพทย์สามารถทำการตัดใบหูด้วยการทำเฝือกอ่อนจากสำลี แล้วค่อยตัดไปทีละน้อย โดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากกระดูกอ่อนภายในระยะเวลา 6 เดือน แรกสามารถตัดได้ แต่หากปล่อยเวลาล่วงเลย เกิน 6 เดือนไปแล้ว กระดูกอ่อนก็จะเริ่มแข็งขึ้น ซึ่งเวลาทำการแก้ไขก็จะจบลงที่การผ่าตัดนั้นเอง
ทั้งนี้เรื่องหูกางกับหูใหญ่ ปัญหามักมาคู่กัน ส่วนใหญ่ถ้าหูใหญ่แล้วแนบไปข้างหลัง ไม่กางออกก็ไม่เป็นปัญหา และมักไม่เป็นที่สังเกต แต่เมื่อใดที่กางออก ก็สามารถสร้างความอาย หรือกลายเป็นจุดสังเกตที่อาจถูกล้อเลียนได้
ทำความรู้จัก หูกางใหญ่ ผิดรูป
ลักษณะของหูกาง หรือไม่กางนั้น โดยส่วนใหญ่จะวัดจากขอบหูปกติ แล้วใบหูของคนเราจะแนบไปทางด้านหลังชิดทำมุกันประมาณ 25-35 องศา ขอบนอกใบหูพับไปด้านหลังเล็กน้อย ห่างจากผิวหนังศีรษะประมาณ 1 เซนติเมตร ดังนั้นลักษณะที่ดู หูกาง คือใบหูไม่แนบไปทางด้านหลัง และห่างจากหนังศีรษะประมาณ 2 เซนติเมตร ซึ่งถือว่ากางและเห็นชัด โดยมีสาเหตุจากกระดูกอ่อนใบหูไม่พับตามปกติ ในส่วนของคนไข้ที่มีใบหูขนาดใหญ่ มักไม่มีปัญหาหรือรู้สึกว่าผิดปกติ และไม่ต้องการผ่าตัดแก้ไข เนื่องจากสามารถใช้ผมปิดใบหูส่วนบนได้ แต่ผู้ที่มีปัญหาใบหูขนาดใหญ่และต้องการแก้ไขจริงจัง มักมีใบหูที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติมากๆ หรือทั้งใหญ่และกางออกด้านข้าง
อีกประการหนึ่งที่ดูแล้วว่ามีใบหูที่ไม่สวยงาม คือ เรื่องของร่องในหูถ้าหูแบะออกมา ร่องหูก็จะมองไม่เห็น กลายเป็นร่องหูหายไป เกิดจากส่วนใดส่วนหนึ่งของกระดูกอ่อนขาดหายไปทำให้ร่ององใบหูไม่สามารถม้วนงอให้มีรูปทรง และมีลักษณะคล้ายหูฉลาม
ลักษณะของรูปทรงใบหูที่สวยงาม คือ ขอบหู ต้องเป็นวงสวยห่างจากหนังศีรษะ ในส่วนกลางก็ไม่เกิน 2 เซนติเมตร ส่วนบนก็ไม่เกิน 1 เซนติเมตร แล้วที่สำคัญคือ มองจากด้านหน้าเข้าไปเราจะต้องเห็นสันหูก่อน และเห็นขอบหูในลำดับถัดไป
การผ่าตัดแก้ไขปัญหาหูกาง
การผ่าตัดหูกางแพทย์จะต้องวิเคราะห์ในหลายๆ ส่วนประกอบในการตัดสินใจ และจะต้องคุยกับผู้ที่ต้องการผ่าตัดแก้ไขปัญหาหูกาง ตกลงกันให้ชัดเจนในแนวทางที่สามารถทำได้และผลลัพธ์ที่ออกมาด้วย โดยทั่วไปสิ่งที่ต้องวิเคราะห์คือ ดูลักษณะขอบกลางของใบหู ว่ามีลักษณะแบนและมุมกางเกินไป หรือใบหูมีขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไป โดยผู้ที่ประสบปัญหา อาจเกิดจากส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้ง 2 ลักษณะ ดังนั้น วิธีการผ่าตัด จะมีอยู่ 2 ส่วนคือ
1.เข้าไปเลาะกระดูกอ่อนแล้วก็เย็บให้พลิกพับกลับไปด้านหลัง
2.ผ่าตัดตรงบริเวณด้านหลัง ซึ่งถ้าบางรายผิวหนังมีความหย่อนย้วยมาก ก็ต้องตัดออกและเย็บให้ตึง ส่งผลให้ใบหูพลิกกลับไปด้านหลัง โดยแต่ละรายจะพิจารณาแก้ไขตกแต่งให้รูปร่างใบหูให้สวยงามต่างกัน
