© 2017 Copyright - Haijai.com
ใต้ตาแก่ แก้ให้ถูกที่
หลายๆ คนคงสังเกตุเห็นตัวเองว่า พออายุเริ่มเข้าวัย 35 ปี ส่องกระจกทีไร รู้สึกว่าใบหน้าเริ่มดูทรุดโทรม เศร้าหมอง หลายคนก็ทราบว่าปัหาใบหน้าดูทรุดโทรมมีสาเหตุหลักมาจาก ใต้ตา แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบ การรักษาที่ผิดจุด และไม่ได้แก้สาเหตุ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้การรักษาไม่ได้ผล อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาตามมาด้วย
สาหตุปัญหาใต้ตา (ร่องลึก ถุงใต้ตา และหย่อนยาน)
ปัญหาใต้ตาในคนอายุน้อยนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากโครงกระดูกช่วงเบ้าตา และใต้ตา ที่เจริญเติบโตไม่ดี ทำให้ไม่มีตัวค้ำยันเนื้อเยื่อใต้ตา ทำให้เห็นเป็นถุงใต้ตาและร่องใต้ตาได้เหมือนคนแก่ แต่ลักษณะผิวหนังยังตึงไม่หย่อนสำหรับสาเหตุปัญหาใต้ตาที่บทความนี้จะเน้นคือ ปัญหาที่เกิดจากการแก่ ซึ่งแก้ไขยากกว่า และเกิดจากหลายสาเหตุดังนี้คือ
1.การยุบตัวของกระดูกเบ้าตา เมื่ออายุมากขึ้น
2.การยุบตัวของชั้นเนื้อเยื่ออ่อน ทั้งชั้นไขมัน และกล้ามเนื้อ เมื่อรวมกับข้อ 1 จึงเกิดเป็นร่องลึกชัดเจนมากขึ้น
3.การหย่อนของผิวหนังชั้นบน และการยืดออกของชั้นกล้ามเนื้อรอบดวงตา เมื่อมีการยุบตัวจากข้อ 1 และข้อ 2 ร่วมกับการหย่อนยาน จึงทำให้เกิดการทะลักของถุงไขมันใต้ลูกตาออกมา ทำให้เห็นเป็นถุงใต้ตาขนาดใหญ่ (Pseudo Herniation of orbital Fat)
4.การยืดออกของเส้นเอ็นที่ยืดผิวหนังไว้กับกระดูกเบ้าตา ทำให้เกิดการทะลักของถุงไขมันใต้ตามากขึ้น และเห็นเป็นร่องลึกเป็นเส้นโค้งตามแนวยืดของเส้นเอ็น
นอกจากนี้ผลจากข้อ 3 และ ข้อ 4 ยังอาจทำให้เกิดลักษณะขอบตาล่างหย่อน และหรือมีขอบตาล่างแหกอ้าน้อยๆ (Lower Eylid Malposition) ร่วมด้วย
แนวทางการรักษา
1.การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
ทั้งนี้ข้อบ่งชี้ของการผ่าตัดคือ มีการเคลื่อนตัว ทะลัก ของถุงไขมันใต้ลูกตาออกมามาก ร่วมกับมีการยืดยานออกของผิวหนัง ทำให้เกิดมีผิวหนังเกิน ถ้าเป็นแบบนี้ผ่าตัดดีที่สุด แต่หากตัดถุงไขมันออกตรงๆ ก็จะทำให้เกิดร่องลึกใต้ตาตามมา และหากคนไข้มีลักษณะขอบตาล่างหย่อนและหรือมีขอบตาล่าแหกอ้าร่วม หลังกผ่าตัดจะมีโอกาสเกิดลักษณะเปลือกตาล่างแหกปลิ้นสูงมาก ดังนั้น ศัลยแพทย์ที่ชำนาญจึงมักหลีกเลี่ยงการผ่าตัดให้เคสเหล่านี้ หรือต้องผ่าตัดอย่างระมัดระวังมาก สำหรับในคนอายุน้อยนั้น โดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 35 ปี แทบไม่มีข้อบ่งชี้เลย ในการผ่าตัดคนอายุน้อยที่ไปผ่าตัดรักษาถุงใต้ตา ร่องใต้ตา มักเกิดผลข้างเคียง เพราะแพทย์ทำการรักษาเกินขอบเขตให้ เนื่องจากไม่มีข้อบ่งชี้เพียงพอในการผ่าตัด
