
© 2017 Copyright - Haijai.com
รู้ทันอาหารตัวอ้วนของร่างกายคุณ
ความอ้วน เป็นสิ่งที่เราต่างไม่ต้องการเพราะนอกจากจะสร้างบุคลิกภาพที่ไม่ดีแล้วยังเป็นตัวการบดยังความสวยความงาม ก่อกวนปัญหาหลักทางสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งการพิจารณาว่าบุคคลใดอ้วนนั้น พิจารณาจากดัชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งเป็ฯการวัด มีค่าเท่ากับน้ำหนัก (หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลังสอง บุคคลที่มีดัชนีมวลกายเกิน 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ถือว่าเป็นโรคอ้วน
ความอ้วน คือ การที่ร่างกายเรามีไขมันส่วนเกิน ซึ่งเกิดจากการมีปริมาณแคลอรีหรือรับประทานอาหารเข้าไปในร่างกายมากกว่าการใช้พลังงาน และยังเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งจากพันธุกรรมพฤติกรรมสุขภาพ เช่น การรับประทานอาหาร รูปแบบการออกกำลังกาย รวมไปถึงความผิดปกติต่างๆ เราเรียนรู้วิธีการเพื่อกำจัดความอ้วนหลายทาง ทั้งเรื่องการควบคุมแคลอรี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การรักษาทางการแพทย์ หรือแม้แต่การดูดไขมน ซึ่งดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้ คือ การรักษาจากสิ่งที่อยู่ปลายทาง เพราะปัญหาหลักๆ ก็ยังอยู่ที่เรื่องของการรับประทานอาหารในแต่ละเมนู แม้บางคนจะเถียงว่า ฉันควบคุมปริมาณอาหาร ควบคุมแคลอรีทุกอย่าง ก็ยังอ้วนอยู่ดี เหตุผลที่ยังอ้วนอยู่อย่างนี้ เพราะอาหารที่คุณคิดว่ากินแล้วไม่อ้วน อาจจะเป็นตัวการของความอ้วนก็เป็นได้
ลักษณะอาการเช่นนี้เป็นอาการของภูมิแพ้แฝง ที่นักวิจัยพบว่าก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งโดยมากมาจากอาหารสไตล์อเมริกัน ที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลสูง ไขมันทรานซ์สูง และคาร์โบไฮเดรตจำนวนมาก ซึ่งอยู่ในกลุ่มอาหารประเภทเบเกอรี่ เค้ก คุกกี้ แครกเกอร์ โดนัท แฮมเบอร์เกอร์ หรืออาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำๆ โดยสารจากแหล่งอาหารเหล่านี้ เป็นที่มาของการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกาย มีการสะสมของไขมันและกลายเป็นเกิดภาวะอ้วนในที่สุด
ทั้งนี้เรื่องของอากรภูมิแพ้ตามหลักแล้ว มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ ภูมิแพ้ชนิดเฉียบพลัน คือ เกิดจากภูมิคุ้มกันที่ไวเกิน ในร่างกายที่อยู่ในเลือดไปทำปฏิกิริยากับเม็ดเลือดขาว ที่อยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น เนื้อเยื่อในหลอดลม เลือด หรือโพรงจมูก เช่นแพ้อาหารทะเลแล้วตัวบวม หายใจไม่ออกเป็นต้น ส่วนประเภท 2 คือ ภูมิแพ้แบบแอบซ้อนหรือเรียกว่าภูมิแพ้อาหารแฝงลักาณะของอาการนี้จะมาแบบเงียบๆ แสดงออกไม่รุนแรงจนผิดสังเกต เช่น เป็นโรคอ้วน ที่ทำอย่างไรน้ำหนักก็ไม่ลด รวมถึงเกิดอาการที่ผิวหนัง เช่น เป็นสิว ผื่นคัน ผิวหนังแข็ง เป็นต้น
Ig G food allergy ทำความรู้จัก ภาวะแพ้อาหารแฝง
