
© 2017 Copyright - Haijai.com
ยกกระชับหน้าด้วยน้ำหล่อเลี้ยงผิว
ผมเคยพูดเรื่องการยกกระชับผิวหน้า และแก้ไขการหย่อนคล้อย ด้วยเทคนิคแบบไม่ผ่าตัด โดยการใช้เทคนิคฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกระดูก และรอยไหมละลาย ในหลายๆ บทที่ผ่านมา ในบทนี้ผมมีนวัตกรรมใหม่ในการยกกระชับผิวหน้ามา update ให้ทราบกันครับ ซึ่งกำลังจะเป็นเทรนด์ใหม่ในการรักษาผิวหน้าต่อไป
สาเหตุและกายวิภาคศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
ชั้นผิวหนังของมนุษย์แบ่งเป็นชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นเพียงชั้นบางๆ ชั้นนอกสุดเป็นชั้นเซลล์ที่ตายแล้ว ที่เรียกว่าขี้ไคล ส่วนชั้นอื่นๆ มีเซลเรียงกันอยู่ไม่กี่แถว ไม่มีเนื้อเยื่ออื่น ไม่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง แต่รับสารอาหารหล่อเลี้ยงมาจากการซึมผ่าน (diffusion) จากชั้นล่างที่เป็นหนังแท้ (dermis) ความชุ่มชื้นในผิวของชั้นหนังแท้ (dermis) จะช่วยให้การซึมผ่านอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงชั้นหนังกำพร้าได้ดีขึ้น
สำหรับชั้นหนังแท้ (dermis) เป็นส่วนที่หนากว่ามาก มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง มีความยืดหยุ่นและชุ่มชื้น โดยอาจเปรียบได้กับฟองน้ำที่มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เป็นคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน เป็นเสมือนใยฟองน้ำและมีส่วนอุ้มน้ำเป็นสาร ไฮยาลูโลนิก หรือ HA นั่นเอง และเมื่ออายุมากขึ้นระดับของสารไฮยาลูโลนิก HA ในผิวจะลดลง จากนั้นผิวหนังจะสูญเสียคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินตามมา ทำให้ผิวบางลงแห้งกร้าน และขาดความยืดหยุ่น เลือดไหลเวียนลดลงทำให้ซ่อมแซมตัวเองไม่ดี ผิวเหี่ยวย่น ยืดยาน หย่อนคล้อยตามมา
แนวทางการรักษา
ปัจจุบันเราพบว่าการสูญเสียสารไฮยาลูโลนิก ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงผิว เป็นตัวการหลักทำให้ผิวหนังแก่ชรา และหย่อนคล้อย การเติมสารไฮยาลูโลนิก ลงไปในผิวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหนังหนาตัวขึ้น ทำให้ได้ประโยชน์ดังนี้
• ผิวหนังจุชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ดูเงา สดใส (ตามเทรนด์ใหม่ของการรักษาผิวหน้าแบบสาวเกาหลี)
• ผิวหนังหนาตัวขึ้น ทำให้ริ้วรอยต่างๆ ลดลง
• ผิวหนังหนาตัวขึ้น ทำให้รอยด่างดำลดลง และรอยแดงเส้นเลือดฝอยที่เกิดจากผิวบาง เพราะการทาครีมแก้ฝ้า หรือทำเลเซอร์ จะค่อยๆ หายไป
• แผลเป็น หลุมสิว และรูขุมขนเล็กลง
• ใบหน้าที่หย่อนคล้อยจะดูยกกระชับขึ้น
• การรักษานี้สามารถทำได้ทั้งบนใบห้า ลำคอ เนินหน้าอก และหลังมือ
เทคนิคการเติมน้ำหล่อเลี้ยงผิวด้วยการฉีดสารไฮยาลูโลนิก HA
สารไฮยาลูโลนิก HA นั้นก็คือ สารที่เป็นตัวฟิลเลอร์นั่นเอง ดังนั้น เราจึงพบว่าในคนไข้หลายๆ คน ใบหน้าดูอิ่ม ชุ่มชื้นขึ้นหลังจากการฉีดสารฟิลเลอร์ HA แต่เนื่องจากการฉีดลงลึก ดังนั้น ผลที่เกิดขึ้นที่ผิวหนังชั้นบนจึงน้อย และฟิลเลอร์ HA เหล่านี้ก็ไม่สามารถนำมาใช้ฉีดที่ผิวชั้นบนได้ เพราะจะเกิดเป็นตุ่มก้อนบวมที่ผิว ดังนั้น สารไฮยาลูโลนิก HA ที่ใช้สำหรับฉีดเติมที่ผิวชั้นบน จึงต้องเป็นชนิดที่เรียกว่า Non-cross linked HA หรือเป็นชนิดที่ไม่ได้ปรับแต่งโครงสร้างโมเลกุลให้แข็งแรง ทำให้ Non-cross linked HA มีเนื้อนิ่ม และกระจายตัวแทรกไปในผิวได้เร็ว ไม่เกิดเป็นก้อนบวมที่ผิว แตกต่างจากชนิดที่ฉีดลงลึก ซึ่งเป็นชนิด Cross linked ชนิดปรับแต่งโครงสร้างโมเลกุลให้แข็งแรง เพราะชนิดนี้เราใช้เพื่อการฉีดเติมเต็มและปรับโครงหน้า เราจึงอยากให้เป็นก้อนแข็ง และคงตัวได้นานๆ ใต้ผิว แต่ปัจจุบันมีตัวยาใหม่ที่เป็น cross linked แบบน้อยๆ คือ ทำให้ยานิ่ม กระจายตัวแทรกเข้าผิวได้เร็ว แต่ยังคงตัวอยู่ในผิวได้นานๆ ทำให้ไม่ต้องฉีดเติมบ่อยๆ
