Haijai.com


น้ำมันสะเดา ศาสตร์ลึกลับแห่งความงามของสาวอินเดีย


 
เปิดอ่าน 10524

น้ำมันสะเดา ศาสตร์ลึกลับแห่งความงามของสาวอินเดีย

 

 

เรื่องของความสวยความงาม ของผู้หญิงได้ถือกำเนิดบนโลกใบนี้มาช้านาน แต่ละชนชาติย่อมมีเคล็ดลับความงามที่แตกต่างกัน ผู้หญิงอินเดียก็เช่นกัน พวกเธอมีเคล็ดลับความงามที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม อลังการงานสร้าง แถมยังตาคม ผมยาวสลวยบวกกับผิวพรรณที่เรียบเนียน แม้ว่าสภาพภูมิอากาศต้องผจญกับอาการที่แห้ง ยามหนาวก็เสียจนแสบผิว ยามร้อนผิวก็แทบแผดเผา แต่พวกเธอก็ยังคงความสวยงามให้อยู่คู่ผิวกายจนเป็นที่เรื่องลือมานับพันๆ ปี

 

 

“น้ำมันสะเดาและใบสะเดา” เคล็ดลับความงามของชาวอินเดียที่มีประวัติการถ่ายทอดสืบต่อๆ กันมานับพันปี ในการดูแลผิว จึงเรียกได้ว่าเป็นทรัพยากรอันทรงคุณค่าอย่างสูงในประเทศอินเดียและมีการใช้อย่างกว้างขวาง จนเรียกได้ว่าเป็นยาอายุรเวทสำหรับปัญหาผิวทั้งหลายๆ และเมื่อเร็วๆ ในแวดวงความงาม กระแสความนิยมต่อน้ำมันสะเดาได้มีแพร่กระจายมากขึ้นทั้งใน ยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา มีการพัฒนาด้วยการสกัดเมล็ดสะเดาอินเดีย (Azadirachta indica) จนสามารถใช้ได้ในเชิงพาณิชย์และกลายเป็ฯกระแสธุรกิจความงาม ที่นับวันจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเลยก็ว่าได้

 

 

ไขความลับความงามจาก “ต้นสะเดาอินเดีย”

 

สำหรับสาวอินเดียแล้ว พวกเธอรู้จักต้นสะเดาและน้ำมันสะเดาเป็นอย่างดี ซึ่งโดยทั่วทั่วไปจะเป็นสีแดงคล้ายๆ สีเลือดและมีกลิ่นค่อนข้างแรง มีส่วนประกอบตามหลักวิทยาศาสตร์ประกอบไปด้วยไตรกลีเซอไรด์และมีสารไตรเตอร์ปินนอยด์ จำนวนมาก จัดเป็นต้นไม้ที่เกิดในป่าดิบเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลต้นมะฮอกกานี มักขึ้นในภูมิประเทศที่มีความแห้งแล้ง จึงมีมากในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบางส่วนของแอฟริกา โดยมีประโยชน์ทั้งต้นและเปลือกรวมไปถึงใบ มีคุณสมบัติเป็นยา แน่นอนว่าลหายคุณสมบัติเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพผิว

 

 

3 Ways Neem Oil Will Improve Your Skin

 

ต่อต้านริ้วรอย น้ำมันสะเดาถูกนำมาใช้ในการทาบำรุงดูแลผิว เนื่องจากมีสรรพคุณที่เต็มไปด้วยสารอาหาร สะเดามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสามารถช่วยในการ ปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะแวดล้อม มีสารคล้ายกับแคโรทีน ที่ช่วยปกป้องอายุผิวจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ในน้ำมันสะเดา ยังกรดไขมันสูงที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว จึงช่วยลดการเกิดรอยแผลสิวได้ มีวิตามินอีที่สามารถดูดซับสู่ผิวได้ทันที ช่วยในการบำรุงผิวแบบผิวไม่มันเยิ้ม จึงสามารถฟื้นฟูเซลล์ผิวและคืนความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ดังนั้น เมื่อสาวอินเดียใช้เป็นประจำจึงสามารถปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอย ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยป้องยับยั้งการเกิดริ้วรอยอีกทางหนึ่ง ส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และสีผิวสมดุลสม่ำเสมอ

 

 

การปรับผิวที่มีรูขุมขนกว้าง น้ำมันสะเดาเหมาะสำหรับผิว ที่เกิดสิวได้ง่าย เนื่องจากสะเดามีสารแอสไพรินสามารถช่วยบรรเทาการระคายเคืองและการอักเสบของสิว สามารถกำจัดแบคทีเรียจากพื้นผิวเพื่อไม่ให้สิวลุกลาม นอกจากนี้ยังช่วยลดรอยแดงและการอักเสบ ซึ่งในประวัติสมัยก่อนของอินเดียมีบันทึกวิธีการ โดยการนำใบสะเดาที่มีความสากมาบดตำให้ละเอียดแล้วนำขัดถูสครับผิวหน้า ก็จะทำให้สิวอุดตันหลุดออกจากรูขุมขนได้ และช่วยกระชับผิวได้ในเวลาเดียวกัน

 

 

วิธีการใช้ ทาน้ำมันสะเดาในบริเวณที่เป็นสิว หรือผิวที่ต้องการรักษา อาจผสมรวมไปกับในน้ำมันบำรุงผิวอื่นๆ เพื่อป้องกันการระคายเคือง หากมีอาการระคายเคืองควรหยุดและปรึกษาแพทย์ น้ำมันสะเดานี้ใช้ทาภายนอกเท่านั้น