ภาวะนี้เป็นอาการแพ้อาหารที่ไม่ได้รุนแรง หรือแสดงออกมาทันที โดยมากเกิดจากากรที่เรารับประทานอาหารชนิดเดิมๆ ซ้ำๆ จนสารแอนตี้บอดี้ที่ชื่อ “อิมมูโนโกลบุลินชนิดจี” (IgG) เกิดการต่อต้านอาหารที่กินเข้าโปอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้มีอาการให้เรารู้ตัวว่าแพ้ ที่สำคัญคือพบได้บ่อย เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไป ทั้งเรื่องของความเครียด มลภาวะต่างๆ ทำให้เราเจอภาวะนี้มากขึ้น
การแพ้อาหารแฝงนี้ เกี่ยวข้องโดยตรงกับอาการลำไส้รั่ว ซึ่งเป็นภาวะที่เจอมากอีกเช่นกันในปัจจุบันและโดยมากผู้คนละเลยความสำคัญของลำไส้ ทั้งที่จริงแล้วลำไส้เปรียบเหมือนรากของต้นไม้ เมื่อลำไส้มีปัญหาการดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายลดลง ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้สารเคมี สารพิษเข้าสู่ร่างกายเราได้ ทั้งที่มันไม่ควรจะเป็น เมื่อระบบการดูดซึมอาหารผิดปกติ เนื่องจากเยื่อบุผนังลำไส้ไม่แข็งแรง ทำให้การดูดซึมอาหารผ่านผนังลำไส้มากผิดปกติ (intestinal permeability leaky gut syndrome) ทำให้อาหารที่ยังย่อยไม่หมด โดยเฉพาะโปรตีนที่ถูกย่อยไม่สมบูรณ์ขนาดใหญ่ถูกดูดซึมเข้าไป ทำให้เป็นสารแปลกปลอมจากภายนอกร่างกาย ที่สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการแพ้ได้ ซึ่งผลกระทบจากสิ่งเหล่นี้ โดยมากไม่แสดงออกชัดเจน แน่นอนว่าเราไม่มีทางรู้ตัวซ้ำร้ายยังไม่รู้ด้วยว่าการที่ลำไส้เรามีปัญหา เพราะเกิดภาวะแพ้อาหารแฝง ซึ่งบางครั้งอาจไม่เกิดขึ้นโดยทันที แต่เกิดขึ้นแบบสะสมและบางครั้งเกิดอาการได้ช้าถึง 72 ชั่วโมง เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป
ภาวะแพ้อาหารแฝงอย่างที่กล่าวมาคือเกิดจากการที่เรารับประทานอาหารเข้าไปทุกวันๆ จากเดิมที่ควรจะย่อยและดูดซึม แต่ปรากฏว่าร่างกายเรากลับต้องทำการปกป้อง สู่รบกับอาหารที่เรารับประทานเข้าไป เม็ดเลือดขาวก็ต้องทำการต่อสู่กับอาหารที่ไม่พึงประสงค์นั้นอย่างเงียบๆ นานวันเข้าก็เกิดการอักเสบ ของลำไส้และเกิดการรั่วซึมในที่สุด ก่อเกิดเป็นปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น อาการท้องอืด จุกเสียด มีลมในท้องเยอะ ท้องผูก อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ มึนงง ความจำไม่ดี สมาธิสั้นและภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยรวมก็จะทำงานแย่ลง ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าภาวะนี้เป็นตัวการที่ทำให้เราอ้วนได้ แม้จะคุมอาหาร คุมแคลอรีหรือขยันออกกำลังกายมาแล้วก็ตาม
Three Ways to Identify Food Allergies
3 ทางเลือก เลี่ยงอาหารที่ไม่เหมาะสมกับเรา
1.เข้ารับการตรวจเลือด
การทดสอบเลือดสำหรับสารก่อภูมิแพ้อาหาร IgG การตรวจเลือดสามารถช่วยให้เรารู้ได้ว่า การแพ้อาหารที่แอบแฝงอยู่นั้น เป็นอาหารชนิดใด หรือ IgG Food Allergy Test วิธีการ คือ ส่งเลือดเข้าไปตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะรายงานผลการตรวจออกมาเป็นระดับการแพ้ต่ออาหารแต่ละรายการ ซึ่งโดยปกติแล้วจะนำไปเทียบกับสีของอาหาร ในการ์ดเทียบสี หากระดับที่แพ้มากๆ จะนำไปเทียบกับสีของอาหาร ในการ์ดเทียบสี หากระดับที่แพ้มากๆ คือ สีเข้มมากๆ ทั้งนี้สารอาหารที่นำมาทดสอบถึง 221 ชนิด ล้วนแต่เป็ฯสารอาหารที่รับประทานกันอย่างแพร่หลายทั่วไป
