
© 2017 Copyright - Haijai.com
HIFU ULTRA V (Hight Intensity Focused Ultrasound)
นวัตกรรมยกกระชับ ปรับหน้าเรียว สบายผิวแบบเกาหลี
สัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความแก่ชรามักปรากฏอยู่บนใบหน้าเราเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผิวหนังที่หย่อนคล้อย คิ้วตก ตาตก ริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าสภาวะเสื่อมถอยของร่างกายหรือ “ความชรา” นี้ ย่อมเป็นสิ่งที่หลายคนไม่พึงปรารถนา ดังนั้น จึงเสาะหาแนวทางในการแก้ไขกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพัฒนาทั้งนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ออกสู่ตลาดความงามอยู่เสมอๆ
เมื่อพูดถึงการแก้ไขใบหน้าให้ตึงกระชับเรียบเนียนนั้น ในปัจจุบันก็มีวิธีการรักษามากมายที่จะสามารถช่วยให้ใบหน้ากระชับเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุที่แท้จริง โดยแบ่งออกเป็น 2 วิธีการคือ 1.ศัลยกรรมความงาม และ 2.หัตถการด้วยอุปกรณ์นวัตกรรมเพื่อความงาม
1.ศัลยกรรมความงามเพื่อการยกกระชับในหน้า (Face Lift)
วิธีการนี้คือการผ่าตัดดึงหน้า ที่สามารถแก้ไข ปรับรูปหน้าให้กระชับขึ้นได้ตรงจุดและดีที่สุด ลาขาดคาวมแก่ชราและผิวหนังที่เหี่ยวย่นหย่อนคล้อย สามารถยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึงขึ้น ซึ่งวิธีการนี้ถือเป็นวิธีการที่เห็นผลอย่างชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลง โดยเหมาะกับคนที่อายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไปที่มีปัญหาเกี่ยวกับความเหี่ยวย่นบนใบหน้า แล้วซ่อนแผลผ่าตัดไว้ที่หลังใบหูถึงศีรษะด้านหลัง และพักฟื้นค่อนข้างนาน เหมาะกับผู้ที่มีสุขภาพที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ เนื่องจากผ่าตัดต้องมีการวางยาสลบและก่อเกิดแผลเป็น แต่สามารถเห็นผลได้ชัดเจน
2.หัตถการความงามเพื่อยกกระชับใบหน้า (ไม่ผ่าตัด)
สำหรับคนที่กลัวมีด กลัวการผ่าตัด ก็สามารถเลี่ยงมาใช้วิธีใช้เข็มแทน ซึ่งเป็นการดึงหน้ากึ่งศัลยกรรม ที่สามารถช่วยในการยกกระชับได้เช่นกัน อาทิ
• การฉีดโบท็อกซ์ เป็นการลดรอยย่นบนใบหน้า หรือฉีดเพื่อให้หน้าเต่งตึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โบท็อกซ์ก็ไม่ได้ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวหรือกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ
• การยกกระชับด้วยไหม (Thread lift) ซึ่งเป็นการสอดไหม เพื่อให้ออกฤทธิ์ ไหมจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของเส้นเลือดและคอลลาเจนบริเวณใต้ผิว จึงทำให้เกิดการกรับตัวของผิวพร้อมกับการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้น เพื่อเสริมคอลลาเจนใหม่และการยกกระชับผิวหนังบริเวณหนังแท้ ทำให้เกิดการการสร้างผิวใหม่ ทำให้ผิวหนังตึงกระชับขึ้นทันที่ โดยไหมที่ใช้ได้คือไหมละลาย (PDO) ไหมทองคำ (Goldthread) ไหมฟันปลา (Aptos threads) ไหมสปริง (Spiral threads) เป็นต้นโยข้อดีของ 2 วิธีการนี้คือไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่มีข้อเสียคือต้องร่วมกับยาชา และขณะทำจะรู้สึกเจ็บ รวมถึงมีรอยแดงช้ำ ตามแนวเข็มที่ใช้ ในส่วนของผลการรักษายังสามารถแก้ไขได้เพียงยกกระชับด้านในเท่านั้น หากผิวหนังบริเวณด้านนอกมีการเหี่ยวย่นค่อนข้างมาก วิธีการเหล่านี้ยังไม่สามารถแก้ไขได้ผลดีมากนัก จึงไม่เหมาะกับคนที่มีอายุมาก