 

 

ปกป้องผิวแห้งจากการอากาศหนาว เรื่องของรอยแดงและโรคผิวหนังโดยเฉพาะกลากเกลื้อน เป็นสภาพผิวที่พบบ่อยมากจากอากาศหนาว เนื่องจากผิวถูกรบกวน ก่อให้เกิดการอักเสบ แลระคายเคือง ส่งผลให้ผิวหนังที่ผื่นแดง โดยมากจะเกิดกับคนผิวขาวชมพู เช่น คนตะวันตกและคนเอเชียทางเหนืออย่างพวกมองโกลเลีย แต่ไม่เป็นกับคนทางแถบประเทศเกาหลี จีน หรือ ญี่ปุ่น เพราะประเทศเหล่านี้จะมีอากาศหนาวขึ้น ไม่ใช่หนาวแห้งแบบทางอินเดีย ธิเบต หรือ มองโกลเลีย นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า เรื่องของโรคผิวหนัง รอยแดงมักอยู่ในพันธุกรรม บางคนเป็นมากมีอาการแสบแดงทั่วหน้า ส่งผลให้พวกเขาสรรพหาวิธีการเพื่อบรรเทาอาการเหล่านั้น ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเลือกใช้ก็หนีไม่พ้นน้ำมันสะเดาที่มีแล้วแทบทุกบ้าน ซึ่งน้ำมันสะเดาสามารถบรรเทาอาการได้ แต่จะไม่รักษารากสาเหตุของการเป็น เพราะเป็นอาการของผิว ที่เกิดจากพันธุกรรม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจากความสามารถในการลดการอักเสบและสมานรอยถลอก ก็สามารถบรรเทาได้มาก และสามารถใช้กับผู้ป่วยโรคเรื้อนกวางได้อีกด้วย

 

 

นอกจากนี้จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ พบว่าสะเดาจะมีคุณสมบัติในการ ยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส ก่อนต่อต้านเชื้อรา ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ในส่วนของแบคทีเรียก็สามารถทำลายการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย เป็นยาแก้ปวด บรรเทาความเจ็บปวด ต่อต้านการอักเสบ ลดอาการบางอย่างของการอักเสบบวม และต้านจุลชีพทำลายการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ได้อีกด้วย

 

 

ปัจจุบันน้ำมันสะเดาได้มีการพัฒนาออกเป็นเวชสำอาง วางขายในร้านเวชสำอางทั่วไป แต่ทั้งนี้ยังมีข้อจำกัดสำหรับกรใช้ โดยไม่ควรใช้ในผู้ที่ตั้งครรภ์หรือวางแผนว่าจะตั้งครรภ์ (ทั้งฝ่ายชายและหญิง) เนื่องจากมีส่วนผสมที่มีคุณสมบัติคล้ายแอสไพริน และไม่ควรใช้ในเด็กที่มีใช้

 

 

สะเดาอินเดีย VS สะเดาไทย

 

สะเดาที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในประเทศอินเดียนั้น มีลักษณะแตกต่างจากสะเดาไทย เพาะเป็นสะเดาต่างสายพันธุ์ แม้จะเป็นพืชชนิด (Species) เดียวกันก็ตาม สะเดาอินเดีย มีผิวลำต้นค่อนข้างเกลี้ยง ใบเล็กและมีหยักมากกว่า ดอกและใบอ่อนรสขมจัดกว่าสะเดาไทย จึงไม่นิยมนำมากินเหมือนสะเดาไทย แต่คุณสมบัติด้านอื่นๆ คล้ายคลึงกับสะเดาไทย สามารถใช้แทนกันได้

 

 

ส่วนสะเดาที่เราพบอยู่ทั่วไปในบ้านเรานั้น คือ สะเดาไทย ยอดและดอกมีรสขม ส่วนใหญ่นิยมขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด แต่ต่อมาสะเดาได้กลายพันธุ์มีลักษณะที่แตกต่างจากเดิม เช่น สะเดามัน (รสขมน้อย) สะเดาทะวาย และสะเดาดำ สำหรับสะเดาไทยนอกจากรับประทานอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์อีกหลายด้าน เนื่องจากสะเดาสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกหรือเนื้อร้าย และยังช่วยรักษาการเต้นของหัวใจให้อยู่ในระดับปกติ ในสะเดายังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ที่เป็นสารช่วยป้องกันและยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง โดยส่วนประกอบของสะเดามีประโยชน์ในทางยา ตั้งแต่ก้านและใบที่มีรสขมมากนั้น สมารถช่วยแก้ไข แก้ร้อนในดับกระหาย ใบอ่อนของสะเดานำมาตำใช้ทารักษาโรคผิวหนังได้ และยังมีประโยชน์ในการนำมาผสมกับน้ำมันเป็นยากำจัดแมลงศัตรูพืชได้เป็นอย่างดี นอกจากจะได้กำจัดแมลงศัตรูพืชแล้วยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย เปลือกของสะเดานำมาต้มกับน้ำสามารถแก้ไข้และแก้อาการท้องร่วงได้ ส่วนรากก็สามารถแก้อาการเสมหะในลำคอได้อีกทางหนึ่ง

(Some images used under license from Shutterstock.com.)