© 2017 Copyright - Haijai.com
15 ข้อเตือนใจ สร้างวินัยให้ลูกน้อย
ความมีระเบียบวินัยถือเป็นอีกหนึ่งคุณธรรมประจำใจที่เราท่องกันมาตั้งแต่เด็กแล้วใช่ไหมคะ พูดไปแล้วก็ดูเหมือนจะทำง่าย แต่ด้วยสังคมบ้านเราที่ “ทำอะไรตามใจ คือไทยแท้” แบบนี้ทำให้เรื่องการมีระเบียบวินัยของหลายๆ บ้านอาจจะหย่อนยานสักหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการฝึกระเบียบวินัยตั้งแต่เด็กก็เป็นสิ่งที่สมควรทำ เพราะไม้อ่อนนั้นย่อมดัดง่ายกว่าไม้แก่ วันนี้เราจึงมี 15 ข้อเตือนใจ (คุณพ่อคุณแม่) มาฝากกันค่ะ
1.ลูกทำตามที่เห็นคุณทำ
หรือสำนวนไทยที่ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นนั่นแหล่ะค่ะ ถ้าอยากจะให้ลูกเป็นคนมีระเบียบ ต้องเริ่มต้นจากคุณพ่อคุณแม่ก่อนอย่างไม่น่าสงสัย เพราะเด็กในวัยนี้จะเกิดการเรียนรู้ในเรื่องของแบบแผนพฤติกรรมจากต้นแบบที่ใกล้ชิด ซึ่งก็หนีไม่พ้นคุณพ่อคุณแม่ที่จะเป็นตัวอย่างให้เขา ดังนั้นถ้าคุณรู้สึกว่ายังเป็นคนที่มีวินัยในตัวเองไม่พอล่ะก็ต้องเริ่มปรับที่ตัวคุณก่อนค่ะ
2.แสดงอารมณ์เพื่อให้เรียนรู้
นอกจากในด้านพฤติกรรมแล้วการแสดงออกก็เช่นกัน คุณควรแสดงความรู้สึกในแบบที่คุณเป็น เช่น ไม่พอใจก็ควรให้ลูกรู้ว่าโกรธ แต่ไม่ใช่การโวยวาย ตีโพยตีพาย เด็กจะเรียนรู้ว่าเค้าทำผิดและแสดงการขอโทษได้อย่างถูกต้อง เพราะบางครั้งการเก็บอารมณ์และปล่อยให้เรื่องราวแย่ๆ ผ่านพ้นไปโดยไม่ทำอะไร ลูกจะไม่เกิดการเรียนรู้เรื่องการขอโทษ และจะกลายเป็นคนที่ขอโทษไม่เป็น
3.ให้สิ่งดีเมื่อทำดี
อาจจะดูเป็นวิธีโบราณสักหน่อย แต่ใช้ได้ผลจริงมาหลายยุคหลายสมัยแล้วนะคะ กับการให้แรงเสริมลูกในเรื่องง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้การให้รางวัลที่เสียเงินเสียทองอะไร อาจจะแค่ชมเชยเมื่อเขาทำถูกต้อง เช่น ลูกเก็บของเล่นเข้าที่เมื่อเล่นเสร็จ ลูกขอโทษพี่เลี้ยงที่ทำข้าวหก ฯลฯ หรืออาจจะใช้การกอด หอมแก้ม เป็นการแสดงให้ลูกรู้ว่าเขาจะได้สิ่งดี เมื่อทำดี และเขาจะทำพฤติกรรมนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ
4.ลองฟังเหตุผลสักนิด
เมื่อลูกแสดงความคิดเห็นอะไรก็ตาม หรือเมื่อมีประเด็นขัดแย้ง ลูกไม่ยอมทำตาม แต่เขามีเหตุผลอะไรบางอย่าง ตรงนี้อยากจะขอให้คุณพ่อคุณแม่เปิดใจฟังสักนิดค่ะ ไม่ใช่อะไรก็ “ไม่ๆๆๆ” “ทำตามแม่นั่นแหล่ะ” อย่างนี้ลูกจะรู้สึกว่าเขาไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็นของตนเอง ต่อไปก็จะเป็นเด็กที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ เพราะเขาเรียนรู้ที่จะทำตามคำสั่งอย่างเดียว
5.รักษาสัญญา