สำหรับเทคนิคการฉีดนั้น สามารถใช้ทั้งเข็มปลายทู่และเข็มคมฉีด เนื่องจากเป็นการฉีดตื้นๆ ที่ผิว จึงไม่มีอันตรายแต่อย่างใด การฉีดด้วยเข็มคม อาจฉีดเป็นหยดเล็กๆ กระจายทั่วใบหน้า เมหือนตุ่มยุงกัดเล็กๆ หรือฉีดแบบเป็นเส้นๆ (Linear) ตามแนวเข็มก็ได้ หลังการรักษา 1-2 สัปดาห์ จะพบว่าผิวหนังบริเวณที่รักษาจะดูฟูขึ้น ใบหน้าจะดูอิ่มน้ำ สดใส หากรักษาบรเวณลำคอ จะพบว่าเส้นที่คอจะลดลง ผิวหนังยืดหยุ่นดีขึ้น ส่วนหลังมือก็ดูเต็มอิ่ม รอยเหี่ยวย่นลดลง ผิวหนังยืดหยุ่นดีขึ้น ส่วนหลังมือก็ดูเต็มอิ่ม รอยเหี่ยวย่นลดลง เพื่อการกระตุ้นผิวต่อเนื่อง การรักษาควรทำซ้ำใน 1-3 เดือน ต่อเนื่องกัน 3-5 ครั้ง และเมื่อรักษาต่อเนื่องจนผิวฟูขึ้นจนอยู่ตัว ก็จะพบว่าใบหน้ามีการยกกระชับขึ้น การหย่อนคล้อยของผิวจะค่อยๆ หายไป
ผลข้างเคียง และข้อควรระวัง
การรักษาด้วยการฉีดเติมสารไฮยาลูโรนิก HA เข้าผิวถือว่ามีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากสาร HA เป็นสารธรรมชาติของผิวหนัง พบตามธรรมชาติทั้งในมนุษย์ สัตว์ และพืช อีกทั้งยังมีโครงสร้างทางโมเลกุลเหมือนกันหมด จึงไม่มีปฏิกริยาข้ามกลุ่ม ไม่มีการแพ้ การเกิดปฏิกริยาการแพ้หลังการฉีดสาร HA ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากตัวยาไม่บริสุทธิ์ ปนเปื้อนโปรตีนในระหว่างขบวนการผลิต ดังนั้น การเลือกใช้ตัวยาที่ดีจึงสำคัญมาก ถึงจะมีราคาแพงหน่อย แต่ก็จะปลอดภัยกว่า อย่างไรก็ตามยังมีข้อพึงระวังจากการรักษาดังนี้
• หากฉีดด้วยเข็มคม แม้จะฉีดตื้น ก็อาจมีรอยเขียวช้ำได้ ซึ่งจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 3-7 วัน
• เนื่องจากเป็นการฉีดตื้น จึงอาจพบเป็นตุ่มเล็กๆ บนผิวได้ และเมื่อตัวยากระจายตัวออก ตุ่มก้อนจะค่อยๆ หายไป ภายใน 3-7 วัน
• ผู้ที่มีปัญหาร่องลึกและการยุบตัวของเนื้อเยื้อชั้นลึก การฉีดแบบนี้ไม่ได้ผล ต้องใช้ฟิลเลอร์ HA ชนิด cross linked ฉีดลงลึกเพื่อการเติมเต็ม
• การรักษานี้อาจช่วยการยกกระชับให้ผิวตึงขึ้น แต่ไม่อาจทำให้เกิดการยกหน้าได้ทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ที่มีการหย่อนคล้อยมาก ยังจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาในทุกๆ ชั้นผิว ตั้งแต่แก้การยุบตัวของโครงกระดูกและเนื้อเยื่อ ด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ HA สัมผัสกระดูก และการร้อยไหมละลายใต้ผิว เพื่อช่วยยืดผิวด้านบน เป็นต้น
บทสรุป
การรักษาด้วยการเติมน้ำหล่อเลี้ยงผิว ที่เป็นสารไฮยาลูโรนิก HA เข้าสู่ผิวชั้นบน เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อช่วยในการรักษาปัญหาผิวชั้นบน เพื่อแก้ปัญหารูขุมขน ผิวบาง รอยด่างดำ รอยแดง รอยหลุมสิว และริ้วรอยตื้นๆ การรักษาอาจจำเป็นต้องกระทำซ้ำหลายครั้ง เพื่อค่อยๆ กระตุ้นให้ผิวฟื้นตัว และสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาดังที่กล่าวมาแล้ว ยังทำให้ผิวหน้าเต่งตึง ชุ่มชื้น และเกิดการยกกระชับของผิวชั้นบนด้วย อันที่จริงเทคนิคการฉีดเติมสารไฮยาลูโรนิก HA เข้าสู่ผิวชั้นบนนี้มีมานานแล้ว แต่ไม่เป็นที่นิยม เพราะไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากในอดีต ตัวยา HA และเทคนิคการรักษายังไม่ดีพอ ดังนั้น การเลือกรักษากับแพทย์ และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานจึงมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อผลการรักษาที่ดี
นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ
ผู้อำนวยการนานาชาติ สมาคมแพทย์เกาหลี
ผู้อำนวยการ AIC ศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ (AIC Clinic)
(Some images used under license from Shutterstock.com.)