เปลี่ยนความคิดของคุณเปลี่ยนชีวิตของคุณ

เปลี่ยนความคิดของคุณเปลี่ยนชีวิตของคุณ

Change Your Mind Change Your Life

ในหนึ่งวันของโลกที่วุ่นวายใบนี้  มีหลายอย่างเกิดขึ้นร้ายบ้างดีบ้างปะปนกันไป  แต่ด้วยธรรมชาติของคนเราที่มักจะไวต่อสิ่งร้ายร้าย มากกว่าสิ่งดีดี จนดูเหมือนว่าสังคมที่เราอยู่ทุกวันนี้มีแต่เรื่องแย่ๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือเรื่องข้อมูลข่าวสาร เรามักจะสนใจและพูดถึงเรื่องร้ายๆ ในชีวิตของคนอื่นที่กำลังเป็นข่าวคราว บ่นและกังวลต่อที่มาและต้นเหตุของเรื่องนั้นๆ จนมันติดอยู่ในความคิด และเผลอคิดหรือตัดสินเรื่องดีดี เพียงเพราะมีประสบการณ์การรับรู้ที่แย่ๆ มา ซ้ำร้ายบางคนปิดกั้นโอกาสดีๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตไป แค่เพราะสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นไปตามที่ใจคิด หากได้ลองเปลี่ยนมุมมองดูบ้าง คุณอาจจะเห็นว่าโลกใบนี้น่าอยู่กว่าที่คิด สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นย่อมมีดีในตัวของมันอยู่แล้ว ส่วนจะดีอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเปลี่ยนความคิดได้แค่ไหนเท่านั้นเอง

เปลี่ยนความคิดของคุณ Change your Mind

ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนมุมมองหรือชีวิตในครอบครัวให้หันหน้าสู่ด้านที่สร้างสรรค์และเป็นบวกนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดของคุณในฐานะพ่อแม่ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบกับลูกๆ  มีอยู่สามอย่างข้างในตัวของสมาชิกในครอบครัวค่ะที่จะต้องเปลี่ยนก่อน จัดการสามสิ่งดังนี้ให้ได้ค่ะ

Mind Power ระวังความคิด

ความคิด คือเครื่องมือส่งผ่านสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตคุณ อย่างแรกคุณต้องระมัดระวังหรือกำจัดความคิดไม่ดีในใจเสียก่อน เพราะมันจะเผลอกลายมาเป็นคำพูดและสุดท้ายก็กลายเป็นการกระทำนั่นเอง ที่สำคัญกว่านั้นเด็กๆ ในบ้านคอยจับตาดูคุณอยู่ ความคิดของคุณเหมือนกับหนังหรือรายการทีวีที่กำลังฉายอยู่ โดยมีผู้ชมคือเด็กๆ ที่ซึมซับพฤติกรรมต่างๆ จากรายการทีวีที่คุณฉายอยู่ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าอยากให้ลูกได้เรียนรู้แต่สิ่งที่ดีๆ คุณต้องเปลี่ยนรายการทีวีหรือหนังที่ฉายอยู่ให้ดีเสียก่อนค่ะ

ทัศนะคติกำหนดชีวิต Attitude is Everything

ทัศนคติคือตัวกำหนดทุกอย่างในชีวิตของคน ทัศนคติติดบวกจะนำความสุขมาสู่ชีวิตของคนเรา และมีพลังถึงขนาดเปลี่ยนชีวิตของคุณตลอดไปได้เลย เมื่อคิดถึงด้านสว่างของชีวิต ทั้งชีวิตก็จะมีแต่ความสว่าง ไม่ใช่แค่ตัวคนที่คิดเท่านั้นที่ได้รับผลดีจากเรื่องนี้ ทุกคนบนโลกนี้จะได้รับผลดีจากการมีทัศนคติติดบวก เริ่มจากที่บ้านค่ะเมื่อออกไปสู่สังคมภายนอก อย่างน้อยคนในครอบครัวคุณจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกใบนี้สดใสน่าอยู่ 

คิดบวก ชีวิตบวก Go Positive

เวลาเจอกับความทุกข์ คนเรามักโทษดิน ฟ้า อากาศ โชคชะตา หรือว่าคนรอบตัว มีน้อยคนนักค่ะที่จะหันมามองว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มีเหตุมาจากอะไร  ทุกอย่างมีที่มาที่ไปค่ะ ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมันแย่และคุณเป็นทุกข์กับมัน ต้องหันมองย้อนไปว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไร เพราะถ้าคุณทำสิ่งที่ดี คิดแต่เรื่องดีมาก่อนแน่นอนว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมันไม่มีทางจะแย่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ค่ะ มาเริ่มต้นนับหนึ่งทำชีวิตให้มีแต่เรื่องดีๆ  หันหน้าเข้าหาชีวิตทางบวกตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้ชีวิตคุณจะไม่แย่