ข้อนี้สำคัญมากสำหรับทั้งเด็กๆ และผู้ใหญ่ นอกจากจะช่วยให้ลูกมีวินัยในตนเองแล้ว การรักษาสัญญาจะช่วยให้นิสัยชอบ “โกหก” ในเด็กลดลงด้วย เพราะเมื่อเขาเรียนรู้ว่าเรื่องจริงเป็นสิ่งดี เขาก็ไม่คิดจะสร้างเรื่องแต่อย่างใด
6.เล่นไม่เลิก
หลายครั้งค่ะที่เด็กๆ มักจะเล่นจนลืมตัว เพราะเขาอาจจะยังไม่สามารถควบคุมตนเองได้ทั้งหมด บางครั้งลูกอาจจะเล่นเกินเวลาไปบ้าง ยิ่งในเด็กเล็กที่อาจจะยังอธิบายอะไรไม่ได้มาก สิ่งที่คุณแม่ควรทำไม่ใช่การหยุดพฤติกรรมแบบฉับพลัน เพราะนั่นจะทำให้เด็ก “ช็อค” เพราะต้องหยุดทำสิ่งนั้นกะทันหัน อาจจะใช้วิธีเบี่ยงความสนใจ หรือพาลูกออกไปจากจุดนั้นค่ะ
7.สั่งได้ ให้เป็นบวก
คุณแม่สามารถใช้คำพูดสั่งลูกให้ทำโน่นทำนี่ได้ค่ะ ไม่ผิดกติกา แต่คำพูดที่เลือกใช้ควรจะเป็นคำพูดในแง่บวก ซึ่งจะโน้มน้าวใจให้ลูกยอมทำตามมากว่าคำพูดในแง่ปฏิเสธ เช่น ให้พูดว่า “ถือแก้วดีๆ ระวังหกนะลูก” จะดูดีกว่า “ถือแก้วดีๆ อย่าทำน้ำหกนะ”
8.สั่งอะไรให้จริงจัง
ข้อนี้สำคัญมากค่ะ เพราะว่าการสร้างรูปแบบพฤติกรรมของลูกนั้นส่วนหนึ่งมาจากคุณ ดังนั้น เวลาที่คุณสั่งลูกให้สั่งอย่างเด็ดขาด แต่ไม่ใช่การดุนะคะ คือให้ใช้เสียงดัง ถ้อยคำที่ชัดเจน ให้ลูกรู้ว่า “ต้องทำ” หรือ “ห้ามทำ” เพราะไม่เช่นนั้นลูกก็จะสับสน ไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณพูดนั้น จำเป็นต้องทำหรือไม่ ที่สำคัญอย่าสั่งลูกด้วยอารมณ์โกรธ เพราะลูกจะติดนิสัยจากพฤติกรรมตรงนี้มา อาจจะส่งผลต่อความก้าวร้าวในตัวลูกต่อไปได้
9.คงเส้นคงวา
ในการตอบสนองพฤติกรรมลูกนั้นควรตอบสนองอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ที่สำคัญคุณพ่อและคุณแม่ต้องตอบสนองในทางเดียวกันด้วยนะคะ ลูกถึงจะเรียนรู้ถึงสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการจะสื่อ เช่น วันหนึ่งลูกเล่นของเล่นแล้วไม่เก็บ คุณแม่อาจจะใช้วิธีสอนและอธิบาย แต่พอมาอีกวันลูกก็เล่นของเล่นไม่เก็บอีก แต่วันนี้คุณแม่เหนื่อยจากการทำงานแล้ว ก็ไม่ได้สอนหรืออธิบายเหมือนเดิม แต่เก็บเอง อันนี้ลูกก็จะไม่รู้ค่ะว่าตกลงเขาต้องเก็บ หรือไม่เก็บของเล่นเมื่อเล่นเสร็จ
10.สอนในทางเดียวกัน
คุณพ่อคุณแม่ หรือคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายต้องต้องเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันก่อนค่ะ ไม่เช่นนั้นลูกก็จะไม่เรียนรู้และยังจะสับสนได้ด้วย เช่น เวลาอยู่กับคุณตาคุณยายจะเล่นของเล่นแล้วไม่เก็บก็ได้ เพราะพวกท่านตามใจหลาน แต่พอมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ลูกก็จะคิดว่า “ทำไมต้องเก็บล่ะ” เพราะเวลาอยู่กับคุณยาย ก็ไม่ต้องเก็บเอง
11.เสริมสร้างจากหนังสือ