นอกจากนี้ยังมีการยกกระชับใบหน้าอีกลักษณะหนึ่ง คือ การพึ่งเทคโนโลยีการแพทย์ โดยเหมาะสำหรับคนที่ยังกลัวการใช้เข็มและมีดผ่าตัด ได้แก่
• การใช้เลเซอร์ ตามหลักความเป็นจริงคือ เลเซอร์จะใช้ได้เฉพาะระดับผิวชั้นบน ที่เป็นรอยดำ รอยแผลเป็นจากสิวชนิดตื้น ดังนั้น จึงไม่ค่อยเห็นผลในการนำมายกกระชับใบหน้ามากนัก พูดง่ายๆ คือ แทบจะไม่มีบทบาทเลยก็ว่าได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีการพัฒนาคิดค้นเทคโนโลยีขึ้นมาใหม่อีก เพื่อตอบโจทย์ความงามนี้
• การยกกระชับด้วยเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (RF) แบบพิเศษ ที่เหนี่ยวนำความร้อนให้เกิดขึ้นในผิวชั้นลึก ซึ่งวิธีการนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อย เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยในการยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย แบบไม่ทิ้งบาดแผล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ RF จะทำการปล่อยคลื่นไฟฟ้าความถี่เท่ากับคลื่นวิทยุ ซึ่งสามารถลงลึกถึงชั้นไขมัน ที่เป็นจุดต้านทานสูงสุดบนใบหน้า ตามหลักการทำงานของคลื่น RF นั้น จะส่งกระแสไฟฟ้าให้วิ่งตามน้ำ ซึ่งบนผิวของเราจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบ แต่เมื่อกระแสไฟฟ้าวิ่งไปจนถึงชั้นไขมันก็จะหยุดอยู่ตรงนั้น ดังนั้น จึงเกิดการสะสมของคลื่นพลังงาน RF ตรงบริเวณชั้นไขมัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือชั้นไขมันหายไปส่งผลให้หลังการรักษาเสร็จ ใบหน้าจะดูตอบ ซูบ หรือเสียโรงสร้างใบหน้าไป คนไข้จึงไม่นิยม เพราะจำเป็นต้องใช้สารเติมเต็มเข้ามาช่วย ที่สำคัญคือคนไข้จะรู้สึกได้ว่าใบหน้าไม่ได้ถูกยกกระชับอย่างแท้จริง รวมถึงมีอาการเจ็บและบวมหลังการรักษา
• การยกกระชับด้วยพลังงานอัลตร้าซาวด์ เทคโนโลยีตัวนี้จะคล้ายกับคลื่นวิทยุ แต่จะเป็นพลังงานอัลตร้าซาวด์ที่มีความเฉพาะเจาะจง (Focus Ultrasound) สามารถส่งผ่านพลังงานลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งลึกกว่าชั้นคอลลาเจน โดยข้อดีขีองคลื่นชนิดนี้คือ สามารถกำหนดความลึกได้ แต่ยังมีหลักการทำงานแบบเดียวกับคลื่นวิทยุ คือ ทำให้เกิดบาดเจ็บเล็กน้อย มุ่งเป้าหมายลงมาที่รอยต่อของชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) ซึ่งเมื่อมีการบาดเจ็บเกิดขึ้น เนื้อเยื่อเหล่นี้ก็จะมีการปล่อยสารที่ทำให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นคือเกิดการฟื้นตัวของผิวหนังเราเอง สิ่งที่ได้คือมีการสร้งคอลลาเจนเพิ่มขึ้นและเกิดการหดรัด ใบหน้าจึงกระชับขึ้นในที่สุด ด้วยข้อดีของคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่สามารถควบคุมความลึกลงสู่ชั้นผิวหนังได้ จึงไม่มีผลต่อการสลายชั้นไขมัน ดังนั้น จึงไม่ค่อยมีผลข้างเคียงที่ทำให้หน้าตอบ แต่ทั้งนี้ ยังมีข้อเสีย คือ คลื่นอัลตร้าซาวด์ จะมีการปล่อยพลังงานที่รุนแรง ทำให้คนไข้รู้สึกเจ็บ บางรายถึงชั้นทนไม่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้ยาชา หรือปรับลดค่าพลังงานลง ซึ่งแน่นอนเมื่อพลังงานลดลง ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เห็นผลได้ ไม่น่าพึงพอใจ เรียกได้ว่าวิธีการที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ล้วนเป็นวิธีการรักษาเพื่อช่วยในการยกกระชับใบหน้าด้วยกันทั้งสิ้น โดยมีข้อดีและข้อเสียที่เจ็บตัวมากน้อยแตกต่างกัน