2.การรักษาด้วยวิธีการแบบไม่ผ่าตัด
หลายๆ คนอาจสงสัยว่า หากไม่ผ่าตัดจะแก้ปัญหาได้จริงหรือ อันที่จริงการรักษาที่ถูกต้องนั้น ต้องรู้สาเหตุ และแก้ที่สาเหตุให้ตรงจุด ซึ่งในปัจจุบันแพทย์หลายๆ ท่าน ก็ยังไม่เข้าใจ เช่น การแนะนำคนไข้ฉีดโบท็อกซ์รอบตา และใต้ตา เพื่อหวังให้ผิวตึงขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าผิวตึงขึ้นแต่ช่วงหางตา แต่ใต้ตากลับหย่อนเป็นถุงมากขึ้น ทั้งนี้เพราะโบท็อกซ์ไปคลายกล้ามเนื้อรอบตา เลยทำให้ยิ่งหย่อนลง และยังทำให้เกิดการคั่งบวมน้ำ ถุงใต้ตาเลยยิ่งบวมมากขึ้น หรือแพทย์บางท่านแนะนำคนไข้ ทำเลเซอร์ หรือคลื่นวิทยุ หรืออัลตราซาวด์ ใต้ตา เพื่อให้ผิวกระชับ แก้ถุงและแก้ร่อง แต่กลับไม่ได้ผลเลย เพราะเครื่องมือเหล่านี้ออกฤทธิ์ที่ผิวชั้นบนเท่านั้น แต่ไม่ได้แก้เรื่องการยุบตัวที่ด้านล่าง และที่กระดูกเลยการรักษาปัญหาใต้ตา (ร่องลึก ถุงใต้ตา และหย่อนยาน) โดยไม่ผ่าตัดนั้น เพิ่งมีมาช่วง 2-3 ปีนี้เอง โดยอาศัยเทคนิคการร้อยไหมละลายที่พัฒนาขึ้นใหม่ ร่วมกับเทคนิคใหม่ในการฉีดฟิลเลอร์ไปที่กระดูก โดยอาศัยหลักดังนี้ คือ
• ฉีดฟิลเลอร์ด้วยเข็มปลายทู่ไปที่กระดูกใต้ตา และขอบเบ้าตา เพื่อทดแทนส่วนกระดูก และเนื้อเยื่ออ่อนที่ยุบตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น ฟิลเลอร์จะไปค้ำยันเนื้อเยื่อด้านบน และช่วยดันถุงไขมันกลับเข้าไปใต้ลูกตา เป็นการแก้สาเหตุในข้อ 1 และ 2
• ฉีดฟิลเลอร์ลงไปค้ำยัน เพื่อแก้ปัญหาการหย่อนตัวของเส้นเอ็น เพื่อแก้สาเหตุในข้อ 4
• ร้อยไหมลายใต้ตา เพื่อแก้สาเหตุในข้อ 3
กรรมวิธีการรักษาดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่การรักษาอาจต้องกระทำซ้ำ 2-3 ครั้ง เพื่อค่อยๆ ปรับแก้ให้ใต้ตากลับสู่สภาพปกติ ทั้งนี้หากแพทย์ทำได้ถูกเทคนิควิธี ผลการรักษาจะออกมาดีมาก และไม่มีผลข้างเคียงเลย
บทสรุป
การรักษาปัญหาใต้ตาที่ถูกต้องนั้น ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ ว่าสาเหตุมาจากอะไร ในอดีตเราอาจต้องพึ่งการผ่าตัดทั้งหมด แต่ปัจจุบันด้วยเทคนิคที่ก้าวหน้าของการร้อยไหม และการฉีดฟิลเลอร์ แบบใหม่ทำให้ความจำเป็นในการผ่าตัดลดลง โดยส่วนตัวเห็นว่าจำเป็นต้องผ่าตัด ในกรณีมีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ ร่วมกับมีผิวหนังที่ยืดออกเกินเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ สามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องผ่าตัดทั้งสิ้น โดยเฉพาะคนไข้อายุน้อย การรักษาแบบไม่ผ่าตัดเหมาะสมกว่า อีกทั้งไม่ต้องกลัวผลข้างเคียงจากการผ่าตัดด้วย
นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ
ผู้อำนวยการ AIC ศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)