เปลี่ยนชีวิตของคุณ Change your Life

เมื่อคุณทั้งครอบครัวได้รู้แล้วว่าจะหันหน้าเข้าหาชีวิตด้านบวกได้มันต้องเริ่มที่ปัจจัยภายในก่อน ทีนี้เรามาดูกันค่ะว่า เมื่อความคิดคุณเปลี่ยน คุณจะมองเห็นสิ่งที่ดีในเรื่องเลวร้าย และสิ่งที่ดียังมีอยู่เสมอ หรือจริงๆ แล้วสิ่งที่คุณเห็น คุณเป็น และเจอนั้นมันอาจไม่ได้เลวร้าย แต่ที่ร้ายคือความคิดในจิตใจของคุณเอง ทีนี้ลองชวนทุกคนในครอบครัวมาฝึกมองเรื่องราวต่างๆ นั้นด้วยสายตาและความคิดแบบใหม่ แล้วดูว่าผลที่ตามมาคืออะไร

คนคิดบวกคือคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต

ศาสตราจารย์ Martin Seligman  นักจิตวิทยาชื่อดังชาวอเมริกัน ผู้ศึกษาเรื่องการมองโลกในแง่ดี  ให้ข้อมูลว่า เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์แย่ๆ คนเราก็มักจะเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ที่เคยผ่านมาเข้า  จะมีการสื่อสารภายในกับตัวเองเช่น  ฉันผิดอีกแล้ว มันแย่กว่าเดิม มันคงไม่ดีขึ้นแล้ว ส่วนอีกฝ่ายตรงกันข้ามก็จะคุยกับตัวเองเช่นกัน แต่เขาจะคุยว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจัดการได้ ฉันทำให้มันดีขึ้นได้ คนที่มองโลกในแง่ดีจะมองหาและนำพาแต่สิ่งที่ดีๆ มาสู่ชีวิต และทำให้มันอยู่อย่างนั้นเป็นประจำค่ะ  นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ Seligman ยังบอกอีกว่า การฝึกฝนและเรียนรู้ที่จะเป็นคนมองโลกในแง่ดีจะทำให้ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการเรียนรู้ การศึกษา รวมทั้งประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย อีกสิ่งที่สำคัญคือการคิดถึงภาพความสำเร็จหรือภาพที่คนเราปรารถนา ยังช่วยพาไปสู่ความเป็นจริงของภาพนั้นได้ โดย Remez Sasson นักเขียนหนังสือแนวส่งเสริมความคิดด้านบวกและเจ้าของเว็บไซต์ successconsciousness.com กล่าวว่า การจินตนาการภาพในเชิงสร้างสรรค์คือสิ่งที่จะนำพาให้เราไปสู่ภาพที่ดีนั้นได้ เมื่อเราจินตนาการถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในทางที่ดี สิ่งนั้นมันจะเกิดขึ้นจริง

คุณมีสิ่งที่คุณคิด You are what you think

“คนเราเป็นอย่างที่ตนคิดได้” Morris Goodman นักเขียนและวิทยากรระดับโลกกล่าวเอาไว้จากประสบการณ์ตรงในชีวิตของเขาเอง  Morris คือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินต้องนอนเป็นอัมพาตทั้งตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หมอทุกคนลงความเห็นว่าเขาจะต้องนอนเป็นอัมพาตอยู่ที่โรงพยาบาลไปตลอด มอริส กู๊ดแมน บอกว่าสิ่งที่หมอคิดตอนนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญต่อเขาเลย สิ่งที่เขาคิดคือเขาจะต้องออกจากโรงพยาบาลได้ คิดและมองเห็นภาพตัวเองหายเป็นปรกติ ความรู้สึกข้างในจิตใจของ Morris สั่งให้เขาทำทุกสิ่งทุกอย่างและเขาเริ่มทำมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ  และสุดท้ายเขากลับมาหายเป็นปรกติ เดินได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้หมอต่างลงความเห็นว่าเขาไม่มีวันหายหรือจะเดินได้ ปัจจุบัน Morris Goodman เป็นที่รู้จักในฐานะของมนุษย์ปาฏิหาริย์  เป็นตัวอย่างของบุคคลที่คิดและมองโลกในแง่ดี ซึ่งความคิดภายในจิตใจของคนเรานั้นมีพลังอำนาจอันลึกลับและไร้ขีดจำกัด และจริงที่อย่างที่ Morris ว่าค่ะ  “You are What you think”

วณิชยา ถิ่นนาเวียง