จนกระทั่งล่าสุด มีการคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการยกกระชับใบหน้าขึ้นมาใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีคลื่นอัลตร้าซาวด์พลังงานสูง “High intensity focused ultrasound (HIFU)” ซึ่งเป็นนวัตกรรมเดียวกับคลื่นอัลตร้าซาวด์เดิม แต่พัฒนาให้คนไข้รู้สึกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น ขณะทำการรักษา เห็นผลเร็ว ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้ยาชาอย่างวิธีที่กล่าวมาทั้งหมด
High intensity focused ultrasound (HIFU)
เทคโนโลยีคลื่นอัลตร้าซาวด์พลังงานสูง
Ultra V HIFU โปรแกรมใหม่ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยของใบหน้าให้ตึงขึ้นได้ โดยไม่ต้องเจ็บตัว ตอบโจทย์ความงามของคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ปัญหาคางสองชั้น มีชั้นไขมันส่วนเกินใต้คางและแก้มที่ต้องการยกกระชับผิว มีใบหน้าเรียวขึ้น แต่กลัวเจ็บ กลัวเข็ม นวัตกรรมใหม่ในการยกกระชับใบหน้า HIFU นี้ จะทำการปล่อยพลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง ให้ลงลึกถึงใต้ชั้นผิวหนังบริเวณชั้นพังผืดที่รองรับเนื้อเยื่อของผิวหนัง พลังงานจะลงไปทำให้เส้นใยพังผืดหดกลับกระชับตึงขึ้น กระตุ้นการทำงานของไฟโบรบลาสต์เซลล์ ให้ผลิตเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มมากขึ้น เส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวมีการจัดเรียงตัวใหม่ทำให้ผิวดูเต่งตึงและยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก เพิ่มกระบวนการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวหนังดูสดใสและเปล่งปลั่งขึ้น ในระหว่างการรักษาทำได้โดยมไต้องใช้ยาชา ทำแล้วสบาย คนไข้ไม่ต้องทรมานต่อความเจ็บปวด หลังกรรักษาสามารถแต่งหน้าทำกิจกรรมได้ตามปกติทันที โดยไม่มีรอยแดงหรือไหม้ โดยผลการรักษาจะดีขึ้น เมื่อทำกระตุ้นซ้ำในช่วงระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน โดยเฉลี่ยกระตุ้น 1-2 ครั้ง จะส่งผลให้การรักษาจะอยู่ได้นานขึ้น และหลังจากนั้นอาจจะมาซ้ำในทุก 3-6 เดือน โดยไม่มีผลข้างเคียง
นอกจากนี้สำหรับผู้ที่เคยผ่านการฉีดฟิลเลอร์หรือการร้อยไหมมา ก็สามารถทำ HIFU ได้เช่นกัน เนื่องจากเทคโนโลยีชนิดนี้ จะส่งผลต่อเซลล์ผิวชั้นลึก หากทำการฉีดฟิลเลอร์หรือการร้อยไหมมา ให้เว้นระยะ 1-2 เดือน แล้วค่อนเสริมด้วยเทคนิคนี้ ก็จะยิ่งทำให้ใบหน้าดูกระชับและช่วยเสริมให้เกิดการรักษาตัวให้หายเร็วขึ้น
เทคนิค Program HIFU โดย Ultra V Korea
ทาง Ultra V Korea ได้มีการพัฒนาการเทคโนโลยี เพื่อเสริมประสิทธิภาพของการรักษายกกระชับใบหน้าควบคู่กับการทำ HIFU ด้วยโปรแกรม Cryo stem cell โดยการผลัก stem cell peptide serum ด้วยการใช้เครื่องทำความเย็น -15 องศา เพื่อให้ผิวที่ถูกกระตุ้นและมีความร้อนส่วนหนึ่งอยู่ในผิว ให้เกิดการซ่อมและสร้างผิวใหม่ เกิดการฟื้นฟูและช่วยให้ซ่อมแซมตัวเองให้หายเร็วขึ้น กระจ่ายใสขึ้นกว่าการปล่อยให้ผิวที่ได้รับการบาดเจ็บซ่อมแซมตัวเองเพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังมีการใช้ร่วมกับหน้ากากชะลอวัย LED Mask ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อให้เกิดการรักษาที่ดียิ่งขึ้นตามความต้องการของคนไข้
นพ.ควอน ฮัน จิน
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเซลล์ต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี
Ultravclinic.com
(Some images used under license from Shutterstock.com.)