3.ในรายที่ต้องแก้ไขจัดรูปร่างกระดูกอ่อนใบหูใหม่ คือ มีการขาดหายของกระดูกอ่อน อาจต้องใช้กระดูกอ่อนจากส่วนอื่นมาเสริมเพิ่มขึ้นแทนส่วนที่ขาดหายไป
สำหรับอาการที่เกิดจากหลังผ่าตัด ลักษณะของหูซ้ายและหูขวา อาจไม่เหมือนกัน เช่น หูซ้ายอาจกางนกว่าหูขวา หรือ มุมที่จะแก้ไขไม่เหมือนกัน ดังนั้นการผ่าตัดหูทั้ง 2 ข้าง จึงอาจทำในวิธีที่แตกต่างกัน ดังนั้น เมื่อแก้ไขแล้วความสมส่วนของหูแต่ละข้างอาจไม่เท่ากันแบบพอดีทั้งหมด ซึ่งถ้าไม่สังเกตก็ไม่อาจทราบได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนไข้ที่เข้ารับการแก้ไข ก็จะหมั่นสังเกต บางรายส่องกระจกดูทั้งวันก็อาจเห็นความไม่เท่ากันได้ ดังนั้นแพทย์กับคนไข้ต้องคุยทำความเข้าใจในส่วนนี้ก่อน เพราะตามความจริงแล้ว โดยธรรมชาติใบหูทั้ง 2 ข้าง ไม่ได้เท่ากันอยู่แล้ว นอกจากนี้สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้หลังกการผ่าตัดแก้ไขคือ อาจมีเลือดคั่งใต้แผลใบหูกางไม่เท่ากัน หรือการดีดตัวกลับของกระดูกอ่อน
ในส่วนของการเครียมตัวเพื่อเข้ารักษา ลักษณะนี้เป็นการผ่าตัดเล็ก ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ต้องงดอาหาร เพียงแต่ว่าต้องมีสุขภาพที่ดี สมบูรณ์แข็งแรง รวมถึงแนะนำให้คนไข้สระผมมาก่อน เพื่อความสะอาด ทั้งนี้ในการผ่าตัดอาจทำโดยการดมยาสลบ หรือการให้ยาชา โดยใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง ต่อข้าง (ปัญหาหูกางบางรายอาจจะกางเพียงข้างเดียว หรือ 2 ข้างก็ได้)
ขั้นตอนการดูแลรักษาแผลผ่าตัดส่วนใหญ่ แพทย์จะปิดแผลไว้และอีกประมาณ 5-6 วัน จึงนัดมาเปิดแผลดู แล้วทำการตัดไหม โดยเฉลี่ย 3-4 วัน คนไข้ก็สามารถสระผมได้ตามปกติ
รู้หรือไม่
นอกจากหูกาง หูใหญ่แล้ว หูเล็ก ก็เป็นปัญหาอีกเช่นกัน หูเล็ก หรือไม่มีหู ปัญหาจากคนกลุ่มนี้คือ เรื่องการได้ยิน เพราะการได้ยินอาจจะมีการบกพร่อง การสูญเสีย และยังมีโอกาสผิดกติของใบหน้าได้ หรืออาจจะมีโรคอื่นซ่อนอยู่ เช่น เป็นโรคไต โรคหัวใจ เพราะฉะนั้นถ้าคนไข้ที่เข้ามาพบแพทย์ด้วยลักษณะของหูเล็ก จึงต้องทำการตรวจสอบก่อน มีความเกี่ยวข้องกับการได้ยิน และสามารถแก้ไขได้หรือไม่และด้วยวิธีการใด ในลำดับต่อไป แต่สำหรับในส่วนของรูปทรงรูปร่างนั้น ส่วนใหญ่ที่รักษาเพื่อลดปมด้อยและเพื่อความสวยงาม
ในปัจจุบันเราไม่มีการทำการผ่าตัดสำหรับเด็กเล็กๆ หรือเด็กแรกคลอด (เด็กแรกเกิด) เนื่องจากเนื้อบริเวณนั้นไม่เพียงพอ และการผ่าตัดจะต้องใช้กระดูกอ่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กระดูกอ่อนซี่โครง ซึ่งการใช้กระดูกอ่อนซี่โครงได้นั้น ต้องเป็นเด็กตั้งแต่อายุ 8 ปีขึ้นไป โดยทำการเลาะกระดูกซ่โครงออกมาทำเป็นโครงหู เด็กอายุ 8-9 ปี ใบหูและศีรษะเด็กก็จะโตพอใกล้เคียงกับผู้ใหญ่ การทำใบหูก็จะง่าย เพราะจะได้มีขนาดใกล้เคียงกับตอนโต เพราะกระดูกจะต้องขยายตามอายุเราไปด้วย แต่อาจจะไม่ได้ขยายตามเท่ากับอวัยวะปกติ