อีกหนทางหนึ่งที่จะปลูกฝังการมีวินัยได้ไม่ยาก คือให้ลูกซึมซับจากนิทาน เด็กเล็กๆ ก็ควรเลือกเป็นหนังสือภาพที่พอมีตัวอักษรให้คุณพ่อคุณแม่เล่าให้ฟัง พอโตสักนิดก็ให้ลูกอ่านเองถ้าโตหน่อยอาจจะเลือกแบบมีเรื่องมีราวขึ้นมาบ้าง วิธีการนี้นอกจากจะช่วยปลูกฝังเรื่องความมีวินัยแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการอ่านอีกด้วยค่ะ
12.สร้างกฎที่ชัดเจน
การสร้างกฎข้อบังคับต่างๆในบ้าน ต้องชัดเจน และเป็นสิ่งที่ต้องตกลงกันก่อนเสมอ อย่างเช่น “ถ้าลูกทำตัวดี ลูกจะได้ดูทีวีรายการ...ก่อนนอน” คำว่า “ทำดี” ลูกอาจจะไม่เข้าใจเป็นรูปธรรมได้เหมือนกับคุณ เพราะฉะนั้น ให้บอกไปเลยว่า “ถ้าลูกเก็บของเล่นเรียบร้อย ลูกจะได้ดูทีวีรายการ...ก่อนนอน” แบบนี้ลูกจะเข้าใจ เห็นภาพได้มากกว่า ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมที่ลูกจะแสดงออกอีกด้วย
13.อย่าใจอ่อน
นี่ก็สำคัญค่ะ บางครั้งเมื่อลูกไม่ยอมทำตามคำสั่ง ดื้อ โยเย ห้ามเข้าไปโอ๋หรือแสดงพฤติกรรมที่ผิดไปจากที่เคยทำทุกครั้ง เพราะคราวนี้ลูกจะสร้างเงื่อนไขใหม่ขึ้นมา เช่น การร้องโยเย เพราะรู้ว่าเมื่อใดที่ร้องโยเย จะได้ในสิ่งที่ต้องการ คือไม่ต้องเก็บของเล่น คราวต่อไปเมื่อลูกไม่ยอมเก็บของเล่น พอคุณแม่ดุ ก็จะร้องโยเยขึ้นมา คุณแม่ก็โอ๋ ลูกก็จะคิดว่าการร้องคือทางออกของปัญหา ก็จะแสดงพฤติกรรมไม่ดีแบบนี้ต่อไป
14.ลดสิ่งที่ชอบ
การลงโทษแบบลดสิ่งที่ชอบ หรือกิจกรรมที่โปรดปรานก็เป็นการลงโทษอีกแบบหนึ่งที่อาจจะไม่เจ็บกาย แต่เจ็บใจได้พอดูทีเดียวค่ะ แต่ต้องระวังให้ไม่กระทบกับสุขภาพร่างกายลูกด้วย เช่น การงดข้าวเย็น ห้ามทานนม แบบนี้ไม่ดีแน่ค่ะ
15.พัฒนาการก็สำคัญ
เด็กแต่ละวัยมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน การฝึกเรื่องระเบียบวินัยก็ควรคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ในช่วง 2-3 ปีนั้นเด็กสามารถช่วยเหลือตนเองในเรื่องง่ายๆได้แล้ว รวมถึงเรื่องง่ายๆ ที่พ่อแม่มอบหมายให้เช่นกัน สิ่งสำคัญสำหรับเด็กช่วงนี้คือควรปล่อยให้เขาได้เล่นอย่างมีอิสระ แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลาและสถานที่ที่กำหนด ลูกก็จะเริ่มเรียนรู้ว่ามีบางครั้งเล่นหรือทำไม่ได้ในบางสิ่งเช่นกัน
ทั้ง 15 ข้อนี้คงเป็นข้อคิดให้คุณพ่อคุณแม่ได้บ้างไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับการฝึกในเรื่องระเบียบวินัยให้ลูกน้อย ยิ่งโดยเฉพาะในวัย 1-3 ขวบ ซึ่งเป็นวัยแรกเรียนรู้ การเริ่มฝึกในช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่สำคัญที่จะปลูกฝังรากฐานของความมีวินัยให้ลูกน้อยได้ค่ะ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)