เรียกได้ว่า จะสามารถรู้ได้ว่า อาหารชนิดใดที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้อาหารแฝงเรื้อรัง อาหารชนิดใดควรงดหรือหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้นเป็นเวลา 6 เดือน หรืออาหารบางชนิดก็ต้องจำกัดการรับประทานได้เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือ แพทย์จะเป็นผู้แนะนำถึงการปฏิบัติตัสำหรับการวางแผนเมนูอาหารเพื่อการบำบัดรักษา ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์จะทำงานรวบกันกับนักโภชนาการที่ได้รับการฝึกฝนในการจัดการกับการแพ้อาหาร
2.สังเกตด้วยตัวเอง
เราสามารถทราบได้ว่าเรามีภาวะภูมิแพ้แอบแฝงกับอาหารชนิดใดนั้นได้ด้วยตัวเอง คือ มั่นสังเกตและจดบันทึกอาหารที่รับประทานและอาการหลังรับประทานอาหารตลอด 7-14 วัน เรียกว่า food diary แล้วให้แพทย์วิเคราะห์อาหารชนิดที่แพ้ หากต้องการทดสอบการแพ้ที่แน่นอน แพทย์อาจแนะนำการใช้ food challenge โดยรับประทานอาหารที่ผู้ทดสอบมักเกิดการแพ้ภายในห้องสังเกตอาการ เพื่อว่าหากเกิดการแพ้ระดับรุนแรงจะได้ช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ซึ่งโดยมากชนิดของอาหารที่ทำให้เกิดภาวะแพ้อาหารแฝงที่พบบ่อย ได้แก่ แลกโตสในนม กลูเทนในข้าวสาลี สารปรุงแต่งอาหารต่างๆ เช่น ผงชูรส สารกันบูด เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มอาหารที่ก่อให้เกิดภาวะอาหารแฝงนี้ มีผลเชื่อมโยงกับภาวะดื้อต่อินซูลินและการเพิ่มของปริมาณน้ำหนักตัว
3.ฉีดวัคซีนภูมิแพ้เฉพาะบุคคล
เมื่อทราบแน่ชัดแล้วว่ามีอาการภูมิแพ้เกิดขึ้น ก็ใช้เลือดของตนเองมาช่วยในการรักษา โดยเจาะเลือดของผู้ป่วยภูมิแพ้ขณะที่เกิดการแพ้มีแล้ว นำมาแยกเซลล์ให้เหลือเฉพาะโปรตีน แล้วใช้ Serum activator เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของภูมิคุ้มกันไวเกินให้มีสภาพเป็น Antigen แล้วฉีดกลับเข้าไปให้ผู้ป่วยภูมิแพ้ เมื่อระบบภูมิต้านทานของร่างกายจะมีการปรับ โดยลดการสร้างภูมิคุ้มกันไวเกินลง ส่งผลให้ปฏิกิริยาภูมิแพ้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงสามารถรักษาหรือทุเลาอาการของโรคภูมิแพ้ได้นั้นเอง ทั้งนี้เราทุกคนล้วนมีภาวะภูมิแพ้อาหารแฝง มากบ้างน้อยบ้างต่างกัน ดังนั้น การสังเกตและเข้ารับการตรวจ ก็เป็นอีกทางออกหนึ่ง
ฉะนั้นใครที่มีปัญหาอ้วนอยู่แล้ว ประสบปัญหาลดน้ำหนักไม่ลง ทั้งที่ไม่ได้กินพวกของมันๆ กินแต่ผักและผลไม้ แล้วยังจำกัดแคลอรีต่ำๆ แต่ยังอ้วนอยู่อีก ก็อย่าเพิ่งท้อใจ เพราะอาจเกิดจากสาเหตุซ่อนเร้น แอบแฝงเช่นนี้อยู่ ดังนั้น เพื่อลดน้ำหนักให้ประสบความสำเร็จ บางที่คุณอาจจะต้องปรึกษาแทพย์ เพื่อค้นหาสาเหตุความเสียสมดุลของร่างกายว่า มาจากเจ้าอาหารตัวการใดนั้นเอง
(Some images used under license from Shutterstock.com.)