อีกทั้งยังมีความต้องการแก้ไขใบหูสำหรับคนหูผิดปกติเกิดขึ้นภายหลัง ทั้งที่เกิด
1.จากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นรถชน โดนฟันที่กกหู หรือ ต่างหูดึงฉีกขาด ถ้าหูที่หลุดมามีขนาดใหญ่พอสมควร ถ้าคนไข้ถือมาสามารถต่อได้ เพราะเส้นประสาทยังคงทำงานได้อยู่ แต่ถ้าหากเป็นเศษเล็กๆ ไม่สามารถทำได้แล้วต้องเป็นการสร้างหูแบบเดียวกับหูที่มีมาแต่กำเนิดเท่านั้น โดยสามารถแก้ไขได้ การเอากระดูกซี่โรงมาฝังไว้ที่ผิวหนังหลังหู แล้วเย็บใบหูที่ขาดให้เข้าหากัน แล้วทิ้งไว้ 2-3 เดือน แล้วยกขึ้นมาให้ได้เป็นรูปหู วิธีการจะคล้ายๆ กับคนที่ไม่มีหูแต่กำเนิด
2.จากการเจาะหูจนฉีกขาด ในรายที่เจาะหูจนขาดและต้องมาเย็บเก็บรอยที่ขาด โดยหลังจากเย็บต้องหยุดใส่ต่างหูในระยะเวลาถึง 6 เดือน เพราะหูเรามีแผลเป็น และเนื้อเหล่านี้ความแข็งแรงจะน้อยกว่าผิวธรรมชาติของเราเอง
3.จากการระเบิดหู ในการแก้ไขในส่วนของคนที่ระเบิดหูจะเป็นสิ่งที่ยาก เพราะถ้าเราตัดเนื้อที่ขาดทิ้ง ติ่งหูจะเล็กทันที และถ้าหากเย็บก็จะต้องมีรอยแผลเป็นที่ยาวแน่นอน ซึ่งปัญหานี้การแก้ไขได้ด้วยการให้เลือกว่า จะมีแผลเป็นที่เป็นเส้นตรงหรือแผลเป็น เป็นหูรูด เป็นรูปธรรมชาติ ซึ่งคล้ายๆ กับถุงข้าว หรือกระสอบทราย แล้วรูดเย็บเข้าไป ถ้าเย็บเป็นเส้นยาวก็ได้ติ่งหูที่ยาว แต่จะดูไม่เหมือนธรรมชาตินั้นเอง
หูกาง อาจไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับในด้านของสุขภาพ แต่ในด้านสังคม คนหูกางมักถูกล้อเลียนจากคนรอบข้างให้รู้สึกอับอาย จึงเข้ารับการปรับแก้ไขรูปทรง โดยมาจากฝ่ายที่เข้ามารับการรักษาและเห็นได้ชัดว่ามีลักษณะกางอย่างเห็นได้ชัด การแก้ไขลักษณะหูกางผิดปกติทำได้โดยการปรับแต่งเย็บกระดูกอ่อนของใบหู หรือโดยการตัดกระดูกอ่อนบางส่วนของหูที่เป็นปัญหาเพื่อให้ได้รูปร่างที่ต้องการ โดยแพทย์จะพิจารณาความผิดปกติของใบหูของคนไข้แต่ละราย ดังนั้นก่อนเข้ารับการรักษา คนไข้จะต้องปรึกษาแพทย์ และบอกความต้องการให้ชัดเจนว่าต้องการแก้ไขในส่วนใดบ้าง การปรึกษาก่อนการผ่าตัดจะช่วยปรับความต้องการของคนไข้ ว่าเหมาะสมกับการผ่าตัดหรือไม่และการวิเคราะห์ความผิดปกติของใบหูแต่ละข้าง จะช่วยให้สามารถเลือกเทคนิคการรักษาที่ถูกต้อง เหมาะสมกับความผิดปกตินั้นๆ
ผศ.นพ.จงดี อาวเจนพงษ์
ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
(Some images used under license from Shutterstock.com.)